ประกาศิตราชามังกร นิยาย บท 5

ตอนที่ 5 ของมือสอง

ขณะที่เฉินผิงเดินไปถึงหน้าประตูบ้าน ขบวนรถรับเจ้าสาวก็มาจอดขวางทางพอดี! ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสูทรองเท้าหนังเดินลงจากรถ ในมือของเขามีช่อดอกไม้อยู่ช่อหนึ่ง ชายคนนี้ก็คือเซียวเหล่ย! เซียวเหล่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเฉินผิง แต่แล้ว เขาก็หัวเราะออกมาทันที “ลืมไปเลยว่าวันนี้แกออกมาจากคุกแล้ว แหม บังเอิญจริงๆ เลย จะไปร่วมงานแต่งของฉันกับซานซานไหมล่ะ” เซียวเหล่ยมองเฉินผิงอย่างมีเลศนัย ในดวงตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ส่วนเฉินผิงนั้น เพียงแค่เหลือบมองเซียวเหล่ยด้วยสายตาเย็นชา และหันตัวจะจากไป เขาไม่อยากเปลืองน้ำลายกับคนแบบนี้! “อย่าเพิ่งไปสิ!” เซียวเหล่ยยังคงรั้งเฉินผิงเอาไว้ “แกไม่มีเงินใส่ซองใช่ไหมล่ะ ไม่เป็นไร แกไม่ต้องใส่ซองหรอก ไปถึงงาน อาหารเหลือๆ บนโต๊ะ แกกินได้ตามใจชอบเลย พวกเราจัดงานแต่งที่โรงแรมฟู่เหา ถ้าแกไม่ไป ฉันเกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติ แกคงจะไม่มีโอกาสได้ไปกินอาหารที่นั่นอีก!” เซียวเหล่ยเหยียดหยามเฉินผิงไม่พอ ยังยกมือขึ้นตีแก้มเฉินผิงอีกด้วย เฉินผิงออกแรงปัดมือของเซียวเหล่ยออก! “โง่เง่า แต่งกับของมือสอง มีอะไรน่าอวด ก็แค่ของเล่นที่ข้าเล่นจนเบื่อแล้ว” เฉินผิงหัวเราะเยือกเย็น จริงๆ แล้วเฉินผิงไม่เคยแตะต้องเกิ่งซานซานเลย แม้แต่มือก็ยังไม่เคยจับ ที่เขาพูดก็เพื่อให้เซียวเหล่ยรู้สึกขยะแขยง และถือโอกาสแก้เผ็ดเกิ่งซานซานไปด้วย เมื่อเซียวเหล่ยได้ยินก็นิ่งอึ้ง และหันไปมองเกิ่งซานซานทันที! เกิ่งซานซานเคยบอกเขาว่า เธอยังไม่เคยแม้แต่จับมือกับเฉินผิงเลย แล้วตอนนี้มันคืออะไร เกิ่งซานซานรู้สึกกระวนกระวายเมื่อเห็นเซียวเหล่ยมองมาที่เธอ เธอจึงหันไปตะคอกใส่เฉินผิง “เฉินผิง นายเพ้อเจ้ออะไร ใครถูกนายเล่น สันดานอย่างนาย แม้แต่มือ ฉันก็ไม่เคยให้จับ!” จย่าเหม่ยลี่ก็ร้อนใจเช่นกัน เธอด่าทอใส่เฉินผิง “เฉินผิง อย่ามาทำตัวเป็นองุ่นเปรี้ยวนะ สภาพอย่างแก ลูกสาวฉันมีหรือจะยอมให้แตะเนื้อต้องตัว!” “เซียวเหล่ย เธออย่าไปฟังมันพูดจาส่งเดชนะ เห็นๆ อยู่ว่ามันต้องการทำให้เธอรังเกียจลูกสาวของน้า” จย่าเหม่ยลี่พยายามอธิบายกับเซียวเหล่ย กว่าจะได้พบเจอกับเขยเต่าทองคำนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอจะไม่ยอมให้คำพูดของเฉินผิงมาก่อกวนเด็ดขาด “คุณน้าวางใจเถอะ ผมไม่เชื่อมันหรอก” เซียวเหล่ยเองก็ไม่โง่ เขาย่อมไม่เชื่อคำพูดของเฉินผิงง่ายๆ แน่นอน! “เชื่อหรือไม่ ก็เรื่องของนาย” เฉินผิงขี้คร้านจะสนใจเซียวเหล่ยแล้ว จึงเดินอ้อมตัวเขาออกไปด้านนอก! “เดี๋ยว!” เซียวเหล่ยรั้งเฉินผิงไว้ “ทางที่ดี แกควรเก็บปากของแกไว้ อย่าเอาภรรยาของฉันไปพูดเสียๆ หายๆ ข้างนอกล่ะ ไม่อย่างนั้นได้เห็นดีแน่” เซียวเหล่ยกลัวว่าเฉินผิงจะไปพูดมั่วๆ ข้างนอกแล้วทำให้ตระกูลเซียวเสียหาย! “ฮ่าๆ ปากอยู่กับฉัน ฉันพอใจจะพูดอะไรก็ได้ นายมีสิทธิ์มาสั่งฉันเหรอ” เฉินผิงมองเซียวเหล่ยอย่างเย็นชา “นายระวังเอาไว้ก็แล้วกัน อย่าให้วันไหนดวงกุด จะตายไม่รู้ตัว!” เมื่อเห็นแววตาที่เยือกเย็นของเฉินผิง เซียวเหล่ยนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ความกลัวผุดขึ้นในใจของเขา แต่ก็เพียงแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น เซียวเหล่ยรู้สึกว่าตนเองถูกลบหลู่ จึงถลึงตาพลางด่าว่า “ไอ้น้อง ถ้าแกไม่กลัวตายก็ลองดู ถึงตอนนั้น อย่ามาคุกเข่าอ้อนวอนก็แล้วกัน!” ใบหน้าของเซียวเหล่ยเต็มไปด้วยความโกรธขึ้ง ถ้าวันนี้ไม่ใช่วันมงคลของเขา เฉินผิงได้เห็นดีไปนานแล้ว! “ยังไม่รู้เลยว่าใครกันแน่จะได้คุกเข่า คอยดูก็แล้วกัน!” เฉินผิงจ้องกลับเซียวเหล่ย “เซียวเหล่ย ได้ฤกษ์แล้ว พวกเราอย่าไปสนใจไอ้ยาจกนี่เลย ไร้สาระ!” จย่าเหม่ยลี่เหลือบมองเฉินผิงด้วยสายตาดูแคลน! เซียวเหล่ยเดินถือช่อดอกไม้เข้าไปในบ้านพร้อมกับกลุ่มคน! เฉินผิงมองตามเซียวเหล่ย ฉับพลันนั้น มีลำแสงเปล่งออกมาจากนิ้วของเขา และพุ่งตรงไปที่เซียวเหล่ย ร่างกายของเซียวเหล่ยกระตุกสั่นเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้ใส่ใจและเดินตรงเข้าไปในบ้านต่อ “ฉันจะคอยดูว่านายจะมาคุกเข่าขอร้องฉันหรือเปล่า!” รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินผิง เขาหันหลังเดินจากไป และมุ่งตรงไปยังโรงแรมฟู่เหา ……………… ที่หน้าประตูโรงแรมฟู่เหา! ซูเหวินจงออกมารอเฉินผิงที่ประตูโรงแรมด้วยตัวเอง การปรากฏตัวของเขา ทำให้ผู้คนที่เข้ามาในโรงแรมต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา “นี่ไม่ใช่เศรษฐีซูหรอกหรือ เขามายืนอยู่หน้าโรงแรมเหมือนกำลังรอใครอยู่ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครถึงทำให้เศรษฐีซูถึงกับต้องมายืนรอด้วยตัวเอง!” “ได้ยินมาว่า งานแต่งงานของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเซียวจัดขึ้นที่นี่ คงไม่ได้กำลังรอคนของตระกูลเซียวอยู่หรอกนะ” “เป็นไปได้ ยังไงตระกูลเซียวก็เป็นตระกูลเศรษฐีเหมือนกัน ก็ควรจะให้เกียรติกันบ้าง” ผู้คนที่เดินเข้าไปในโรงแรมฟู่เหาต่างก็ซุบซิบกัน ส่วนซูเหวินจงก็เดินไปมาอยู่ที่ประตูทางเข้า พลางเหลือบมองนาฬิกาเป็นครั้งคราว ใบหน้าดูร้อนรน “พ่อคะ หนูว่าอีตาคนนั้นพูดจามั่วซั่ว เขาบอกว่าพ่อบาดเจ็บที่ปอดซ้าย แถมยังเป็นโรคร้ายแฝงที่มีโอกาสถึงชีวิต เพ้อเจ้อทั้งนั้น พ่อแค่เป็นหวัดปอดอักเสบเท่านั้นเองค่ะ พ่อไม่ต้องรอแล้ว ให้หนูพาพ่อไปโรงพยาบาลดีกว่านะคะ!” ซูอวี่ฉีพูดโน้มน้าวซูเหวินจง ซูเหวินจงยืนรออยู่ตรงนี้มากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเฉินผิง ซูอวี่ฉีรู้สึกว่าเฉินผิงพูดจาเลอะเทอะ จะว่าไปแล้ว ซูเหวินจงไม่เคยบอกพวกเขาเลยว่าปอดซ้ายมีปัญหา และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีอาการเลย” “อวี่ฉี มีหลายเรื่องที่ลูกยังไม่เข้าใจ อาการป่วยของพ่อ ถึงไปโรงพยาบาลก็รักษาไม่หาย มันเป็นโรคร้ายแฝงที่อยู่กับพ่อมายี่สิบกว่าปีแล้ว ก่อนหน้านี้พ่อไม่เคยบอกให้รู้เพราะกลัวลูกจะเป็นห่วง...” ซูเหวินจงถอนหายใจ พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เมื่อซูอวี่ฉีได้ยินดังนั้นก็นิ่งอึ้งไป เธอรีบดึงมือของซูเหวินจง “พ่อคะ นี่...นี่มันยังไงกันแน่คะ พ่ออย่าทำให้หนูกลัวสิ อย่าทำให้หนูกลัวนะคะ...หนูโทรหาคุณหมอซุนแล้ว อีกไม่นานเขาก็จะมาถึง” ซูอวี่ฉีรู้สึกกระวนกระวายใจ ตั้งแต่จำความได้ เธอไม่เคยเห็นหน้าแม่ ที่ผ่านมา ก็เป็นพ่อที่เลี้ยงดูเธอมาจนเติบใหญ่ สองพ่อลูกต่างดูแลกันและกันมาตลอด หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับซูเหวินจง ซูอวี่ฉีก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร “เรื่องนี้พูดแล้วมันยาว ไว้มีเวลาพ่อจะค่อยๆ เล่าให้ลูกฟัง...” เมื่อพูดจบ ซูเหวินจงก็เหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง จากนั้นก็ทอดสายตาออกไปไกลด้วยความร้อนใจ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประกาศิตราชามังกร