PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด นิยาย บท 49

Chris Part

.

สองปีต่อมา

.

ผมได้แต่คิดว่าบางทีเวลามันก็เดินไวเกินไป เหมือนผมกระพริบตาแค่ครั้งเดียว เวลาก็ล่วงเลยมาสองปีแล้วหลังจากที่ได้ยินคำว่ารักจากพรีม

ตอนนี้เราทั้งครอบครัวย้ายกลับมาอยู่ที่ไทยถาวรได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว เลยกำหนดที่ควรกลับไปสี่เดือนกว่า เพราะอาชีพของพรีมกำลังเติบโต ผมเลยไม่คิดจะเร่งรัดเธอและเฝ้ารออย่างอดทน พรีมขอเวลาเพิ่มอีกสี่เดือน ผมได้แต่ยิ้มและพยักหน้ารับว่ารอได้ ก็ผมรอเธอมาสองปีแล้ว ทำไมจะรอต่ออีกสี่เดือนไม่ได้ และเมื่อครบสี่เดือนปุ๊ป เราก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยทันที

และเนื่องจากความไม่ลงตัวของสองบ้าน ที่อยากให้ผมและพรีมรวมถึงลูก ๆ ไปอยู่ด้วย ผมเลยตัดสินใจสร้างบ้านของตัวเองขึ้นมา และสัญญากับพวกท่านว่าจะพาหลานกลับไปนอนบ้านทุกอาทิตย์สลับกันไป พวกท่านฮึดฮัดนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ยอมตามใจผมและพรีมแต่โดยดี

ผมจัดการเรื่องบ้านตั้งแต่ลูกอายุหนึ่งขวบ พรีมให้ผมเป็นคนตัดสนใจเกือบทั้งหมด เพราะผมมีความรู้เรื่องนี้ ส่วนพรีมจะช่วยตัดสินใจแค่บางอย่างเท่านั้น บ้านหลังนี้จึงเป็นบ้านที่ค่อนข้างมีกลิ่นอายของผมอยู่มาก แต่ดูเหมือนว่าพรีมเองก็พอใจกับมันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะพื้นที่ของบ้านที่กว้างขวาง และมีสวนหน้าบ้านให้ลูก ๆ ทั้งสามวิ่งเล่นด้วยกันได้

อ่านไม่ผิดหรอกครับ ลูกทั้งสาม

ไม่ใช่ลูกที่เป็นคน แต่เป็นลูกสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีอายุห้าเดือนที่ผมและพรีมเพิ่งไปรับมาเลี้ยงต่างหาก

ส่วนเรื่องลูกที่ผมอยากมีเพิ่ม พรีมขอเวลาเพราะอยากทำงานและให้สองแสบโตขึ้นมากกว่านี้ก่อน ผมเห็นด้วย เพราะถ้ารีบมีจะลำบากเกินไป แค่พอใจและพีทพวกเราก็แย่แล้ว อีกอย่าง... พรีมก็ไม่อยากมีพี่เลี้ยงด้วยถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ การเลี้ยงลูกสองคนด้วยตัวเองเลยค่อนข้างเหนื่อย ถ้ามีเพิ่มอีกคนในตอนนี้จะทำให้เหนื่อยกว่าเดิมหลายเท่า

และเพราะเหตุผลนั้น เราเลยไม่ได้พูดถึงเรื่องลูกกันอีก แต่ผมก็ยังหวังเสมอว่าถ้ากลับไทยเมื่อไหร่ พรีมจะยอมมีลูกเพิ่มอีกซักคน

จนกระทั่งก่อนที่จะกลับมาจากออสเตรเลีย พรีมก็เข้ามาพูดกับผมว่าอยากเลี้ยงลูกหมาซักตัว ผมไม่ได้เกลียดหมาหรือแมว แต่พอพรีมพูดแบบนั้นผมก็คิดได้ทันทีว่าพรีมยังไม่ได้อยากมีลูกเร็ว ๆ นี้ หรือจริง ๆ แล้วเธออาจจะลืมมันไปแล้วก็ได้

ผมถอนหายใจ ไม่กล้าท้วงกับพรีมเรื่องนี้ ผมไม่อยากบังคับเธอ เพราะประสบการณ์การท้องหรือการคลอดลูกสำหรับพรีมมันไม่น่าจดจำในด้านดีเท่าไหร่นัก ผมไม่ควรเอาแต่ใจตัวเอง

.

.

ห้าเดือนต่อมา

.

“โฮ่ง!!”

“ออสก้า อย่าเห่าเสียงดังซี่ เดี๋ยวน้องตื่น” ผมหันไปดุเจ้าไซบีเรียนฮัสกีที่ตอนนี้ตัวโตมากแล้ว ออสก้าวัยสิบเดือนมีนิสัยขี้เล่นและแสนรู้ เข้ากับพีทและพอใจได้ดี แต่เพราะความแสนรู้และเข้ากับลูก ๆ ได้ดีของมันนั่นแหละที่ทำให้ผมปวดหัว

วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของผมและพรีม เรามีนัดออกไปทานอาหารเย็นกันตอนสองทุ่ม ผมรีบส่งสองแสบเข้านอนตั้งแต่ทุ่มตรง และให้ฟ้า พี่เลี้ยงวัยสามสิบที่จู่ ๆ พรีมก็ตัดสินใจจ้างมาช่วยเลี้ยงลูกดูแลต่อ ถึงจะมีพี่เลี้ยงแล้ว แต่ถ้าลูก ๆ ตื่นขึ้นมาตอนนี้ผมและพรีมคงไม่มีกระจิตกระใจไปเดตกันได้ลง คงต้องกลับเข้าไปกล่อมลูกจนกว่าพวกเขาจะหลับตามเคย

และออสก้ามันคงคิดว่าผมจะแอบหนีเที่ยวละมั้ง เพราะมันรีบเห่าฟ้องเจ้านายมันทันทีจนผมดุแทบไม่ทัน นิสัยขี้ฟ้องของมันทำให้ผมอยากเอามันกลับไปส่งที่ฟาร์มเหมือนเดิม รู้ดีนัก

“ยังมามองหน้าแบบนี้อีก” ผมชี้หน้ามันที่เอียงคอมองอย่างคาดโทษ ก่อนจะหันไปมองพรีมที่เปิดประตูออกมาเบา ๆ

“ทะเลาะกับออสก้าอีกแล้วเหรอ” พรีมถามขำ ๆ ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าผมไม่ค่อยลงรอยกับออสก้าเท่าไหร่

“มันเห่าฟ้องลูก ๆ ว่าเราหนีเที่ยว”

“บ้า ใส่ร้ายมัน หมามันไม่ได้รู้เรื่องมากขนาดนั้นหรอก เนอะออสก้าเนอะ”

น้อยไปสิ

ผมมองพรีมที่ก้มลงไปยีหัวหมาหน้าซื่อใจคดอย่างหมั่นไส้ ไอ้หมาบ้านี่มันเล่นละครเก่ง อยู่กับผมก็ชอบเห่าใส่ ไม่ชอบให้เข้าไปเล่นด้วย แต่พออยู่กับพรีมก็จะทำตัวเป็นลูกหมาที่แสนน่ารัก ขี้อ้อน แสนรู้ คนที่ตามหมาไม่ทันแบบพรีมเลยตกหลุมพรางมันได้ง่าย ๆ มีแค่ผมละมั้งที่รู้ธาตุแท้ของมัน

“ไปกันหรือยัง เดี๋ยวจะไม่ทัน”

“ไปสิ” ตอบทั้ง ๆ ที่ไม่หันหน้ามามองซักนิด เอาแต่เล่นกับหมาจนผมยืนหัวเน่าอยู่คนเดียว “ดูแลบ้านด้วยนะออสก้า ถ้าเป็นเด็กดีฉันจะให้ขนมเพิ่ม”

“ให้มันเพิ่มเดี๋ยวมันก็อ้วนตาย”

“โฮ่ง!”

