ปากของฉินอันอันถูกแววตาที่ร้อนผ่าวและเคร่งขรึมของเขาจ้องเขม็งจนเธอรู้สึกปากแห้งไปหมด
“คุณหมายถึงเรื่องที่ฉันออกไปก่อนจบโชว์เหรอ?” เธอคิดครู่หนึ่งแล้วจึงอธิบายให้เขาฟัง “ตอนนั้นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยฉันส่งข้อความมาว่าหลังจากแสดงเสร็จเธออยากจะมาถ่ายรูปกับคุณ ฉันคิดว่าคุณจะต้องไม่ยอมถ่ายรูปกับคนแปลกหน้าแน่ ๆ และฉันก็ไม่อยากจะอธิบายกับเพื่อนด้วยว่าทำไมฉันถึงมาอยู่กับคุณได้”
“ทำไม?” สองคำที่เอ่ยออกมาปนความกระด้างและเยือกเย็น
“ถ้าให้อธิบายสั้น ๆ มันก็ไม่ชัดเจนหรอก…อีกอย่าง ความต่างของพวกเรากับคุณก็มากเกินด้วย นอกจากความต่าเรื่องตัวตนแล้ว ยังมี…เรื่องของอายุอีก คุณจะยอมคุยกับเพื่อนฉันไหมล่ะ? พวกเรายังอ่อนต่อโลกมาก…ถ้าเกิดว่าเพื่อนฉันมาหาคุณบ่อย ๆ เพราะความสัมพันธ์ของพวกเรา คุณจะรำคาญหรือเปล่า? ต้องกันไว้ดีกว่าแก้สิ ถูกไหม?”
อันที่จริงประเด็นสำคัญของเรื่องคือพวกเขาสองคนสามารถหย่ากันได้ทุกเมื่อ และไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะอยู่ด้วยกันไปนานแค่ไหน
ถ้าวันนี้เธอบอกเพื่อนเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนแล้วพรุ่งนี้พวกเขาดันมาหย่ากัน…นั่นคงเป็นเรื่องน่าอายมาก
จะว่าไปสู้รอให้ทุกอย่างมันจบลงไปก่อนดีกว่า
การตอบด้วยรอบคอบและอดทนของเธอทำให้เขารู้สึกสงบลงขึ้นมาก
ความคิดของเธอมันช่างเป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
เขาไม่ได้อยากจะทำความรู้จักกับเพื่อนของเธออยู่แล้ว
นอกจากเธอแล้ว เขาไม่ได้อยากจะรู้จักใครที่ยังเด็กและอ่อนต่อโลกแบบนี้หรอก
“คุณกลับห้องไปเถอะ!” เขาเอ่ยปากพูดออกมาเบา ๆ
เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกราวกับได้รับการอภัยโทษ
เธอปอกเปลือกกล้วย ก่อนจะยื่นกล้วยไปตรงหน้าของเขาอย่างดื้อดึง “นี่เป็นกล้วยนากที่ฉันซื้อมา ฉันชอบมากเลยนะ ฉันว่ามันอร่อยกว่ากล้วยทั่ว ๆ ไป คุณลองชิมดูสิ”
เธอมองเขาอย่างตั้งตารอ
เมื่อเขาเห็นว่าเปลือกกล้วยเริ่มมีสีดำขึ้นมาเล็ก ๆ ในใจก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมา แต่ก็ไม่อยากหักหาญน้ำใจของเธอ
เขาจึงหยิบกล้วยที่ปอกเปลือกแล้วจากเธอมากัดคำเล็ก ๆ
เมื่อหัดเข้าไปในปาก กล้วยนั้นกลับมีรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย
แต่หลังจากที่เคี้ยวแล้วจะมีรสชาติหวานออกมา
โดยภาพรวมแล้วมันมีรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ เหนียวหนึบ เป็นรสชาติที่แตกต่างจากกล้วยทั่วไป
“คุณอย่าเอาแต่คิดว่ามันเริ่มดำแล้วส อันที่จริงข้างในมันยังดีอยู่เลยนะ” ดวงตาของเธอเป็นประกายราวกับมีดวงดาวแวววาวมากมายอยู่ภายใน “ขอบคุณนะที่พาฉันไปดูคอนเสิร์ตเมื่อตอนบ่าย แม้ว่าจะดูไม่จบเพราะอุบัติเหตุเล็กน้อยก็เถอะ แต่ยังไงก็อยากขอบคุณอยู่ดี”
เมื่อสิ้นคำพูดด้วยความประหม่า เธอก็รีบกลับเข้าห้องปิดประตูไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอเขาตอบอะไร
ฟู่ซื่อถิงพูดไม่ออก “???”
‘นี่คือวิธีขอบคุณของเธอใช่ไหม?’
‘แม้ว่าจะรับรู้ได้ถึงความจริงใจ แต่เธอก็ควรอเขากินให้เสร็จก่อนไหมเล่า!’
……
วันถัดมา
แม่บ้านจางเห็นว่าฉินอันอันสายแล้วแต่ก็ยังไม่ลงมาทานข้าวเช้า และฟู่ซื่อถิงก็นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างดื้อดึง
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดว่าทำไมถึงรอ แต่แม่บ้านจางก็พอจะเดาได้ว่าเขากำลังรอฉินอันอันออกมาทานข้าวด้วยกัน
แม่บ้านจางเดินไปที่ประตูห้องรับแขก ก่อนจะเคาะประตูเล็กน้อย แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ เธอถึงเปิดประตูเข้าไปโดยพลการ
หลังจากที่เห็นสภาพในห้อง แม่บ้านจางก็ไปที่ห้องนั่งเล่น และเอ่ยกับฟู่ซื่อถิงทันที “คุณผู้หญิงกำลังหลับอยู่ที่โต๊ะ ฉันสงสัยว่าเมื่อคืนเธออาจจะไม่หลับไม่นอน คุณผู้ชาย ไม่งั้น… ไม่งั้นคุณก็ไปทานข้าวเช้าก่อนเถอะ!
ยังไม่ทันจะได้พูดประโยคหลังให้จบ ฟู่ซื่อถิงก็ลุกพรวดจากโซฟาและมุ่งตรงไปยังห้องรับแขกทันที
เขาอุ้มเธอให้ลุกจากเก้าอี้และพาไปวางที่เตียง
เธอหลับลึกมาก
ขยับไปมาขนาดนี้เธอยังไม่รู้สึกตัวอะไรเลยแม้แต่น้อย
เธอน่าจะเพิ่งหลับได้ไม่นาน
‘หักโหมตัวเองเพื่อวิทยานิพนธ์ขนาดนี้เลยเหรอ?’
เขาหันไปมองสมุดบันทึกของเธอที่อยู่บนโต๊ะ
สมุดบันทึกของเธอค่อนข้างที่จะเก่าแล้ว เป็นสไตล์ที่เป็นที่ได้ความนยมเมื่อหลายปีก่อน ตัวแบรนด์ก็เลิกเป็นที่นิยมไปนานแล้ว
มิน่าล่ะเมื่อก่อนตอนโน้ตบุ๊กของเธอพังเลยต้องวิ่งมาห้องหนังสือของเขาเพื่อใช้คอมพิวเตอร์
เขาเดินไปที่หน้าโต๊ะของเธอ มองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เสียเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือกดปุ่มเปิดเครื่อง
ไม่นาน หน้าจอก็สว่างวาบขึ้นมา
ไอคอนบนหน้าจอนั้นมีไม่มากนัก
มีวิทยานิพนธ์ของเธอ และมีอีกไฟล์หนึ่งที่ถูกตั้งชื่อไว้ว่า ‘แผนการ’
เขาคลิกไปที่เอกสารนั้นโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ชื่อหัวข้อของไฟล์นั้นถูกขยายและทำเป็นตัวหนังสือหนา ทำให้มองเห็นได้ชัดเจน
หัวข้อนี้เขียนไว้ว่า ‘แผนการหย่าร้างภายในสามเดือน!’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รอวันหย่า คุณสามีร้าย
สนุกมากค่ะ...