มู่ซย่ากลั้นหายใจทันที แม้แต่การตอบสนองก็ลืมไปหมดชั่วคราว ได้เพียงแต่อยู่ท่าเดิมแบบนั้นปล่อยให้เยี่ยซือเจวี๋ยคร่อมอยู่บนตัว
ท่าทางของเยี่ยซือเจวี๋ยก็ไม่ได้ดีมากนัก ริมฝีปากบางของเขาสัมผัสได้ถึงความนุ่มลื่น ลมหายใจทางจมูกล้วนเป็นกลิ่นหอมบางๆจากตัวมู่ซย่า
กลิ่นอายแบบนี้แตกต่างจากกลิ่นน้ำหอม เหมือนกลิ่นหอมของน้ำนม และก็เหมือนกลิ่นดอกไม้สดๆที่น่าดมที่สุด ทำให้เขาไม่อยากที่จะผลักตัวออกมา
เขารู้สึกร่างกายของเขาแข็งทื่อ ไม่สามารถขยับตัวได้ แต่ภายในใจกลับอยากขยับไปทั่วทุกที
ความบ้าคลั่งอยากจู่โจมของผู้ชายเริ่มแพร่กระจายไปทั่ว
ลมหายใจของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงขึ้นมา
ในที่สุดมู่ซย่าที่โดนเยี่ยซือเจวี๋ยทับจนหายใจไม่สะดวก เธอถึงได้สติกลับมา ยื่นมือไปดันที่หน้าอกของเยี่ยซือเจวี๋ย พูดด้วยใบหน้าแดง “นายลุกไป...”
เยี่ยซือเจวี๋ยได้ยินเสียงของมู่ซย่า จึงดึงสติออกมาจากความสับสน รีบลุกออกมาจากตัวมู่ซย่าทันที
เขารีบจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็เก็บซ่อนความรู้สึกร้อนแรงดุจไฟในดวงตา จากนั้นมองมู่ซย่าด้วยความไปพอใจ “ตัวเธอเองล้มไปก็ล้มไปสิ ทำไมต้องลากฉันไปด้วย? ถ้าฉันล้มลงไปเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เธอจะเอาอะไรมาชดใช้?”
เดิมทีมู่ซย่ารู้สึกผิดเล็กน้อย แม้แต่มองยังไม่กล้ามองเยี่ยซือเจวี๋ย
พอได้ยินเยี่ยซือเจวี๋ยพูดมาแบบนี้ เธอก็เบิกตากว้างจ้องเขม็งไปยังเยี่ยซือเจวี๋ยด้วยความโกรธ กัดฟันพูด “ใช่ๆ ๆ ฉันทำผิดต่อนาย ท่านประธานใหญ่เยี่ย!”
เชอะ เธอเองก็ใช่ว่าจะตั้งใจทำสักหน่อย ทำไมต้องดุใส่แบบนี้ด้วย?
โหดเหี้ยมอำมหิตแบบนี้ ถึงว่าละไม่มีผู้หญิงคนไหนมาชอบสักคน เหอะ พ่อคนโสด
เยี่ยซือเจวี๋ยยกกรามขึ้นอย่างยิ่งผยอง พูดเสียงเรียบเฉย “เธอรู้จักสำนึกผิดก็ดี ล้มครั้งต่อไปอย่าได้ลากฉันไปด้วยก็แล้วกัน”
“นาย” มู่ซย่าโกรธจนอยากด่าคน ดวงตาเบิกกว้าง จากนั้นโกรธจนหันตัวกลับไป
ช่างเถอะ ตามองไม่เห็นใจก็ไม่หงุดหงิด เธอเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่ถือสาชายหนุ่มที่มีนิสัยแปลกประหลาดแบบนี้
เมื่อเยี่ยซือเจวี๋ยเห็นหางที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าของมู่ซย่าที่หันหลังใส่เขา อารมณ์ที่ระงับไปอย่างยากลำบากกลับฟื้นขึ้นมาเป็นเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง
“ให้ตายสิ!” เยี่ยซือเจวี๋ยละสายตาแล้วสบถออกมาเสียงเบา ถามด้วยความโมโห “เธอคุกเข่าลงไปกับพื้นทำอะไรกันแน่?”
“หารีโมท...” มู่ซย่าใบหน้าแดงๆยื่นมือไปคว้านหาที่ใต้โซฟา
แต่ว่ารีโมทไถลลึกเข้าไปด้านใน ต่อเธอให้คว้านหายังไงก็คว้านไม่ถึง
ในตอนนั้นเอง เสียงของทีวีก็หยุดลงกะทันหัน
มู่ซย่าหันหัวไปมองด้วยความตกใจทันที ก็เห็นเพียงสีหน้าไร้อารมณ์ของเยี่ยซือเจวี๋ยยืนอยู่ข้างทีวี ในมือถือสายทีวีทีวีไว้อยู่
ทำไมเธอถึงนึกไม่ถึงแค่ดึงปลั๊กของทีวีออกนะ
มู่ซย่ารู้สึกถอนหายใจออกมาอย่างขุ่นมัวด้วยอารมณ์โกรธ ลุกขึ้นมาจากพื้น
เยี่ยซือเจวี๋ยทิ้งสายไฟลง เขาถอดเสื้อสูทตัวนอกของตัวเองออกแล้วโยนไปทางมู่ซย่า
มู่ซย่ายื่นมือออกไปรับทันที รับมาแต่โดยดี ใช้เสื้อคลุมสูทของเยี่ยซือเจวี๋ยคลุมปิดร่างของตัวเองไว้
เสื้อคลุมสูทของเขาค่อนข้างใหญ่ สามารถปิดไปจนถึงน่องขาของมู่ซย่าได้ ทำให้เธอดูเหมือนเด็กน้อยที่ใส่เสื้อผ้าของผู้ใหญ่
เยี่ยซือเจวี๋ยคลำหาบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อออกมาม้วนหนึ่งออกมาจุดไฟ หลังจากดูดบุหรี่เข้าไปหนึ่งครั้ง เขาถึงได้รู้สึกว่าตัวเองผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย
เขาเดินไปที่หน้าต่าง ดันหน้าต่างออกไป ให้ควันบุหรี่ลอยออกไปข้างนอก
หลังจากที่ดูดไปหลายครั้ง เขาหันหลังให้มู่ซย่าก่อนจะเอ่ยออกมา “พูดเถอะ เกิดอะไรขึ้น”
“แฮ่ม...” มู่ซย่ากระแอมไอเล็กน้อย พยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ก่อนจะเอ่ยเล่าเรื่องทุกอย่างทั้งสาเหตุและบทสรุปของเรื่องราวที่เกิดขึ้นหนึ่งรอบ สุดท้ายก่อนจะพูด “ฉันอยากจะตรวจ DNA เสียหน่อย”
เธอพูดจบ เยี่ยซือเจวี๋ยก็ดูดบุหรี่หมดไปหนึ่งม้วน
เขาหันกลับไปมองมู่ซย่า ในสายตานั้นปรากฏอารมณ์ที่มู่ซย่าอ่านไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประธานวายร้ายจะแต่งงานกับฉันให้ได้!