“เอ๊ะ! บอกว่าอย่าเห่า พูดไม่รู้เรื่องหรือยังไง”

“ก็นายไปว่ามันอ้วน มันเลยเห่าไง” ผมมองหน้าพรีมอย่างเหลือเชื่อ นี่ผมกำลังจะตกกระป๋อง กลายเป็นสามีและพ่อหัวเน่าเพราะหมานี่ใช่ไหมเนี่ย “ไปกันเถอะ”

ผมมองพรีมที่เดินนำที่รถ ก่อนจะหันไปชี้หน้าหมานิสัยไม่ดีอย่างคาดโทษ พรุ่งนี้จะเอาขนมไปซ่อนให้หมด

“คริส ทำอะไรอยู่”

“กำลังไป” ผมหันไปตอบพรีม ก่อนจะเดินหาเธออย่างรวดเร็ว

.

.

“บรรยากาศดีจัง” พรีมองไปรอบ ๆ อย่างชอบใจ เธอหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายบรรยากาศรอบ ๆ ไว้ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ผม

“ชอบไหม” ผมถาม กว่าผมจะจองที่นี่ได้เล่นเอาลำบากอยู่เหมือนกัน ที่นี่เป็นสถานที่ที่โรแมนติกและจองยากที่สุดแล้ว รวมถึงราคาก็แพงจนสามารถซื้อกระเป๋าชาแนลของพรีมได้สบาย ๆ แต่เพราะบรรยากาศ รสชาติของอาหาร(ทางร้านจะมีให้ชิมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อแพ็กเกจนี้) และความเป็นส่วนตัวแบบนี้ทำให้ผมยอมจ่ายเงินหลายหมื่นเพื่อวันครบรอบของเรา และรอยยิ้มของพรีมก็ทำให้ผมรู้สึกดีใจ เพราะว่ามันคุ้มค่ามากจริง ๆ กับเงินที่จ่ายไป

“ชอบสิ ชอบมาก”

“ฉันดีใจที่เธอชอบ”

เพียงไม่นานอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ เริ่มจากของทานเล่น เรื่อยไปจนถึงเมนคอร์สที่เป็นสเต็กเนื้อชั้นดี และตบท้ายด้วยของหวาน อาหารที่มีหน้าตาสวยงามและมีรสชาติเอร็ดอร่อยทำให้พรีมตาโตทุกครั้งที่ได้เห็นหรือได้ชิม ผมยิ้มอย่างมีความสุข...เพราะพรีมมีความสุข

“อร่อยไหม”

“อร่อย อิ่มมากด้วย ฉันกินหมดทุกอย่างได้ยังไงเนี่ย” พรีมอุทานกับตัวเอง เหมือนเธอเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกินไม่หยุด ผมยิ้มขำกับท่าทีของเธอ “ตายแน่ ๆ ถ้าได้กินของอร่อย ๆ จนหยุดปากตัวเองไม่ได้แบบนี้ทุกวันฉันต้องกลายเป็นหมูแน่ ๆ เลย”

ผมหัวเราะเบา ๆ มองคนที่ทำปากยู่นิด ๆ อย่างเอ็นดู พรีมอายุมากขึ้น หน้าที่การงานเติบโตมากขึ้นจนมีแบรนด์เป็นของตัวเอง แถมยังมีลูกถึงสองคน แต่นิสัยและหน้าตาเธอกลับเด็กลงทุกวัน ไม่ใช่ในทางที่ไม่ดีอะไร เธอแค่อ้อนเก่ง ทำหน้าตาน่ารัก ๆ เก่งจนตอนนี้ผมไปไหนไม่รอด ถอนเขี้ยวเล็บออกถาวร

“ต่อให้เป็นหมูยังไงฉันก็รักเธอ” คำพูดของผมทำให้พรีมชะงักไป เธอแสร้งหันไปมองวิวข้างนอกแก้เขิน แต่ผมก็ยังเห็นว่าเธอกำลังยิ้มจนแก้มป่อง “ออกไปเต้นรำกันไหม ย่อยอาหารที่กินไป จะได้ไม่เป็นหมูไง”

“นายนี่” พรีมทำท่าดุ แต่สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้นอยู่ดีเมื่อผมโค้งให้ เธอวางมือบนมือผมที่ยื่นออกไปรอ ก่อนที่เราสองคนจะเดินออกไปเต้นรำไม่ห่างจากโต๊ะมากนัก และเพราะตรงนี้เป็นมุมส่วนตัว จึงไม่มีใครเห็นว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ทั้งนั้น พรีมเลยไม่เขินมากเมื่อต้องเต้นรำกับผมแบบนี้

“วันนี้เธอสวยมาก ฉันบอกไปหรือยัง” พรีมหลบตาผมเมื่อผมพูดแบบนั้น วันนี้พรีมอยู่ในชุดราตรีเกาะอกสีน้ำเงิน มันขับผิวที่ขาวกระจ่างของพรีมให้โดดเด่นขึ้น เธอทำผมรวบไปไว้ที่ท้ายทอยเพื่อโชว์คอระหง ปล่อยปอยผมลงมาต้นหน้าเล็กน้อย วันนี้พรีมสวยไม่ต่างจากวันแต่งงานของเราเลย

“ฉันมีความสุข” ผมกระซิบบอกเธอ ผมมีความสุขมากจริง ๆ สามปีที่แล้วผมไม่ได้มีความสุขมากขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่ที่แต่งงานกับเธอ แต่วันนี้ความสุขของผมมันสูงมาก มากถึงขนาดที่ว่า... ถ้ามีปรอทวัดปรอทคงแตกไปแล้ว

“ฉันก็มีความสุข...ที่ได้แต่งงานกับนาย”

ผมดึงพรีมเข้ามากอด ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้เรื่องราวทั้งหมดมันจะเป็นแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพรีมเป็นภรรยาที่น่าทึ่งเสมอ เธอสวย เธอเก่ง ทั้งทำงานและดูแลลูกได้ไม่เคยขาดตกบกพร่อง แถมยังแบ่งเวลามาเอาใจผมอีก ผมไม่ได้ครึ่งของเธอเลย

“อ๊ะ อะไร” พรีมอุทานเบา ๆ หลังจากที่ผมสวมสร้อยที่ตั้งใจซื้อมาเป็นของขวัญให้เธอ เธอผละออกห่าง ก่อนจะก้มมองสร้อยที่ผมสวมให้

“นางฟ้า กับเทวดาอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่ ฉันสั่งทำพิเศษ” จี้นางฟ้าและเทวดาตัวเล็ก ๆ ผมสั่งทำเป็นพิเศษ ทำจากเพชรที่ไร้ตำหนิ เพื่อเป็นตัวแทนของลูกทั้งสองคน เพราะเขาทั้งสองเป็นเทวดาและนางฟ้าที่งดงาม และไร้ที่ติเหมือนกับเพชรนี้

“หมายถึงอะไรเหรอ นางฟ้า และเทวดานี้”

“พอใจ กับพีท”

พรีมเงยหน้าขึ้นมองผมเมื่อผมตอบแบบนั้น ดวงตาของเธอเจือแววบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่กลับเดินไปหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋ามายื่นให้ผม

ผมรับกระดาษแผ่นเล็กมาดู ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามันคืออะไร

“พรีม...นี่มัน”

“ฉันว่า นายคงต้องสั่งทำจี้เพิ่มแล้วล่ะ”

“พรีม...”

“หืม”

PLAYBOY : Epilogue 1

PLAYBOY : Epilogue 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด