สิบโมงเช้า
รถโรลส์รอยซ์สีดำขับมาจอดที่หน้าอาคารเก่าของเขตหมู่บ้าน
เมื่อประตูรถเปิดออก ร่างสูงก็ลงมาจากรถ
ฟู่ซื่อถิงสวมเสื้อนวมกันหนาวแบบยาวสีกรมท่า พันผ้าพันคอสีเทาและสวมรองเท้าบูทคู่ใหม่
ถึงแม้จะสวมเสื้อผ้าอย่างอบอุ่น สีหน้าของเขาก็ยังดูซีดเซียว
บุคลิกที่เย็นชาและสูงส่งของเขาช่างไม่เข้ากับสถานที่รกร้างและทรุดโทรมรอบ ๆ ตัว
คนขับรถและบอดี้การ์ดเดินตามเขาอยู่ด้านหลัง ในมือถือของขวัญหรูหราเอาไว้ด้วย
เมื่อมีเสียงเคาะประตูบ้านเช่า จางหยุนวิ่งเหยาะ ๆ ออกมาจากครัวเพื่อเปิดประตู
ทันทีที่เห็นฟู่ซื่อถิง เธอก็งุนงงเล็กน้อย
“…คุณมาได้ยังไง?” จางหยุนสะดุ้งตกใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดประตู “รีบเข้ามาเถอะค่ะ! ได้ยินว่าคุณกำลังป่วย ยังไม่หายใช่ไหมคะ?”
ถึงแม้จะเข้าสู่ฤดูหนาว แต่ก็ยังไม่ถึงกับต้องสวมเสื้อนวมกันหนาวแบบยาวเช่นนี้
ฟู่ซื่อถิงเหลือบมองพื้นสะอาดเอี่ยมแล้วเอ่ยอย่างลังเล “ต้องถอดรองเท้าหรือเปล่าครับ?”
จางหยุนส่ายหน้าทันที “ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง พวกคุณเข้ามาได้เลย!”
เธอเชิญฟู่ซื่อถิงเข้ามาด้านใน จากนั้นก็เห็นว่าในมือของคนขับรถและบออดี้การ์ดมีของขวัญมาด้วย
“ทำไมถึงเอาของขวัญมาเยอะขนาดนี้คะ?” จางหยุนถามอย่างสงสัย
เมื่อคืนนี้ฉินอันอันนำข้าวของทั้งหมดกลับมา
จางหยุนไม่กล้าถามอะไร
เธอเดาว่าลูกสาวกับฟู่ซื่อถิงเลิกกันแล้ว ถึงได้ลากกระเป๋าเดินทางกลับมา
ดังนั้นเธอจึงไม่คาดคิดเลยว่าฟู่ซื่อถึงจะมาในวันนี้
“วันนี้ผมมาเยี่ยมคุณอย่างเป็นทางการครับ” ฟู่ซื่อถิงเดินมาที่โซฟาแล้วนั่งลง
หลังจากที่คนขับรถและบอดี้การ์ดวางของขวัญไว้ในห้องนั่งเล่นแล้ว ก็ถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่
จางหยุนหารีโมทเครื่องปรับอากาศแล้วเปิดเครื่องทำความร้อน
“อ้อ…คุณกับอันอัน…เมื่อคืนนี้…” จางหยุนสีหน้าซับซ้อนอย่างมาก ไม่รู้ว่าควรจะถามยังไงดี
“เมื่อคืนผมไม่ได้เจอเธอครับ” ฟู่ซื่อถิงมองจางหยุนด้วยสายตาซื่อตรง “ระหว่างผมกับเธอมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
“อ้อ…เรื่องของพวกคุณ เธอพูดกับฉันน้อยมากค่ะ ดังนั้นฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร” จางหยุนเทน้ำร้อนให้เขา “สีหน้าคุณแย่ขนาดนี้ ควรพักผ่อนอยู่กับบ้านเสียมากกว่า”
“ผมไม่เป็นไร” เขารับแก้วน้ำมาใช้มือทั้งสองข้างจับไว้
จางหยุนนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ แล้วมองหน้าเขา
คนเราเมื่อป่วย ความดุดันของร่างกายก็จะลดลง
ยังจำได้ว่าครั้งก่อนที่พบเขา รู้สึกว่าเขานั้นสูงส่ง ไกลเกินเอื้อม
“ซื่อถิง คุณคิดยังไงกับอันอันของเรากันแน่คะ?” จางหยุนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามสิ่งที่อยู่ในใจเธอออกมา “ฉันกับพ่อของเธอหย่ากันตอนที่เธอยังเล็กมาก เธออยู่กับพ่อ…คุณน่าจะจินตนาการได้นะคะว่าสภาพครอบครัวแบบนั้น เธอไม่ได้รับความรักแบบปกติเลย ถ้าคุณไม่ชอบเธอ ขอให้คุณปล่อยเธอเป็นอิสระเถอะค่ะ”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องการหย่าร้างครับ” ฟู่ซื่อถิงจิบน้ำแล้วพูดต่อ “ตอนนี้เธอสนิทกับผู้ชายคนหนึ่งมาก ผู้ชายคนนี้ชื่อถังเฉียวเซิน คุณอาจจะไม่รู้จักเขา แต่ว่าผมรู้จัก”
จางหยุนเข้าใจถึงความหมายโดยนัยจากคำพูดของเขา “คุณกำลังจะบอกว่าถังเฉียวเซินคนนี้ไม่ใช่คนดีเหรอ?”
ฟู่ซื่อถิงพยักหน้า “หวังว่าคุณจะสามารถโน้มน้าวเธอ ให้อยู่ห่างจากถังเฉียวเซินได้”
จางหยุนพยักหน้าซ้ำ ๆ “ตกลงค่ะ ไว้เธอตื่นแล้ว ฉันจะพูดกับเธอ”
ฟู่ซื่อถิงขมวดคิ้วพร้อมกับยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา
‘ตอนนี้สิบโมงครึ่งแล้ว’
‘ฉินอันอันยังหลับอยู่เหรอ?’
จางหยุนอธิบาย “เมื่อคืนเธอเข้านอนค่อนข้างดึกค่ะ ดังนั้นตอนนี้เลยยังไม่ตื่น”
จางหยุนพูดจบ ประตูห้องนอนก็เปิดออก ฉินอันอันสวมชุดนอนเดินออกมาจากห้อง
ผมยาวเธอกระเซอะกระเซิง ใบหน้างัวเงีย หลังจากเห็นฟู่ซื่อถิงแล้ว ดวงตาหมองคล้ำก็เบิกโพลงขึ้นทันที
“อันอัน ซื่อถิงมาหาลูก แม่จะไปซื้ออาหารสักหน่อย ลูกคุยกับเขาดี ๆ ล่ะ” จางหยุนหาข้ออ้างแล้วออกไป
ฉินอันอันเหลือบมองเครื่องปรับอากาศ
และมองไปที่เสื้อนวมกันหนาวบนตัวเขาอีกครั้ง
‘ดูท่า เขาคงยังไม่หายป่วย’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รอวันหย่า คุณสามีร้าย
สนุกมากค่ะ...