“ลงได้” มู่ซย่ามัดเชือกเป็นปมหัวเข็มขัดนิรภัยด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ไม่รอให้เยี่ยซือเจวี๋ยกับหลัวอี้พูด เดินไปที่หน้าต่างและใช้มือข้างเดียวจับขอบหน้าต่างไว้ เธอพลิกตัว กระโดดออกไปยังเครื่องคอมแพตเซอร์แอร์ด้านนอกอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ท่าทางคล่องแคล่วเป็นธรรมชาติ หลัวอี้เดิมทีไม่เชื่อว่ามู่ซย่าสามารถลงไปเองได้ถึงกับตกตะลึงขึ้นมาทันที
“เธอ...” หลัวอี้ประหลาดใจจนถามเยี่ยซือเจวี๋ย “เธอเป็นใครกันแน่? ไมใช่ว่าเป็นลูกสาวของบ้านตระกูลซือที่หาเจอที่บ้านนอกเหรอ? หญิงสาวบ้านนอกเดี๋ยวนี้ปีนลงตึกทางหน้าต่างได้? แถมวิชาการแพทย์ก็รู้?”
เยี่ยซือเจวี๋ยไม่ตอบคำถามหลัวอี้ เขาเดินตรงไปที่หน้าต่างเพื่อดูว่ามู่ซย่าสามารถลงไปได้จริงหรือไม่ ก็เห็นเธอจับเชือกดึงแล้วปล่อย ผ่านไปไม่กี่วินาทีก็ลงไปแล้วสองชั้น
เยี่ยซือเจวี๋ยรีบกลืนคำพูดที่เป็นห่วงที่อยู่ในลำคอลงไปทันที หันไปพูดกับหลัวอี้ “อย่าได้ดูถูกผู้หญิง ฉันจะลงไปเป็นที่คนที่สอง ส่วนนายเป็นคนสุดท้าย”
หลัวอี้ปีนไปขอบหน้าต่าง เห็นมู่ซย่าลงไปได้ครึ่งทางแล้ว ทั้งร่างของเขาอยู่ในภาวะตกตะลึง
เขาอดไม่ได้ที่จะพูดกับเยี่ยซือเจวี๋ย “ลูกพี่แน่มาก ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าจวินเฮ่าเซวียนนั่นถึงปฏิบัติกับเธอไม่เหมือนกับคนอื่น เจ้าหมอนั้นรังเกียจผู้หญิงไฮโซที่ชอบเสแสร้ง แต่สำหรับผู้หญิงที่มาดแมนแบบนี้กลับสนใจเป็นพิเศษ”
เยี่ยซือเจวี๋ยกวาดสายตามองหลัวอี้ด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “อย่าพูดไร้สาระ รีบเตรียมตัวลงไปได้แล้ว”
ตอนนี้เขานึกถึงที่จวินเฮ่าเซวียนพูดว่ามู่ซย่าว่าเป็นรักแรกพบ ภายในใจของเขาก็อดทไม่ได้ที่จะหงุดหงิด
แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที ทั้งสามคนก็ลงสู่พื้นดินอย่างปลอดภัย และขับรถไปยังโรงพยาบาลเอกชนของตระกูลหลัว
โรงพยาบาลเอกชนตระกูลหลัวเปิดทั่วโลก เพียงแค่ในเมืองจิงตูก็มีถึงห้าแห่ง
คนที่พวกเขาจะรักษาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งที่ห้าซึ่งเป็นแห่งที่ตระกูลหลัวไม่รับผู้ป่วยทั่วไป
เนื่องจากไม่รับผู้ป่วยทั่วไป ดังนั้นโรงพยาบาลแห่งที่ห้าจึงค่อนข้างโล่ง
ตอนที่มู่ซย่าลงจากรถนั้น นอกจากแพทย์และพยาบาลที่เข้าเวรกันไม่กี่ท่าน ก็มองไม่เห็นคนอื่นมารออีก
“เดินไปทางนี้” หลัวอี้ก้าวเท้านำทางไป
เพียงแต่ในใจของเขายังไม่เชื่อใจมู่ซย่า
