ประธานวายร้ายจะแต่งงานกับฉันให้ได้! นิยาย บท 1

บนเกาะร้างแห่งหนึ่ง

ฝนตกเทกระหน่ำลงมา ท่ามกลางเสียงคลื่นซัดใส่โขดหินที่ดังเป็นจังหวะประหนึ่งเสียงกลอง

มู่ซย่าใช้มีดสั้นที่พกติดตัวมาตัดท่อนไม้อย่างยากลำบาก น้ำฝนตกกระทบลงบนใบหน้าของเธอแล้ว แต่ดูเหมือนเธอก็ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น

เธอพลัดพรากจากครอบครัวมาเป็นเวลาถึงสิบปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาตระกูลซือถูจนพบ เธอต้องการสืบหาความจริงเกี่ยวกับการที่เธอถูกลักพาตัวไปขาย รวมถึงสาเหตุการตายของแม่ แต่ยังไม่ทันจะถึงบ้าน ระหว่างทางกลับถูกลอบสังหารจากคนที่อ้างตัวว่ามารับเธอ

เธอรอดเงื้อมมือจากคนเหล่านั้นมาได้ แต่เรือที่เธอนั่งมาอับปางลง เธอลอยคออยู่กลางทะเลจนมาถึงเกาะร้างแห่งนี้

วันนี้เป็นวันที่เจ็ดที่เธอติดอยู่บนเกาะ และยังไม่เห็นเรือผ่านมาสักลำ

ยังดีที่บนเกาะนี้มีต้นไม้อยู่เป็นจำนวนมาก เธอจึงตัดไม้มาผูกทำเป็นเรืออย่างง่ายๆ

เรือไม้ถูกต่อเสร็จอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแค่ไม้พายเท่านั้น แต่แล้วฝนก็ดันเทลงมาอย่างหนัก...

มู่ซย่าลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ฉับพลัน สายตาบังเอิญเหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่โขดหิน

เธอเดินไปดูด้วยความสงสัย แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเป็นร่างของชายคนหนึ่ง!

ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มซีดขาว บริเวณเอวของเขาได้รับบาดเจ็บ สีของน้ำทะเลที่ปะปนกับเลือดที่ไหลออกมานั้นราวกับแสงอาทิตย์อัสดง

มู่ซย่าทดสอบลมหายใจของเขา และพบว่าเขายังไม่ตาย จึงออกแรงลากขึ้นฝั่ง แล้วแบกเขาไปยังถ้ำที่เธออาศัยอยู่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

เธอวิ่งฝ่าสายฝนออกไปอีกครั้งหลังจากก่อไฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนัก เธอก็กลับมาพร้อมกับสมุนไพรสองสามชนิดในมือ

“นับว่านายโชคดีที่เจอฉัน”

ขณะที่พูด มือของเธอก็เลิกเสื้อของชายหนุ่มขึ้น

มู่ซย่าตรวจดูบาดแผลที่เอวของชายหนุ่มอย่างคร่าวๆ พบว่าบาดแผลเกิดจากมีด และค่อนข้างลึกมากด้วย ไม่รู้ว่าจะลึกเข้าไปถึงอวัยวะภายในหรือไม่

เธอกำลังจะคลำดูชีพจรของเขา แต่ทันใดนั้น ข้อมือของเธอก็ถูกคว้าหมับ

“แค่กๆ...ใครน่ะ” เสียงของชายหนุ่มอ่อนแรง แต่มือที่กำข้อมือของเธอกลับบีบแน่น

มู่ซย่าชำเลืองตามองชายหนุ่ม และพูดเบาๆ “ใครน่ะหรือ ก็ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตนายไง ถ้ายังไม่ปล่อยมือ ฉันคงจะต้องทำป้ายปักหลุมศพให้แทนแล้วล่ะมั้ง หนุ่มนิรนาม ชื่อนี้เป็นไง”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นไม่พูดจา แต่สายตาจับจ้องไปที่สมุนไพรที่บดไว้ในมือเธอ

“งงอะไรอยู่ล่ะ ถอดออกสิ เดี๋ยวฉันช่วย”

มู่ซย่าขยับมือทันที

“ฉันถอดเอง”

ชายหนุ่มผลักมือเธอออกอย่างรังเกียจ แล้วถอดเสื้อออก ดวงตาดำขลับทั้งสองข้างยังคงระแวดระวัง

ทันทีที่เสื้อถูกถอดออก มู่ซย่าได้เห็นกล้ามท้องแปดส่วน วีไลน์ที่เด่นชัดยาวทอดไปจนถึงขอบกางเกง รูปร่างของชายหนุ่มคนนี้...ดูเหมือนจะดีเกินไปหน่อยแล้ว

มู่ซย่ากลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เธอค่อยๆ ใช้สมุนไพรประคบลงบนตัวของชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

“นี่อะไรน่ะ” ชายหนุ่มเปิดปากถาม เส้นเสียงทุ่มต่ำ ไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย

“สมุนไพรหยุดเลือดและฆ่าเชื้อ”

“ที่นี่ที่ไหน”

เมื่อได้ยินคำถามเหล่านี้ของเขา มู่ซย่าที่เดิมทีเขินอายก็เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเหลืออด ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีมาก จะเสียก็ตรงคำถามเยอะไปหน่อย ถ้าเธอรู้ เธอคงไม่ติดอยู่ที่นี่ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนหรอก

“มีคำถามก็ต้องไปโรงเรียนนะ ถ้ายังมีแรงพูด ไม่สู้นอนพักสักหนึ่งตื่นดีกว่าไหม

ชายหนุ่มไม่สบอารมณ์ “หมอไม่ควรพูดกับคนไข้แบบนี้นะ”

“หืม?” มู่ซย่าถามกลับอย่างขบขัน “แล้วคุณพูดกับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตแบบนี้หรือ”

หว่างคิ้วของชายหนุ่มย่นจนขึ้นเป็นสามเส้น

“คุณผู้หญิง เธอนี่หยาบคายมาก”

“คุณผู้ชาย นายก็ไร้มารยาทที่สุด”

สองสายตาปะทะกัน คนหนึ่งเย็นชา อีกคนหนึ่งร้อนเป็นไฟ บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นดินปืน

ท้ายที่สุด มู่ซย่าลุกยืนขึ้น เธอขี้เกียจจะเอาเรื่องเอาราวกับคนเจ็บ “ฝนตกหนักมาก อุณหภูมิบนเกาะจะลดลงอีกในตอนกลางคืน ฉันจะไปก่อไฟ นายพักผ่อนเถอะ”

มู่ซย่ากำลังจะไปก่อไฟที่มุมถ้ำ คล้อยหลังเธอก็มีเสียงชายหนุ่มดังขึ้น “เฮ้”

“นายมีปัญหาอะไรอีกล่ะ” มู่ซย่าหันมา

หากไม่รีบ คืนนี้พวกเขาได้แข็งตายแน่ๆ!

ชายหนุ่มอ้าปากจะพูด สุดท้ายแล้วกลับพูดว่า “ไม่มีอะไร”

“...” มู่ซย่าเดินไปก่อไฟทึ่มุมถ้ำโดยไม่สนใจเขาอีก

วิธีเดียวที่จะจุดไฟบนเกาะที่มีความชื้นสูงแบบนี้ได้ มีเพียงการจุดไฟโดยการเจาะไม้แบบโบราณ ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดเศษฟางก็ติดไฟเสียที

แต่เมื่อลมจากด้านนอกพัดเข้ามา เปลวไฟน้อยๆ ก็ดับมอดลง

“เฮ้” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง

“นายมีอะไรอีก!”

ทันทีที่หันศีรษะกลับไป มู่ซย่าได้ยินเสียงโลหะตกกระทบกับพื้น แล้วไฟแช็ค Zippo อันหนึ่งก็กลิ้งมาที่เท้าเธอ

“...”

หากเป็นคนที่ไล่ล่าเธอ นั่นก็คงต้อง...ขอบคุณพวกเขาที่ทุ่มเทอย่างหนักเพื่องานขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อมู่ซย่าเดินไปที่ปากถ้ำ เธอกลับพบบอดี้การ์ดชุดดำยืนเรียงกันอยู่ ไม่ไกลออกไปมีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งจอดอยู่ หัวหน้าบอดี้การ์ดคนหนึ่งกำลังพูดอะไรบางอย่างกับชายหนุ่มคนนั้นด้วยความนอบน้อม

เมื่อได้ยินเสียง ชายหนุ่มก็หันมามอง

เป็นครั้งแรกที่มู่ซย่ามองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจนภายใต้แสงอาทิตย์ เครื่องหน้าที่หล่อเหลา นัยน์ตาคมลึก ร่างกายดูมีออร่า เว้นแต่สีหน้ายังคงซีดเซียว ก็ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไปเท่าใดนัก

ลักษณะท่าทางของผู้ชายคนนี้ดูดีกว่าคนทั่วไปหลายเท่า

“นาย...”

มู่ซย่ากำลังจะอ้าปาก แต่ชายหนุ่มขัดขึ้น “เธอต้องการอะไร”

“หา?” เธองุนงง

ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เธอช่วยชีวิตฉัน ฉันจะทำให้ความปรารถนาข้อหนึ่งของเธอสัมฤทธิ์ผล”

มู่ซย่าพูดอะไรไม่ออก “นายนี่ไม่มีมารยาทเลยจริงๆ ช่วยชีวิตนาย แค่คำว่าขอบคุณสักคำมันพูดยากพูดเย็นนักหรืออย่างไร”

ทันทีที่พูดจบ เธอเห็นบอดี้การ์ดทุกคนมองมาที่เธอด้วยสายตาตกตะลึง ราวกับว่าเธอพูดอะไรแปลกไป

ในทางตรงข้าม สีหน้าของชายหนุ่มไม่เปลี่ยน และเขาพูดด้วยท่าทีสงบว่า “ถ้าเธอพลาดครั้งนี้ไป เธอจะต้องเสียใจ”

มู่ซย่าโมโหจะแย่ แต่ว่า...เรือไม้ของเธอลำนี้ก็อาจจะพาเธอไปไม่ถึงฝั่ง

เธอกัดฟันพูดออกมา “ความปรารถนาของฉันก็คือ พาฉันกลับบ้านที”

ตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มที่เป็นฝ่ายตะลึงบ้าง

“แค่นี้หรือ”

“แล้วต้องยังไงล่ะ”

ตอนนี้เธอขอเพียงเท่านี้ ขอให้ออกไปจากเกาะบ้าๆ นี้เสีย

ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยสายตาที่เหมือนมองคนปัญญาอ่อน แล้วหันหลังเดินกลับไปที่เฮลิคอปเตอร์

สามชั่วโมงต่อมา เฮลิคอปเตอร์ก็ลอยอยู่เหนือน่านฟ้าจิงตู

“ใช่ที่นั่นหรือเปล่า” ชายหนุ่มชี้ลงไปที่คฤหาสน์แห่งหนึ่ง

“น่าจะใช่...” มู่ซย่าจำความทรงจำในวัยเด็กไม่ได้ แต่ก่อนที่เธอจะกลับประเทศ เธอได้ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับตระกูลซือถูมาแล้ว

จริงๆ แล้วมันควรเป็นของตระกูลมู่ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นทรัพย์สมบัติของพ่อ ผู้ซึ่งไม่เคยคิดจะออกตามหาลูกสาวที่หายตัวไปถึงสิบปีเลย

“ลงไป” ชายหนุ่มออกคำสั่ง นักบินตอบรับทันที “รับทราบ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประธานวายร้ายจะแต่งงานกับฉันให้ได้!