เมื่อคนรับใช้สบสายตากับการจ้องมองของมู่ซินเย่ว์ แผ่นหลังของเขาขนลุกซู่ จากนั้นรีบเอ่ย “ขอโทษด้วย คุณนาย เป็นผมที่สายตาไม่ค่อยดีนัก คุณรีบเข้าไปด้านในเถอะครับ”
เมื่อเอ่ยจบ คนรับใช้รีบเร่งฝีเท้าไปทำงานอย่างรวดเร็ว
ซือถูไห่ได้เผยแพร่ข่าวการเสียชีวิตของซือถูชิงซาน ตอนนี้สวนหลังบ้านเป็นสถานที่วางโลงศพ มีแขกเดินทางมาแสดงความเสียใจไม่น้อย คนรับใช้เหล่านี้ของพวกเขาแทบจะรับมือไม่ไหว เขาไม่มีเวลาเหลือเฟือที่จะมาพูดคุยกับมู่ซินเย่ว์
มู่ซินเย่ว์จ้องมองแผ่นหลังของคนรับใช้คนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากจำรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้ จากนั้นจึงเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์
ธงสีขาวภายในคฤหาสน์ เพิ่มความเงียบเหงาและความโดดเดี่ยวให้กับคฤหาสน์ทั้งหลัง
ภายในใจของมู่ซินเย่ว์แอบถอนหายใจ อย่างไรเสียก็เป็นสามีภรรยากันมาตั้งหลายปี ในช่วงปีแรกเธอเคยชอบซือถูไห่ด้วยใจจริง จู่ๆเขาก็จากไป นอกจากเธอจะรู้สึกดีใจ ภายในหัวใจของเธอก็ยังรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
ชีวิตมนุษย์ช่างเปราะบาง ดังนั้นเธอจะต้องมีชีวิตที่ดีเพื่อตัวเธอเอง!
เพียงแต่ ทำไมเธอถึงไม่เห็นโลงศพล่ะ? หรือว่าศพยังอยู่ที่โรงพยาบาล ยังไม่ได้นำกลับมาที่บ้าน?
มู่ซินเย่ว์สงสัยจากนั้นเธอคว้าแขนของคนรับใช้ที่กำลังเดินไปเดินมาและเอ่ยถาม “แล้วร่างล่ะ? วางไว้ที่ไหน?”
คนรับใช้คนนี้คือหลิ่วเยี่ย
เมื่อเธอเห็นมู่ซินเย่ว์ ในตอนแรกเธอรู้สึกสำนึกผิดชั่วขณะ จากนั้นสงบลงอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วและตอบอย่างสุภาพตามปกติ “จัดวางไว้ที่สวนด้านหลังบ้านค่ะ”
มู่ซินเย่ว์เมื่อได้ฟังคำตอบของหลิวเยี่ย ภายในใจเกิดความสงสัยมากยิ่งขึ้น
ตามประเพณีของที่นี่ เมื่อผู้อาวุโสในครอบครัวเสียชีวิต จะต้องจัดงานภายในห้องโถงใหญ่ มีเพียงแค่เหล่าทายาทเท่านั้นถึงจะจัดงานด้านนอกได้
ภายในตระกูลนี้ซือถูไห่นั้นมีอำนาจมากที่สุด ตามประเพณีและธรรมเนียมแล้วจะต้องจัดงานที่ห้องโถงใหญ่ เหตุใดถึงได้ไปจัดวางโลงศพที่สวนหลังบ้าน?
ทว่ามู่ซินเย่ว์ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเธอไม่อยู่บ้าน คนรับใช้ มู่ซย่าและซานซาน ไหนเล่าจะมีใครเข้าใจธรรมเนียมประเพณี? เด็กรุ่นใหม่คงคิดว่าการวางศพไว้ภายในบ้านจะต้องเป็นเรื่องอัปมงคล ดังนั้นจึงนำไปวางไว้ที่สวนหลังบ้านอย่างแน่นอน
ไอหยา ดูเหมือนว่าตระกูลนี้จะขาดเธอไปไม่ได้เลย!
ดวงตาของมู่ซินเย่ว์กลอกไปมาอย่างเชื่องช้า ระงับรอยยิ้มในแววตาของเธอ จากนั้นเดินไปยังสวนหลังบ้าน
ระหว่างทางมู่ซินเย่ว์สังเกตเห็นเสื้อผ้าของเธอ เธอลังเลชั่วขณะแต่ก็ไม่ได้เปลี่ยน
อย่างไรเสียภายในบ้านก็ไม่ได้มีเจ้าภาพงานศพอยู่แล้ว เกรงว่าคงไม่มีคนนอกรู้ข่าวนี้ จะเปลี่ยนเสื้อผ้าไปให้ใครมองกันล่ะ?
พูดตามตรง เธอไม่อยากสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่ซือถูไห่เลยสักนิด
มู่ซินเย่ว์หันหลังกลับและออกไปที่สวนด้านหลัง บังเอิญพบกับซือถูหย่าที่เพิ่งมาถึง
ซือถูหย่าทนทุกข์ทรมานจากโรคไขข้อและโรคกระดูกแทบตลอดทั้งปี เมื่ออากาศไม่ดี การเดินของเธอก็จะเดินได้ไม่สะดวกเท่าไรนัก วันนี้เป็นวันที่เมฆครึ้มและฝนตก ดังนั้นอาการป่วยของซือถูหย่าจึงกำเริบอีกครั้ง เวลาเดินก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเดินเชื่องช้ากว่าเธอหลายเท่าตัว
เมื่อมู่ซินเย่ว์สบสายตาของซือถูหย่าอีกครั้ง ความหวาดกลัวในแววตาท้ายที่สุดก็ได้จางหายไปแล้ว
ตอนนี้ต่อให้ซือถูหย่าคิดจะมาฟ้องอะไรกับซือถูไห่มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว คนคนนั้นตายจากโลกนี้ไปแล้ว หรือว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะกลายเป็นผีแล้วมาหาเธอ?
ในวันที่มู่หว่านเย่ว์เสียชีวิต เธอเองก็ยังออกไปดื่มเลี้ยงฉลอง ซือถูไห่ตายแล้วมันมีอะไรน่ากลัวกันล่ะ?
แต่ทว่าฝีมือในการแสดงออกเรื่องสีหน้าก็ยังคงต้องทำต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงเวลาที่จัดแบ่งทรัพย์สมบัติและมรดก ซือถูหย่าจะเข้ามาแทรกแซง
ถึงแม้ว่าซือถูหย่านั้นเข้าสู่ศาสนาพุทธแล้ว จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ อยู่อย่างสันโดษไม่มักมาก แต่อย่างไรก็ตามเธอไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะไม่มีใครที่ไม่ทำเพื่อเงินทอง
“พี่ใหญ่” มู่ซินเย่ว์ซ่อนความเย่อหยิ่งในดวงตาของเธอ แสร้งทำเป็นเช็ดน้ำตาของเธอจากนั้นกล่าว “พี่น่าจะรีบบอกฉัน เรื่องเช่นนี้ฉันจะทนรับไหวได้อย่างไรคะ? แล้วในอนาคตฉันจะต้องทำอย่างไรดี?”
ซือถูหย่ากล่าวด้วยสีหน้านิ่งสงบ “ก่อนหน้านี้ฉันบอกให้พวกเธอทำเรื่องดีๆให้มากขึ้น แต่ไม่มีใครฟังฉันเลย รอให้งานศพเสร็จสิ้น พวกเธอก็หมั่นทำแต่เรื่องดีๆก็แล้วกัน จะได้บังเกิดผลสิ่งดีๆเข้ามา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประธานวายร้ายจะแต่งงานกับฉันให้ได้!