ไป๋ชิงสะดุ้งโหยง
เธอหันไปมองหลินโม่ “พี่ เป็นพี่นี่เอง”
หลินโม่ยกปาก "คุณกับโม่เซียวเกิดปัญหาอะไรกันใช่หรือเปล่า?"
“พี่ ทำไมพี่ถึงมีความคิดแบบนี้ล่ะคะ?” ไป๋ชิงกระพริบตา
เธอเป็นลูกท้อสดใหม่ ดวงตาก็ช่างสุกสกาว
“คนตระกูลหยุนบอกผมว่า หยุนชีชีกลับมาแล้ว” หลินโม่พูดตรงๆ
รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋ชิงค่อยๆจางหายไป "ที่แท้ทุกคนก็รู้กันหมดแล้ว"
คนของตระกูลหยุนรู้ว่าไป๋ชิงแต่งงานกับโม่เซียว
หยุนโหยวลูกสาวที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลหยุน แม้ว่าเธอก็ไม่ชอบหยุนชีชี แต่เธอชอบโม่เซียว
ด้วยเหตุนี้ตอนที่โม่เซียวแต่งงานกับเธอ หยุนโหยวยังเคยมาหัวเราะเยาะเธอด้วย
ว่าเธอว่าไม่รู้จักประมาณตน นึกว่าเป็นตัวแทนแล้วจะพลิกสถานการณ์ได้
ในตอนนั้น ไป๋ชิงไม่รู้จักประมาณตนจริงๆ
เธอก็คิดว่าตัวเองจะสามารถพลิกสถานการณ์ที่ยากลำบากให้ดีขึ้นได้
แต่ว่าสถานการณ์ที่ยากลำบากพลิกแล้วก็ยังคงเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่ดี
หลินโม่มองไป๋ชิงที่เศร้าสร้อย ก็รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก
เขายกมือขึ้นคิดที่จะลูบหัวของไป๋ชิง แต่ในที่สุดฝ่ามือก็ตกลงที่บนตัวของไป๋เสวี่ย
“ชิงชิง หากว่าคุณต้องการความช่วยเหลือแล้วล่ะก็ มาหาผมได้เลยนะ” หลินโม่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ผมจะเป็นเหมือนเมื่อก่อน จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อช่วยคุณ”
ไป๋ชิงเอียงศีรษะและย่นคิ้ว “พี่คะ พี่กำลังพูดถึงอะไรคะ?”
เธอไม่เข้าใจเลยสักคำ
หลินโม่มองดูเธออย่างลังเลที่จะพูด “ไป๋ชิง ที่จริงแล้วเมื่อสิบปีก่อน...”
“หลินโม่ ลูกยังไม่ไปอีกเหรอ” เสิ่นหว่านเดินออกมา “นี่ยังมีปูขนอีกนิดหน่อย ลูกนำกลับไปให้แม่ของลูกนะ เธอจะต้องชอบแน่ๆ”
“ได้ครับ คุณน้า” หลินโม่พยักหน้า
เขายื่นมือออกไปรับปูขนที่อยู่ในกล่องจากมือของเสิ่นหว่าน
“ระหว่างทางขับรถระวังหน่อยนะ” เสิ่นหว่านพูดย้ำ
หลินโม่พยักหน้า “คุณน้าครับ คุณน้าไม่ต้องเป็นห่วงครับ คุณน้าเข้าไปเถอะครับ”
“จ่ะ” เสิ่นหว่านเหลือบมองไป๋ชิงทีหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าไป
เมื่อเสิ่นหว่านเข้าไปแล้ว ไป๋ชิงถึงได้ถามเบาๆว่า “พี่คะ เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไรนะ? สิบปีก่อนทำไมเหรอคะ? สิบปีก่อนพวกเรารู้จักกันเหรอ?”
แววตาของหลินโม่อ่อนโยน "แล้วค่อยบอกคุณทีหลังนะ"
รอให้เธอกับโม่เซียวหย่ากันแล้ว
ถึงเวลานั้นก็จะเป็นเวลาที่เหมาะสม
“ผมไปหละ” หลินโม่พูดเสียงเบา
ไป๋ชิงขมวดคิ้ว เธอรู้สึกว่าหลินโม่ดูแปลกๆ
“พวกคุณคุยอะไรกันเหรอ?” โม่เซียวเดินออกมาจากมุมมืด
หลินโม่ได้เดินไปไกลแล้ว
“ไม่มีอะไร” ไป๋ชิงส่ายหัว
“แต่ผมเห็นพวกคุณคุยกันซะนานเลย” น้ำเสียงของโม่เซียวเย็นชา
เมื่อครู่เขายืนอยู่ที่ชั้นสองและเห็นหมดทุกอย่างแล้ว
“ก็แค่แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเลี้ยงสุนัขกัน” ไป๋ชิงพูดเสียงเบา
“ประสบการณ์การเลี้ยงสุนัข?” โม่เซียวประชดประชัน “เท่าที่ผมรู้ ไป๋เสวี่ยไม่ใช่คุณเป็นคนเลี้ยงหรอกมั้ง?”
“ค่ะค่ะ ที่จริง สุนัขที่ฉันว่าชื่อเจ้าดำ” ไป๋ชิงพูดเสียงอ้อน
โม่เซียวเข้าใจทันทีว่าเธอกำลังประชดตัวเอง "ไป๋ชิง!"
“ฉันพูดผิดเหรอ ชายโฉด?” ไป๋ชิงอยู่ที่บ้านเก่าของตระกูลโม่ก็ช่างใจเกินกล้าไปแล้ว
“ดีมาก ผมว่าคืนนี้คุณคงไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ซะแล้ว” โม่เซียวคลายเนกไทออก
ไป๋ชิงพูดอย่างใจกล้าว่า “ถ้าคุณกล้าแตะต้องฉัน ฉันจะส่งร่องรอยที่คุณล่วงเกินบนตัวฉันให้ชีชีดู!”
“คุณกล้าเหรอ!” ใบหน้าหล่อเหลาของโม่เซียวหมองลง
“ถ้าคุณรังแกฉัน ฉันก็กล้า!” ไป๋ชิงก็ทุ่มหมดหน้าตักแล้ว
มีสิทธิ์อะไรที่ตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรมแล้วยังจะไม่สามารถพูดได้อีก
“คุณกล้าเหรอ” โม่เซียวถูกเธอทำให้โมโหซะแล้ว
ไป๋ชิงได้ใจ
“โม่เซียว ชิงชิง คืนนี้ลูกก็นอนที่นี่กันเถอะนะ พรุ่งนี้ค่อยกลับไป” เสิ่นหว่านเดินเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ปริศนารักนัดบอด(จบ)