ปรมาจารย์การแพทย์ นิยาย บท 9

ตอนที่ 9 ความขัดแย้งภายใน

ซวนหยวนกรุ๊ปนั้นตั้งอยู่ในใจกลางเมือง บนอาคารพาณิชย์สูงถึง 35 ชั้น เดิมทีอาคารแห่งนี้เคยเป็นสำนักงานใหญ่ของเมิ่งกรุ๊ปมาก่อน แต่เพิ่งถูกทุบทิ้งเพื่อปูทางไปสู่การสร้างซวนหยวนกรุ๊ป เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดอาวุธตรวจตราทางเดินในอาคารและรักษาความสงบเรียบร้อยของฝูงชนจำนวนมาก ฉินจวิ้นและจู้หลินหลินมาถึงในตัวอาคาร ภายในรถออดี้นั้น จู้หลินหลินตื่นตระหนกเป็นระยะเมื่อเห็นว่าภายในอาคารมีการป้องกันอย่างแน่นหนามาก “จวิ้น พวกเรากลับกันมั้ย ฉันจะหาทางอื่นเอา” หากเป็นเพียงพิธีเปิดง่ายๆ ละก็ บางทีจู้หลินหลินอาจหาทางเข้าไปข้างในได้ แต่พิธีเปิดของซวนหยวนกรุ๊ป นั้นโอ่อ่าเกินไป ไหนจะเต็มไปด้วยการรักษาความปลอดภัยทั้งหมด ซึ่งประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่าเธอไม่รู้จักใครเลยที่นั่น มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เธอได้เข้าไป ตั้งแต่ฉินจวิ้นบอกให้เธอ 'ตามเขาไป' เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอก็ไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว ขนาดเธอในฐานะคุณหนูตระกูลจู้ยังไม่สามารถเข้าไปได้ อะไรที่ทำให้ฉินจวิ้นที่ซึ่งเพิ่งกลับมาที่ตงไห่คิดว่าเขาสามารถเข้าไปได้กันละ แล้วอีกอย่างสำหรับตระกูลที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฉินในอดีตบางตระกูลตกต่ำทันทีในหลังจากนั้น ในขณะที่บางตระกูลเลือกที่จะทรยศพวกเขาอย่างเปิดเผย พวกเขาคงจะไม่ช่วยให้ฉินจวิ้นได้เข้าไปอย่างแน่นอน "ไปกันเถอะ เดี๋ยวเราเดินเข้าไป” จู้หลินหลินรู้สึกอาย เธอเอาแต่คิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ฉินจวิ้นได้จับมือเธอไว้แล้วและกำลังเดินไปที่ทางเข้า “จวิ้นเรากลับกันเลยได้ไหม” ฉินจวิ้นยิ้ม “ใจเย็นๆ นะ” พวกเขามาถึงจุดตรวจรักษาความปลอดภัย ซึ่งนั่นทำให้จู้หลินหลินรู้สึกหมดหนทาง เธอรู้สึกราวกับจะทำให้ตัวเองเป็นคนโง่และนำความอับอายมาสู่ตระกูลยังไงยังงั้น “คุณผู้หญิงโปรดแสดงบัตรประจำตัวของคุณครับ” ในหัวของจู้หลินหลินยังคงคิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ซ้ำไปมา ก็ถึงคราวของเธอที่จะต้องผ่านจุดตรวจ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากหยิบบัตรประจำตัวออกมาแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ ปี๊บ “เชิญครับคุณผู้หญิง” จู้หลินหลินตกตะลึง เข้าได้เหรอ นี่ฉันได้ยินมาผิดหรือเปล่าเนี่ย "คุณหมายถึงฉันเข้าไปได้ใช่ไหม” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองเธอด้วยสีหน้าเฉยเมยก่อนจะตอบว่า “ใช่ครับ” ทั้งสองคนผ่านจุดตรวจและเดินไปที่ห้องโถง เธอไม่อยากจะเชื่อเลย จวิ้นพาเธอเข้ามาได้ตามที่พูดแบบนั้นจริงๆ มันเป็นไปได้ยังไงกัน ครอบครัวจู้ได้รับเพียงสองคนแต่เธอเพิ่งเดินเข้าไปโดยใช้บัตรประจำตัวของเธอเนี่ยนะ ในระหว่างที่เธอยังคงจมอยู่กับความประหลาดใจก่อนหน้านี้ จู้หมิงและลูกชายของเขาก็เดินสวนมา “จู้หลินหลินมาทำอะไรที่นี่" หล่อนมองไปยังที่พวกเขาพลางขมวดคิ้ว "การปรากฏตัวของฉันที่นี่มันเกี่ยวอะไรกับคุณลุงใหญ่ไม่ทราบคะ" ใบหน้าของจู้หมิงเปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที “แกกล้าดียังไง ทั้งสองคนแอบเข้ามาละสิ รู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหนห้ะ” อย่างแรกเลยนะตระกูลจู้ได้มีคำเชิญเพียงสองคนเท่านั้น ซึ่งจู้หมิงได้สงวนไว้สำหรับตนเองและลูกชาย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จู้หลินหลินจะอยู่ที่นี่ เธอต้องแอบเข้ามาแน่ เธอกล้าดียังไง! “ถ้าถูกจับได้ มันไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของแกนะ นี่มันเอาทั้งตระกูลจู้มาเสี่ยงกับแกด้วยเลย" จู้หลินหลินขมวดคิ้ว “พวกเราเข้ามาโดยใช้บัตรประจำตัวของเราต่างหาก เราไม่ได้แอบเข้ามาค่ะ หยุดพูดไร้สาระสักที” จู้หมิงหัวเราะอย่างสนุกสนาน “บัตรประจำตัวเนี่ยนะ แกสองคน?” “จู้หลินหลิน แกคิดว่าฉันไม่รู้ว่าสถานะของแกงั้นเหรอ ยังกล้าพูดว่าเข้ามาแค่บัตรประชาชน เห็นฉันโง่หรือไง” จู้หลินหลินกล่าวต่อว่า “จวิ้นเป็นคนพาฉันเข้ามา ถ้าคุณจะก่อเรื่องที่นี่ คุณสองคนจะเป็นคนที่ถูกขายหน้าแทน!” จู้หมิงหัวเราะ “ไอ้เด็กนี่เนี่ยนะ แกมากับมันเสียสติไปแล้วรึไง จู้หลินหลิน แกไปเรียนรู้สิ่งเลวร้ายทั้งหมดนี้จากมันสินะ ไม่มีทาง ฉันจะไม่ให้แกเข้าไป มันมีแต่จะนำความอับอายมาสู่ตระกูลจู้มากกว่านี้” จู้หมิงช่างเป็นคนเห็นแก่ตัวนัก เขาแค่กังวลหากมีคนรู้ว่าทั้งสองคนแอบเข้ามาได้ยังไงละก็ ครอบครัวจู้ทั้งหมดจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและคิดว่ามันเป็นการดีที่เขาจะรายงานพวกเขาไปยังหน่วยรักษาความปลอดภัยก่อนที่จะมีคนพบพวกเขาเสียก่อน "รปภ. มาทางนี้เร็ว รปภ." จู่ๆ จู้หมิงก็ตะโกนขึ้น และนั่นก็ดึงความสนใจของทุกคน และไม่นานนัก รปภ. 2 คนก็เดินเข้ามา “มีอะไรผิดปกติเหรอครับ” จู้หมิงชี้ไปทางจู้หลินหลิน “พวกเขามาโดยไม่ได้รับเชิญและแอบเข้ามาอย่างลับๆ ลากพวกเขาออกไปเดี๋ยวนี้” ทันใดนั้น ทุกคนก็เริ่มให้ความสนใจกับละครที่เกิดขึ้นตรงหน้าทันที ความขัดแย้งภายในครอบครัวสินะ สมาชิกในครอบครัวจู้กำลังโต้เถียงกันเองและรายงานซึ่งกันและกันต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย น่าสนใจดีนี่ หน่วยรักษาความปลอดภัยสองคนเข้ามาและสแกนบัตรประจำตัวของฉินจวิ้นและจู้หลินหลินอีกครั้ง “พวกเขาเป็นแขกของงานครับ หรือพูดให้ถูกก็คือพวกเขาเป็นแขกวีไอพี” จู้หมิงตกตะลึง “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่นอน! พวกเขาเข้ามาได้ยังไงกัน และยิ่งบอกว่าพวกเขาเป็นวีไอพีด้วย ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน ต้องทำผิดพลาดสักอย่าง” มันช่างน่ารำคาญที่เห็นจู้หมิงตะโกนซ้ำๆ ในตอนแรกฉินจวิ้นไม่ต้องการสร้างละครดราม่ากับพวกเขานัก แต่ไหนๆ แล้วก็ดำตามน้ำเลยแล้วกัน ฉินจวิ้นหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาและกดหมายเลขของเมิ่งเหวินกัง “ครับรุ่นพี่ มีอะไรให้ผมรับใช้” “จู้หมิงและจู้เหวินเทาจากตระกูลจู้ ตัดสิทธิ์พวกเขาจากการเสนอชื่อประมูลด้วย” จู้หมิงหัวเราะลั่นหลังจากที่ฉินจวิ้นวางสาย “สวัสดีคุณชายฉิน นี่มาเล่นตลกกับฉันอีกแล้วเหรอ แกสามารถตลบตะแลงต่อหน้าคนอื่นได้แต่ไม่ใช่กับฉัน อะไรนะพยายามทำให้เราถูกตัดสิทธิ์ด้วยการโทรเพียงครั้งเดียวน่ะนะ ฝันไปหรือเปล่า” ขณะที่จู้หมิงกำลังพ่นเรื่องไร้สาระ รปภ.ที่อยู่ใกล้พวกเขาก็สื่อสารกับผู้บังคับบัญชาโดยใช้เครื่องส่งรับวิทยุ “กัปตัน ทราบแล้วเปลี่ยน” "ประธานเมิ่งได้แจ้งให้เราทราบว่าจู้หมิงและจู้เหวินเทาจากตระกูลจู้จะถูกตัดสิทธิ์จากกระบวนการประมูลเสนอชื่อ พาพวกเขาออกไปทันที” ถึงเสียงจะไม่ดังแต่ทุกคนได้ยินชัดเจน ถูกตัดสิทธิ์ จริงหรือเนี่ย และคำสั่งนี้ก็มาจากตัวนายเมิ่งเองโดยตรงด้วย แค่โทรศัพท์จากฉินจวิ้นได้ตัดพวกเขาออกจากการประมูลแบบฉับพลัน ทันใดนั้นคนรอบข้างก็มองไปที่ฉินจวิ้นเพื่อค้นหาว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร พื้นเพภูมิหลังของเขาคืออะไรกันแน่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ เดินมาทางจู้หมิงและพูดว่า “คุณสองคนถูกตัดสิทธิ์ กรุณาออกไปเดี๋ยวนี้ครับ" ใบหน้าของจู้หมิงเปลี่ยนไป "อะไรกัน พวกแกทำผิดพลาดรึเปล่า ฉันคือจู้หมิงจากตระกูลจู้และนี่คือลูกชายของฉันจู้เหวินเทา พวกเรามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะประมูลโครงการอย่างแน่นอน” รปภ.ทำหน้าเคร่งขรึม “ไม่อีกต่อไปแล้วครับ โปรดออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นทางเราจะต้องใช้วิธีที่รุนแรงกว่านี้แล้วนะ” จู้หมิงรู้สึกสับสน “อะไรนะ คุณหมายถึงอะไร 'ไม่อีกแล้ว' เป็นไปไม่ได้ ผู้รับผิดชอบที่นี่อยู่ที่ไหนกัน โทรหาเขาเดี๋ยวนี้ ก่อนหน้านี้ทุกอย่างปกติดีนี่นา” ในขณะที่เขายังคงพูดพล่ามอยู่นั้นก็มียามสองสามคนเข้ามาหามพวกเขาออกไป จู้หลินหลินหันกลับมาและมองไปยังฉินจวิ้น เธอเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาถูกตัดสิทธิ์ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทั้งหมดเป็นเพราะการที่ฉินจวิ้นโทรหาใครบางคน ฉินจวิ้นทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพูดอย่างเรียบเฉยว่า “หลินหลินไปกันเถอะ” ถึงเวลาที่จะเริ่มงานแล้วแต่จู้หลินหลินยังไม่ทันที่จะได้ประมวลผลเรื่องราวใดๆ ก็ถูกพาไปยังที่นั่งของเธอในห้องโถงใหญ่และนั่นจู้หลินหลินรู้ทันทีว่านี่มันไม่ใช่แค่ที่นั่งวีไอพี แต่เป็นที่ซึ่งบุคคลสำคัญทั้งหมดของกลุ่มบริษัทต่างหาก นี่มันที่นั่งตรงกลางเลยด้วยซ้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ปรมาจารย์การแพทย์