แพทย์แผนจีนสามารถรักษาโรคทางใจที่แพทย์แผนตะวันตกต้องใช้เวลารักษาหนึ่งปีได้? เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
แต่ในเมื่อมาแล้ว ให้เธอลองสักหน่อยละกัน
ทั้งสามคนเดินตรงไปยังตึกผู้ป่วยในที่อยู่ตึกสุดท้าย
ทั้งตึกตอนนี้มีคนไข้เพียงหนึ่งคน นั้นก็คือเจ้าหมอนั่นที่พวกเขาจับมา
มู่ซย่าเดินเข้าไปตามทางเดินของโรงพยาบาลที่เงียบสงบผิดปกติ อดไม่ได้ที่จะเอ่ย “ที่นี่เป็นโรงพยาบาลที่โล่งที่สุดเท่าที่ฉันไม่เคยเห็นมา”
ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ โรงพยาบาลล้วนเป็นที่ที่คนพลุกพล่าน
หลัวอี้พูดด้วยความภาคภูมิใจ “โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้ามาได้ ต้องเป็นคนใหญ่คนโตมีฐานะเท่านั้น”
แต่ต่อให้เป็นคนใหญ่คนโตมีฐานะแค่ไหน ก็ต้องดูว่าใหญ่โตแค่ไหน มีเงินมากน้อยเพียงใดด้วย
มู่ซย่าส่ายหัวอย่างกล้าๆกลัวๆ “นายทำแบบนี้ไม่ถูก คนป่วยต้องการหมอ ฝากความเป็นความตายไว้ให้ โรงพยาบาลเปิดมาเพื่อรักษาอาการป่วย หมอต้องรักษาคนโดยไม่แบ่งฐานะว่าสูงหรือต่ำต้อย มีคนป่วยกลับไม่รักษา ก็ไม่ต่างอะไรกับฆาตกร ทำไมนายถึงใช้ปัจจัยภายนอกพวกนี้มาเลือกรับผู้ป่วยกันล่ะ?”
หลัวอี้คิดอยากโต้กลับ แต่สุดท้ายก็ปล่อยไปเฉยๆ
มู่ซย่าเห็นหลัวอี้แสดงสีหน้าไม่เข้าใจ ก็ไม่พูดเกลี้ยกล่อมอะไรเขาอีก
ความคิดเรื่องชนชั้นฝังลึกอยู่ในจิตใจของคนที่อยู่ในลำดับชั้นพีระมิด คำพูดของเธอไม่กี่ประโยคก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้
สิ่งที่เธอทำได้ ก็คือเริ่มที่ตัวเองก่อน
นี่เป็นสิ่งที่พ่อแม่บุญธรรมของเธอสอนเธอไว้ ถ้าหากตอนแรกเริ่มพ่อแม่บุญธรรมรักษาคนโดยแบ่งฐานะสูงต่ำ เธอที่เคยไข้ขึ้นสูงแล้วถูกคนร้ายทิ้งไว้ข้างถนนเหมือนกับขอทาน ตอนนี้คงไม่มีทางมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้แล้ว
สีหน้าของมู่ซย่าเคร่งขรึมขึ้นมา
เยี่ยซือเจวี๋ยที่อยู่ด้านข้างคิดอยากเอ่ยพูดอะไรออกมาอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ทำได้แค่กลืนคำพูดกลับไป
เพียงแต่เขาสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่า มู่ซย่าเย็นชาต่อเขาและหลัวอี้ขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก
เขารู้สึกเหมือนมีก้างปลาติดอยู่ที่คอ เป็นความหงุดหงิดที่พูดออกมาไม่ได้
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว มู่ซย่าก็ถูกพามาถึงชั้น13
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประธานวายร้ายจะแต่งงานกับฉันให้ได้!