เวลาเดินเร็วจนใจหาย เผลอแปปเดียวพอใจและพีทก็ต้องเข้าโรงเรียนแล้ว คริสปรึกษากับพรีมค่อนข้างจริงจังสำหรับเรื่องนี้ ทั้งอายุที่ควรให้ลูกเข้าอนุบาลหนึ่ง หรือโรงเรียนที่จะให้ลูกเรียน แต่ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าช่วงสามถึงห้าขวบจะหาครูมาสอนเด็ก ๆ ที่บ้านเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าโรงเรียนจริง และให้ลูกเริ่มเข้าอนุบาลหนึ่งตอนห้าขวบ
คริสเครียดหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเขาเคยอ่านเจอมาว่าถ้าส่งลูกเข้าเรียนเร็วไปก็ไม่ดี เด็ก ๆ จะยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ครูก็ไม่ใช่พ่อแม่ที่จะรักและดูแลเด็กได้ดีเท่ากับพ่อแม่แท้ ๆ เขาปรึกษากับพรีม พ่อแม่ของพรีม พ่อแม่ของตัวเอง รวมถึงเพื่อน ๆ ในกลุ่มอยู่หลายเดือน และสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าห้าขวบคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ส่วนโรงเรียนเนตั้นเป็นคนแนะนำมา ซึ่งพอได้เข้าไปเดินดูและพูดคุยกับครูหลาย ๆ ครั้งก็ทำให้เขารู้สึกพอใจมากกับโรงเรียนนี้
เมื่อได้โรงเรียนที่ถูกใจแล้วเขาก็สมัครให้ลูกเสร็จสรรพ เพียงไม่นานก็ถึงวันแรกที่ลูก ๆ ต้องไปเรียน เช้าแรกของการพาลูกไปโรงเรียนวุ่นวายเสมอ เขาได้รู้ซึ้งถึงการเป็นพ่อจริง ๆ เมื่อตอนที่ลูกงอแงไม่ยอมตื่นนี่แหละ
“พอใจขา ตื่นได้แล้วลูก”
“...” เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ คริสเรียกลูกสาวมาหลายนาทีแล้วแต่เจ้าตัวไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย เขาหันไปมองพรีมที่กำลังช่วยลูกชายถอดเสื้อผ้าอย่างต้องการความช่วยเหลือ แต่พรีมกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ มันน่าจับมาฟัดแรง ๆ จริง ๆ
“พอใจลูก พีทตื่นแล้วนะ หนูก็ต้องตื่นแล้วเหมือนกันรู้ไหม”
“...”
ยังคงเงียบ พอใจไม่แม้แต่จะเปิดผ้าห่มออกมามองหน้าพ่อบังเกิดเกล้าแม้แต่นิด ไม่รู้เอาแต่ใจตัวเองได้ใคร
“ถ้าพอใจไม่ตื่น วันนี้ป๊ะป๊าจะเพิ่มผักให้หลายชิ้นเลย”
“ไม่เอานะคะ!” พอได้ยินคำขู่ ร่างเล็กก็ลุกพรวดขึ้นทันที พอใจกับผักคือศัตรูกัน เหมือนน้ำกับน้ำมันที่ไม่มีทางเข้ากันได้
“ถ้าไม่เอาก็รีบลุกค่ะคนเก่ง ถ้าหนูไม่งอแงป๊ะป๊าจะช่วยกินแครอทหนึ่งชิ้น” คริสรีบยื่นข้อเสนอ เหลือบตามองพรีมที่ทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ทำไงได้ล่ะ วันนี้เข้าเป่ายิ้งฉุบแพ้เลยต้องปลุกเด็กดื้อแบบพอใจนี่ ลองให้พรีมมาปลุกเองบ้างก็คงทำไม่ต่างจากเขามากหรอก
“ค่ะ หนูตื่นแล้ว” และมันก็ได้ผล ตาโต ๆ ลืมแป๋วเหมือนไม่เคยงัวเงียมาก่อน ก่อนจะโถมร่างเข้ากอดป๊ะป๊าอย่างรักใคร่เพราะจะช่วยพอใจกินผัก “อาบน้ำกัน ๆ”
“โอเคครับเจ้าหญิงคนสวยของป๊ะป๊า”
.
.
โรงเรียนที่คริสและพรีมเลือกให้ลูกเป็นโรงเรียนนานาชาติ เพราะอยากให้ลูกได้ภาษาที่หลากหลาย ได้ศึกษาวัฒนธรรมที่แตกต่างตั้งแต่เด็ก ๆ โตไปจะได้เข้ากับคนง่าย ๆ และการพูดได้หลายภาษามันก็ได้เปรียบ แม้ว่าตอนนี้ทั้งพีทและพอใจจะพูดได้สามภาษาแล้วก็ตาม
น้องคนเล็กอย่างพอร์ชเองก็ตื่นแต่เช้า เหมือนรู้ว่าวันนี้พี่ ๆ จะไม่อยู่เล่นด้วยเพราะต้องไปโรงเรียน เจ้าตัวเล็กถึงได้งอแงร้องจะมาด้วยให้ได้ สุดท้ายคุณพ่อคุณแม่อายุน้อยก็ต้องกระเตงลูกทั้งสามคนมาด้วยกัน วุ่นวายไม่น้อย แต่ก็เรียกร้อยยิ้มให้ทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
“เด็กหญิงพิชาภัทร เด็กชายภัทรนะคะ”
“ใช่ครับ”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ” คริสและพรีมมองบรรยากาศของโรงเรียนด้วยความพอใจ ที่จริงพวกเขาทั้งคู่เข้ามาดูโรงเรียนหลายครั้งแล้ว แต่ตอนนั้นทั้งโรงเรียนอยู่ในช่วงปิดเทอม เห็นแต่โรงเรียนไม่มีเด็กซักคน ทว่าวันนี้มีเด็ก ๆ วิ่งเล่นเต็มโรงเรียนไปหมด แต่ก็มีครูและพี่เลี้ยงมากมายคอยดูแลทุกคนอย่างทั่วถึง เห็นแบบนี้คนเป็นพ่อและแม่ก็สบายใจ แม้จะสิ่งดี ๆ พวกนี้จะแลกมาด้วยค่าเทอมหกหลักต่อคนก็ตาม
แลกกับคุณภาพชีวิตที่ดีของลูก คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยอมได้ทั้งนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด