Pream Part
.
“ตื่นเต้นไหมพิมมี่” เสียงของนิโคลัสทำให้ฉันละความสนใจจากงานตรงหน้าและหันกลับไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มให้เขา
“ถ้าบอกว่าไม่เลยค่ะ ฉันไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่นิดเดียว แบบนี้บอสจะเชื่อฉันไหมคะ?”
“ไม่มีทาง แฟชั่นโชว์แรกของผมตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลม คุณจะมาแข็งแกร่งกว่าผมไม่ได้นะ” นิโคลัสตอบกลับขำ ๆ และคำพูดของเขาก็ทำให้ฉันหัวเราะออกมาจนได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่นิโคลัสก็มักจะผ่อนคลายความเครียดและความกังวลให้คนอื่นได้เสมอ เขาเก่งเรื่องนี้จริง ๆ
“ตื่นเต้นค่ะ แต่ตอนนี้หายตื่นเต้นนิดหนึ่งแล้วเพราะได้คุยกับบอสนี่แหละ” นิโคลัสขำออกมาเสียงดัง ฉันไม่ได้พูดเกินจริงหรืออยากจะยอเขา แต่เพราะพอได้คุยกับนิโคลัสฉันก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นจริง ๆ
เรายืนคุยกันได้ไม่นานนิโคลัสก็ถูกตามตัว เขาหันมาชูกำปั้นให้ฉันเป็นเชิงว่าให้สู้ ๆ ก่อนจะเดินตามทีมงานไป
ฉันหันกลับมาดูชุดที่เตรียมไว้ให้นางแบบใส่อีกครั้ง มองผลงานของตัวเองด้วยความชื่นใจ กว่าเก้าเดือนที่ฉันลงแรงไปกับมัน วันนี้ผลงานของฉันกำลังจะเปิดเผยให้คนอื่นได้เห็นแล้ว แม้คอลเลคชั่นนี้จะเปิดตัวภายใต้แบรนด์ของนิโคลัส แต่นิโคลัสก็ให้เครดิตฉันร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาใช้ชื่อฉันห้อยท้ายชื่อแบรนด์ของเขาเพื่อให้คนจดจำได้ และเขาก็ให้ฉันขึ้นไปเดินตอนท้ายของโชว์ในฐานะดีไซน์เนอร์ โดยที่เขาจะเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ไม่เข้ามาแย่งแสงไฟจากฉันแม้แต่นิดเดียว
วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันรอคอยไม่ต่างจากวันที่จะให้กำเนิดสองแฝด เพื่อน ๆ ทุกคนบินจากไทยเพื่อมาดูแฟชั่นโชว์ของฉัน ครอบครัวฉัน ครอบครัวคริสเองก็มา น่าเสียดายที่สองแฝดอายุยังน้อยเกินไปสำหรับงานที่มีเสียงอึกทึกแบบนี้ ตอนนี้เลยต้องอยู่บ้านกับพี่เลี้ยง ไม่ได้มาร่วมงานแฟชั่นโชว์แรกของแม่
“พิมมี่”
“อ้าว แซนดี้” ฉันหันกลับไปมองเพื่อนที่วันนี้มาอยู่ช่วยงาน แซนดี้เองก็จบแฟชั่นเหมือนกันกับฉัน แต่เธอยังไม่คิดเรื่องทำแบรนด์ของตัวเองก็เลยตัดสินใจทำงานอยู่กับแบรนด์อื่น ซึ่งเป็นแบรนด์ชื่อดังที่แทบไม่มีใครไม่รู้จักเลย เพราะฉะนั้นเรื่องฝีมือคงไม่ต้องพูดถึง ฉันดีใจมากที่วันนี้ได้เธอมาช่วยดูความเรียบร้อยให้
“เดี๋ยวจะให้นางแบบเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนไหน”
“คนที่แต่งหน้าเสร็จแล้วเปลี่ยนเลยก็ได้นะ”
“โอเค”
ฉันมองแซนดี้ที่เดินไปจัดการหน้าที่ของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว ไม่แปลกเลยที่แบรนด์ดังจะหวงแซนดี้ขนาดนั้น เพราะเธอทำงานเก่งจริง ๆ เวลาทำงานเธอก็จริงจังผิดกับนิสัยตอนอยู่กับเพื่อนอย่างสิ้นเชิง
ฉันตรวจเช็กความเรียบร้อยโดยรวมอีกครั้ง อีกไม่ถึงสองชั่วโมงแฟชั่นโชว์นี้ก็จะเริ่มขึ้น ฉันได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
.
.
“ขอเสียงปรบมือให้กับ คุณพริมาตา ดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบคอลเลคชั่นนี้ด้วยครับ!”
หลังจากพิธีกรพูดจบ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นเกรียวกราวจนฉันมือสั่น ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อระงับอาการตื่นเต้นของตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับนางแบบที่มาเป็นฟินนาเร่ให้ในค่ำคืนนี้
ฉันมองคนที่มานั่งดูงานของฉัน นักข่าว เพื่อน ครอบครัว คนในวงการแฟชั่น นักแสดง หรือแม้แต่เหล่าเซเลบริตี้ เมื่อฉันปรากฏตัวขึ้นทุกคนก็ลุกขึ้นยืนและปรบมือให้ ฉันมองเลยทุกคนไปที่นิโคลัสที่ยืนอยู่ไกล ๆ อย่างขอบคุณ ถ้าไม่ได้เขา งานวันนี้ก็คงไม่มีคนที่มีชื่อเสียง และนักข่าวมาร่วมงานมากมายขนาดนี้ ฉันมีก้าวแรกที่ดีได้เพราะเขาจริง ๆ
เสียงปรบมือดังยาวนานเกือบนาที ฉันอดน้ำตาคลอไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าความฝันจะถูกเติมเต็มได้อย่างสวยงามเกินที่ฝันไว้แบบนี้ ฉันยกเครดิตทั้งหมดให้เขา คนที่เป็นทั้งบอส และเป็นเหมือนพี่ชายแท้ ๆ เพราะถ้าไม่มีนิโคลัส ฉันคงทำตามความฝันได้อย่างยากลำบากกว่านี้แน่ ๆ
เมื่อเดินมาจนสุดเวที นางแบบฟินนาเร่ก็ยืนช่อดอกไม้มาให้ ฉันรับมาถือไว้และยืนนิ่งเพื่อให้สื่อได้ถ่ายรูป แสงแฟลชมากมายพุ่งเข้าตาไม่หยุด แต่ฉันกลับมีความสุดมากจนไม่หงุดหงิดเลย
เมื่อถ่ายรูปเสร็จฉันก็เดินกลับเข้าไปด้านหลัง แฟชั่นโชว์คอลเลคชั่นของฉันจบแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องลุ้นต่อไปว่าผลตอบรับจะออกมาแบบไหน ฉันไม่ได้คาดหวังมากมายอยู่แล้ว เพราะนี่เป็นแค่ก้าวแรกเท่านั้น
“พิมมี่”
“คะบอส” เสียงเรียกของนิโคลัสทำให้ฉันชะงักปลายเท้า ก่อนจะหันกลับไปมองเขา
“เดี๋ยวมีสัมภาษณ์นะ” พอนิโคลัสบอกแบบนั้นฉันก็ตาโต สัมภาษณ์เหรอ? ฉันไม่ใช่คนดังเสียหน่อย ทำไมต้องสัมภาษณ์ด้วย
“สัมภาษณ์ลงนิตยสารแฟชั่นน่ะ เดี๋ยวเขาจะเข้าไปสัมภาษณ์ที่บ้านถึงแรงบันดาลใจ เรื่องแฟชั่นอะไรพวกนี้ อาจจะมีเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย เพื่อนผมเอง เขาจะช่วยโปรโมทให้”
“บอส...” ฉันมองอีกฝ่ายด้วยความซาบซึ้ง ไม่คิดเลยว่าบอสจะผลักดันฉันมากขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่จำเป็นต้องทำเลย...
“มองหน้าผมแบบนั้นทำไม”
“ขอกอดได้ไหมคะ” ฉันเอ่ยขอออกไปดื้อ ๆ นิโคลัสก็เหมือนพี่ชายของฉันคนหนึ่ง ฉันแค่อยากกอด อยากขอบคุณเขาที่ดีกับฉันมาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่มีอะไรที่จะสามารถตอบแทนเขาได้เลย
“มาสิ” นิโคลัสอ้าแขนออกกว้างพร้อมรอยยิ้มโชว์ลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง ฉันรีบซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดของเขาทันที ไม่ถึงปีด้วยซ้ำที่เราได้รู้จักกัน แต่เขากลับให้โอกาสฉันหลายต่อหลายครั้ง ทั้งรับฉันเข้าทำงานทั้ง ๆ ที่รู้ว่าฉันกำลังตั้งท้อง ทั้งให้โอกาสฉันได้ทำคอลเลคชั่นของตัวเอง จะลาไปไหนก็ไม่เคยว่าถ้ามันจำเป็นจริง ๆ ฉันรู้ว่าต่อให้ขอบคุณเขาเป็นพันครั้งคงไม่พอกับสิ่งที่เขาให้มา ฉันแค่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีมากจริง ๆ ที่ได้เจอแต่คนรอบข้างที่ดีแบบนี้
“คุณดีกับฉันมาก แต่ฉันกลับไม่มีอะไรตอบแทนเลย”
“ไม่...”
“พิมมี่! อ๊ะ!!” นิโคลัสยังไม่ทันได้พูดจบก็มีเสียงขัดขึ้นเสียก่อน ฉันผละออกจากอ้อมกอดของเขา ก่อนที่เราทั้งสองคนจะหันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
“มีอะไรเหรอแซนดี้”
“...” แซนดี้ไม่ตอบ เธอยืนนิ่งเหมือนสติหลุด ฉันกับนิโคลัสมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะหันกลับไปเรียกเพื่อนอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังมากกว่าเดิม
“แซนดี้!”
“อ๊ะ! หะ...ห๊า ว่ายังไงนะพิมมี่” แซนดี้เหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ เธอกระพริบตาปริบ ๆ ใบหน้าของเธอแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ฉันไม่เข้าใจ
“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ มองเพื่อนสนิทด้วยสายตาเคลือบแคลงจนแซนดี้ต้องหลบตาหนี “ฉันแค่ถามว่าเธอมีอะไรหรือเปล่า จู่ ๆ ก็มาเรียกฉัน”
“อะ อ๋อ...” แซนดี้มีท่าทีแปลก ๆ พูดจาอึก ๆ อัก ๆ จนฉันอดสงสัยไม่ได้ วันนี้ทั้งวันเธอทำงานด้วยความคล่องแคล่ว พูดจาก็ฉะฉาน แต่พองานเสร็จก็กลายเป็นคนพูดติดอ่างไปหรือยังไง “ฉะ...ฉันจะเรียกให้ไปถ่ายรูปกับเพื่อนกับครอบครัวของเธอน่ะ พวกเขารออยู่”
“อย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะหันกลับไปเรียกผู้ชายเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนนิ่งอยู่ “บอสก็ไปด้วยกันนะคะ”
“เดี๋ยวพิมมี่”
“คะ?” ฉันมองแขนตัวเองที่ถูกนิโคลัสจับไว้ และพอหันไปมองหน้าประตูก็ไม่เห็นแซนดี้แล้ว นี่ก็เดินไม่รอกันเลย
“เมื่อกี้... ที่คุณพูดเรื่องตอบแทน” ฉันหันกลับมามองนิโคลัส ดวงตาของเขาแพรวพราวขึ้นจนฉันแอบขนลุกเบา ๆ เพราะไม่เคยเห็นเขาทำสายตาแบบนี้มาก่อนเลย มันแปลก... “ผมว่า... ตอนนี้คุณมีบางอย่างที่สามารถตอบแทนผมได้แล้วล่ะ”
“อะไรคะ...”
“เรื่องง่าย ๆ ไม่ต้องกังวล คุณทำให้ผมได้อยู่แล้ว”
รอยยิ้มและสายตาแบบนั้นมันคืออะไรกัน...
.
.
“ที่มาของคอลเลคชั่นนี้ มาจากตอนที่ฉันคิดโปรเจกต์จบไม่ออก ฉันก็เลยลองเดินเล่นรอบ ๆ รอบมหาวิทยาลัยไปเรื่อย ๆ เดินสังเกตผู้คนอยู่แบบนั้นเป็นอาทิตย์เลยค่ะ แล้วไอเดียมันผุดตอนนั้น”
“เรียกได้ว่า...จู่ ๆ ก็มา อะไรแบบนี้ใช่ไหมคะ”
“ประมาณนั้นค่ะ” ฉันส่งยิ้มให้เพื่อนของนิโคลัส เธอชื่อจูเลีย เป็นนักเขียนบทความแฟชันชื่อดังที่มีคนติดตามมากมายในบล็อกของเธอ และทำงานอยู่ที่นิตยาสารแฟชั่นชื่อดังที่ออสเตรเลีย
ฉันตกใจไม่น้อยเมื่อรู้หน้าที่การงานของเธอ ไม่คิดว่านิโคลัสจะให้ฉันได้สัมภาษณ์ลงนิตยาสารยักษ์ใหญ่แบบนี้เลย แต่เมื่อมองอีกทาง...อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าเป็นนิโคลัส แม้เขาจะทำตัวติดดิน แต่จริง ๆ แล้วเขามีอำนาจมากมายที่ฉันไม่กล้าเข้าไปวุ่นวาย รู้เท่าที่เขาอยากให้รู้ก็เพียงพอแล้ว
“ท่ามกลางการแข่งขันมากมาย คุณคิดว่าอะไรที่สิ่งที่เป็นจุดแข็งในตัวคุณ หรือเสื้อผ้าของคุณคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด