เยี่ยซือเจวี๋ยที่มีดวงตาสีดำราวกับหินภูเขาไฟมาตั้งแต่เกิด เมื่ออยู่ใต้แสงแดดก็ยิ่งทำให้ดูลึกล้ำและแวววาวมากขึ้น
มู่ซย่ารู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
เธอกระแอมไอ ใช้การพูดเล่นมากลบเกลื่อนอารมณ์ประหลาดในใจ “ ฉันรู้ว่าคุณรวย ฉันแต่งงานกับชายโสดอายุมากที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมยังไงล่ะ ”
แต่แล้วเยี่ยซือเจวี๋ยกลับจับประเด็นสำคัญผิด ขมวดคิ้วมุ่น “ อายุมาก ฉันแก่กว่าเธอแค่สามปีเองนะ ”
มู่ซย่าเห็นเขาหัวเสียกับเรื่องอายุเป็นพิเศษ จึงพูดยิ้มๆว่า “ ห่างกันสามปีมุมมองความคิดก็ต่างกันไม่รู้หรือไง ”
คิ้วของเยี่ยซือเจวี๋ยค่อยๆขมวดขึ้นมา เกิดรอยย่นสามเส้นกลางหน้าผาก เห็นได้ชัดว่าคิดจริงจังกับเรื่องล้อเล่นของมู่ซย่าซะแล้ว
มู่ซย่าพูดอย่างรู้สึกจนใจว่า “ ฉันแค่ล้อคุณเล่น คุณนี่มันล้อเล่นไม่ได้เลยนะ...... ”
ก่อนหน้านี้เธอพูดคำว่า ” มอบให้ทั้งชีวิต ” เยี่ยซือเจวี๋ยก็เอาแต่พูดถึงเรื่องนี้ ตอนนี้มีคำว่า ” ห่างกันสามปีมุมมองความคิดย่อมต่างกัน ”เพิ่มขึ้นมา เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า เยี่ยซือเจวี๋ยก็คือคนขวานผ่าซากคนหนึ่ง อย่าได้ล้อเล่นใดๆกับเขาเด็ดขาด
ปรากฏว่า หลังจากได้ฟังคำอธิบายของมู่ซย่าแล้วคิ้วที่ขมวดแน่นของเยี่ยซือเจวี๋ยก็ยังไม่คลายออก
ได้ยินเยี่ยซือเจวี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจว่า “ เธอไปรอฉันที่รถเถอะ ฉันจะไปเอาเสื้อเธอมาให้ ”
ว่าแล้ว เขาก็หมุนตัวเดินเข้าไปข้างใน
“ นี่...... ”มู่ซย่าเรียกเขา แต่เยี่ยซือเจวี๋ยก็ไม่หันกลับมา ไม่รู้ว่าไม่ได้ยินจริงๆหรือว่าแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินกันแน่
มู่ซย่าส่ายหน้าอย่างกลุ้มใจ
นี่โกรธกันจริงๆแล้วเหรอ ขนาดนั้นเชียว
แล้วจะง้อยังไง เธอไม่เคยง้อผู้ชายซะด้วย
ขณะที่มู่ซย่ากำลังรู้สึกกลุ้มใจ ทันใดนั้นเธอก็เห็นรถคันหนึ่งจอดลงที่ข้างถนน คนที่ลงมาจากรถทั้งหมดเธอคุ้นตาเป็นอย่างดี
นี่มันสวี่ซิงซิงกับมู่เฉินเหล่ยไม่ใช่เหรอ
มือของสวี่ซิงซิงถูกบอดี้การ์ดจับมัดเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการถูกบังคับมาที่สำนักงานกรมกิจการพลเมือง
สวี่ซิงซิงกับมู่เฉินเหล่ยมาทำอะไรที่นี่
เห็นได้ชัดมาก แต่งงานไงล่ะ
ตอนที่สวี่ซิงซิงวานแผนทำร้ายเธอคงคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่าไม่เพียงแต่ทำลายเธอไม่ได้ กลับยังผลักตัวเองเข้าไปในหุบเหว
ด้วยนิสัยของสวี่ซิงซิง แม้จะถูกบังคับให้แต่งงานกับมู่เฉินเหล่ย ทั้งสองจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขจริงเหรอ ไม่มีทาง
มู่ซย่าเลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมาเห็นเธอ ก็ชิงทักทายออกไปว่า “ ซิงซิง พี่มู่ ”
เมื่อสวี่ซิงซิงกับมู่เฉินเหล่ยเห็นมู่ซย่า สีหน้าของทั้งสองคนก็ขรึมลงทันที
โดยเฉพาะสวี่ซิงซิง สีหน้าดุร้ายราวกับจะฉีกทึ้งและกินเธอทั้งเป็นเลยทีเดียว
มู่ซย่าเชื่อว่า ถ้าหากตอนนี้สวี่ซิงซิงไม่ได้ถูกบอดี้การ์ดจับตัวเอาไว้ละก็ คงจะเข้ามาข่วนเธอจริงๆ
มู่ซย่าแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจว่าทำไมสวี่ซิงซิงต้องมองเธอด้วยสายตาอย่างนั้น พูดกับสวี่ซิงซิงด้วยใบหน้าใสซื่อว่า “ ซิงซิง เธอเป็นอะไรไป อารมณ์ไม่ดีเหรอ ”
สวี่หน้าสวี่ซิงซิงบึ้งตึงมาก ดิ้นรนพลางร้องเสียงแหลม “ นังสารเลว เป็นแผนของแกทั้งหมด เป็นฝีมือแกใช่ไหม ”
ดวงตาของมู่ซย่ามีแววเย็นชาวาบผ่าน
มาจนถึงตอนนี้แล้วยังกล้าด่าเธอว่าสารเลวอีกเหรอ ช่างไม่รู้จักเข็ดจริงๆเลย
มู่ซย่าพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มว่า “ ซิงซิง เหมือนเธอจะตั้งแง่กับฉันจริงๆนะ.....แต่ไม่เป็นไร ฉันให้อภัยเธอแล้ว ใช่แล้ว เธอมาที่สำนักงานกรมกิจการพลเรือนทำไม ”
คำพูดประโยคนี้ได้ทำลายฟางเส้นสุดท้ายที่อยู่ในใจของสวี่ซิงซิงจนขาดสะบั้น
เธอตะโกนขึ้นมาราวกับเป็นบ้า “ นังสารเลว ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก ”
ในใจของมู่ซย่าไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย สวี่ซิงซิงที่ถูกบอดี้การ์ดคุมตัวเอาไว้ในตอนนี้ก็เหมือนกับหมาบ้าที่ถูกล่ามโซ่เอาไว้ ถึงแม้จะดุร้ายแค่ไหน ก็ไม่สามารถหลุดจากโซ่ตรวนได้
และโซ่ตรวนเส้นนี้ เห็นได้ชัดว่าจะล็อกเธอไว้ตลอดชีวิต
มู่ซย่าเลื่อนสายตามองไปทางมู่เฉินเหล่ยที่มีสีหน้าไม่ดีพอๆกันอย่างไม่รีบร้อนพลางพูดว่า “ พี่ก็อยู่ด้วย......เดี๋ยวนะ พวกเธอสองคน คงไม่ได้มาแต่งงานกันหรอกใช่ไหม ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประธานวายร้ายจะแต่งงานกับฉันให้ได้!