ปรมาจารย์การแพทย์ นิยาย บท 8

ตอนที่ 8 การประมูลโครงการ

จู้หลินหลินมีความอยากรู้อยากเห็นทันทีที่มีสายเข้ามาหาฉินจวิ้น “จวิ้น ใครโทรมาเหรอ” ฉินจวิ้นกล่าว "หนึ่งในรุ่นน้องของฉันน่ะ" "โอ้โห" ถึงจู้หลินหลินจะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพียงเท่านั้น แต่ถ้าเธอรู้ว่าคนที่อยู่อีกสายคือเมิ่งเหวินกัง สติเธอต้องหลุดลอยแน่ๆ ใช้เวลาไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์จู้ ซึ่งจู้หย่งกำลังรอพวกเขาอยู่แล้ว เขาตื่นเต้นมากที่ได้เจอฉินจวิ้นอีกครั้ง และเขาก็เริ่มพูดหลังจากตบไหล่ของฉินจวิ้นไปหนึ่งที "หนุ่มน้อย โตแล้วสินะ” เป็นเวลานานนับสิบปี การกลับมาของคนเก่าแก่ที่ไม่ได้เจอกันนานย่อมดีใจเป็นธรรมดา ซึ่งตระกูลฉินครั้งหนึ่งเคยเป็นตระกูลที่มีอำนาจและมีชื่อเสียงมาก แต่ตอนนี้ฉินจวิ้นกลับเป็นทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่ จู้หย่งเตรียมไวน์และอาหารสำหรับทั้งสามคน และพวกเขากำลังเพลิดเพลินกับอาหารในขณะที่คุยกันไปพลาง แต่จู้หลินหลินสังเกตเห็นว่า สีหน้าของจู้หย่งดูเหมือนจะมีปัญหาจนผิดสังเกต “คุณพ่อคะ มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับคุณปู่หรือเปล่าคะ” จู้หย่งส่ายหัว “จวิ้นเป็นหมอที่ยอดเยี่ยมมาก คุณปู่ของลูกสบายดี เขาแค่ต้องการเวลาพักฟื้นก่อนที่เราจะพาเขาออกจากโรงพยาบาลได้ มันเป็นปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจน่ะ” "มันเกี่ยวกับอะไรเหรอคะ" จู้หย่งถอนหายใจก่อนจะพูดต่อว่า "พ่อเพิ่งได้รับข่าวว่าเมิ่งกรุ๊ปกำลังจะจัดตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่าซวนหยวนกรุ๊ป พวกเขาวางแผนเรื่องนี้มาเกือบห้าปีแล้ว และเงินทุนเริ่มต้นก็สูงถึงห้าพันล้านเลยล่ะ เป้าหมายหลักจะอยู่ที่ด้านเภสัชกรรม” จู้หลินหลินเลิกคิ้วและแสดงความตื่นเต้นทันที “นั่นเป็นข่าวดีสำหรับเรานี่คะ เพราะบริษัทใหม่ควรเรียกร้องให้มีการประมูลและเราจะพยายามเสนอราคาให้ดีที่สุด เราควรคว้าโอกาสนี้ไว้นะคะ” จู้หย่งมีสีหน้าเปลี่ยนไปทางหนักใจทันที “นี่คือสิ่งที่รบกวนจิตใจพ่อเลยล่ะ คุณลุงใหญ่โทรมาและบอกพ่อว่า จู้กรุ๊ปต้องการมีส่วนร่วมในการประมูลนี้ด้วย ให้พวกเราถอยไปซะ” จู้หลินหลินโกรธจัดและทุบโต๊ะอย่างแรง “เขาเป็นใครกันถึงมาสั่งให้เราทำนั่นทำนี่” “ทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะ” ขณะที่จู้หลินหลินกำลังพูดอยู่จู้หมิงก็เดินไปหาพวกเขาด้วยท่าทางวางมาด “จะบอกให้นะจู้หลินหลิน ทางจู้กรุ๊ปจะได้รับหน้าที่นี้จากโครงการเภสัชกรรมทั้งหมดภายใต้ซวนหยวนกรุ๊ป ไม่ว่าจะเป็นชื่อแบรนด์หรือพื้นที่ทางการตลาด เธอไม่มีทางแข่งขันกับเราได้แน่นอน หยุดความพยายามที่เหนื่อยเปล่าเสียเถอะ โอเคมั้ย” “อ่อ แล้วรู้เรื่องนี้รึยัง ฉันได้ยินบางอย่างที่ทำให้ฉันโกรธมากเลยล่ะ” หลังจากพูดจบจู้หมิงก็ชี้นิ้วไปที่ฉินจวิ้นแล้วพูดว่า "รู้ไหม เพื่อนเธอคนนี้ไปสร้างความวุ่นวายที่คฤหาสน์ของตระกูลถังแล้วดูถูกถังเทียนฮ้าวด้วยซ้ำไป พวกคุณยังยินดีที่จะได้เจอเด็กเวรนี่อยู่รึเปล่าละ” ครอบครัวถังนั้นเป็นครอบครัวฝั่งแม่ของฉินจวิ้น เมื่อตระกูลฉินสูญเสียอำนาจไปโดยทางตระกูลถังคาดว่าตัวเองจะได้รับผลกระทบ ทำให้ตระกูลถังรีบยุติความสัมพันธ์อย่างรวดเร็วและไม่แม้แต่เอาเกลือมาถูที่บาดแผลที่เจ็บปวดของตระกูลฉินเลยสักนิด และที่ตระกูลถังทำเช่นนั้นเพื่อพิสูจน์ความภักดีต่อสามตระกูลที่มีชื่อเสียงนั่นเอง ถึงแบบนั้นฉินจวิ้นที่ซึ่งไม่รู้สถานะของตนเองตัดสินใจต่อสู้กับตระกูลถัง และใครก็ตามที่เป็นพันธมิตรของเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานในอนาคตอย่างแน่นอน จู้หลินหลินตกตะลึง “จวิ้น เธอทำอย่างนั้นจริงเหรอ” ฉินจวิ้นยังคงนั่งอย่างสงบ และไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เขาพูด “ก็แค่พวกตระกูลถัง พวกคุณกลัวเขามากเลยเหรอ” จู้หมิงหัวเราะอย่างเย็นชา “นี่แกคิดว่าตัวแกเก่งกว่าคนอื่นมากนักเหรอ แค่พวกถัง น่าขำสิ้นดี พวกตระกูลถังจะไม่มีวันปล่อยแกไปง่ายๆ แน่ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราตระกูลจู้...ตระกูลถังสามารถทำให้แกหายไปเลยก็ยังได้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงแบคหนุนหลังที่พวกเขามีด้วยซ้ำ” “ฉันจะบอกให้เอาบุญนะจู้หลินหลิน ตอนนี้เรื่องก็ลุกลามมาถึงจุดนี้แล้ว เธอควรอยู่ให้ห่างจากเขา ธุรกิจของครอบครัวเราสำคัญกว่า เราต้องชนะการประมูลนี้ พิธีเปิดซวนหยวนกรุ๊ปจะมีขึ้นในอีกสองวันข้างหน้าและเราได้รับคำเชิญแค่สองคน เธอควรอยู่บ้านไปซะดีกว่า เหวินเทากับฉันจะไปแทนเอง” สีหน้าของจู้หลินหลินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน "ขอโทษนะคะ หากมีคำเชิญสองรายการสำหรับตระกูลจู้ แน่นอนว่านั่นหมายถึงหนึ่งคำเชิญสำหรับคุณลุงใหญ่และอีกคำสำหรับพ่อของฉัน อะไรทำให้คุณคิดว่ามันเป็นเพียงสำหรับคุณและลูกชายกันล่ะคะ” บริษัทของจู้หลินหลินเป็นเพียงธุรกิจเล็ก ๆ และหากเธอไม่สามารถเข้าร่วมในพิธีเปิดเพื่อเข้าร่วมการประมูลได้ เธออาจจะไม่ได้รับโอกาสในการแข่งขันอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว การเปิดบริษัทขนาดใหญ่เช่นนี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางและการพัฒนาของบริษัทของพวกเขาในอีกห้าปีข้างหน้า หากพวกเขาสามารถรักษาความมั่นคงของบริษัทต่อไปได้แล้วละก็ สิ่งที่จู้หมิงกำลังทำนั้นมากเกินไปแล้ว จู้หมิงส่งเสียงตะคอกอย่างไม่ไยดี “แน่นอน ฉันจะไปกับลูกชายมันจะทำไม เพราะฉันเป็นคนที่เป็นตัวแทนของตระกูลจู้ ในขณะที่เหวินเทาเป็นตัวแทนของจู้กรุ๊ปยังไงละ และทางฝั่งครอบครัวเธอสามารถเป็นตัวแทนของใครได้บ้างล่ะ” "คุณลุงใหญ่!!!" จู้หลินหลินโกรธมากจนหน้าถอดสี ยิ่งคุณปู่ป่วยและพวกเขากำลังทำสิ่งนี้กับเรามันช่างมันเหลือเกิน ฉินจวิ้นแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “หลินหลินไม่ต้องกังวลไป อีกสองวันเธอจะเข้าร่วมพิธีกับฉัน” ทุกคนตกตะลึงทันทีที่ฉินจวิ้นพูดแบบนั้น กับ......กับแกเนี่ยนะ? จู้หมิงแค่นหัวเราะ “แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกันห้ะ? ซวนหยวนเป็นของเมิ่งกรุ๊ป มันไม่เปิดรับสำหรับคนธรรมดาหรอกนะ นี่แกยังมองว่าตัวเองเป็นนายน้อยของตระกูลฉินอยู่อีกเหรอ ขนาดพวกเราตระกูลจู้ได้รับคำเชิญเพียงสองคนเลยหลังจากพยายามอย่างหนัก แล้วแกคิดว่าตัวเองสามารถเข้าไปได้งั้นเหรอ? กำลังล้อฉันเล่นสินะ” ป้าจู้พี่สาวคนที่สามของครอบครัวเดินออกมาและพูดว่า “หลินหลิน เธอไว้ใจเขาไม่ได้หรอกนะ บุคคลสำคัญทั้งหมดจะเข้าร่วมพิธีเปิดของซวนหยวนกรุ๊ป พวกเขาจะคิดอย่างไรถ้าเห็นคุณทั้งคู่อยู่ด้วยกันแบบนั้น ถ้าคนเข้าใจผิดนั่นเป็นปัญหาของเธอเองนั่นแหละ แต่ถ้ามันทำให้ชื่อเสียงของตระกูลจู้เสื่อมเสียล่ะจะทำยังไง” คนเหล่านี้จากตระกูลจู้พยายามทำให้ดูเหมือนว่าฉินจวิ้นจะนำพาปัญหามาให้ จู้หมิงพูดต่อว่า "พี่สาวอย่ากังวลไปเลย พวกเขาจะไม่สามารถเข้าไปได้หรอก แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้พบปะคนร่ำรวยที่นั่นอย่างแน่นอน เพื่อนคนนี้เก่งเรื่องการมโนเสียจริง ฮ่าฮ่าฮ่า” จู้หมิงจากไปหลังจากประโยคนั้น ทิ้งจู้หลินหลิน ฉินจวิ้น และจู้หย่งเอาไว้แบบนั้น จู้หลินหลินกำหมัดแน่น “คุณลุงใหญ่ชักจะเกินไปแล้ว” จู้หย่งรู้สึกแย่ “หลินหลิน ลูกพอมีคอนเนคชั่นกับทางเมิ่งกรุ๊ปบ้างไหม หรือไม่ก็ลองเข้าหาพวกเขาเป็นการส่วนตัวดูไหม” หลินหลินส่ายหัว “กลุ่มเมิ่งเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะติดต่อกับคนของพวกเขาได้ง่ายๆ ค่ะ” คู่พ่อลูกถอนหายใจ รู้สึกพ่ายแพ้อย่างมาก ฉินจวิ้นพูดต่อ "หลินหลิน ลุงจู้ เหมือนกับที่ผมบอกพวกคุณก่อนหน้านี้ ไม่ต้องกังวลกับคำเชิญครับ ผมจะพาคุณไปด้วย”สองพ่อลูกรู้สึกสับสน พวกเขาไม่ได้พบกับจวิ้นมาสิบปีแล้ว และตอนนี้เขาได้เรียนรู้ที่จะเกทับกันแล้วเหรอ... และในที่สุดวันสำคัญยิ่งในโลกธุรกิจของตงไห่ก็มาถึง นั่นคือการเปิดตัวธุรกิจของซวนหยวนกรุ๊ป ซึ่งเป็นธุรกิจที่เริ่มต้นด้วยเงินทุนเริ่มต้น 5 พันล้าน และเป็นโปรเจคของเมิ่งเหวินกังแห่งเมิ่งกรุ๊ปที่คิดมาเป็นเวลา 5 ปี เมื่อจัดตั้งขึ้น กลุ่มนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมืองตงไห่ทั้งหมด หรือแม้แต่มณฑลหานตงก็เช่นกัน ธุรกิจของครอบครัวจำนวนมากทั้งเล็กและใหญ่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทนี้กันทั้งนั้น เพราะการร่วมมือเพียงโครงการเดียวจะรับประกันความสำเร็จของพวกเขาในอีกห้าปีข้างหน้าอย่างแน่นอน แต่การแข่งขันนั้นสูงมาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบริษัทใดๆ ในการก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของที่นี่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ปรมาจารย์การแพทย์