ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) นิยาย บท 39

บทที่ 39 ทะลวงสู่ด่านก่อเกิดลมปราณ

ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาสีเลือด มีน้ำตกสายหนึ่งไหลลงผ่านหน้าถ้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

ซูเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ที่แผ่นหินที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังน้ำตก

หลังจากเตรียมตัวมากว่ายี่สิบวัน ในที่สุดซูเฉินก็พร้อมจะทะลวงสู่ด่านก่อเกิดลมปราณเสียที

การทะลวงเข้าสู่ด่านก่อเกิดลมปราณนั้น แท้จริงแล้วเป็นแค่การเปิดทะเลพลังต้นกำเนิดที่สามารถใช้กักเก็บพลังต้นกำเนิดในจุดตันเถียนในร่าง เพื่อให้พลังต้นกำเนิดที่ดูดซับมาสามารถถูกกักเก็บและบีบอัดอยู่ภายในร่างได้มากขึ้น การทำเช่นนี้จะทำให้สามารถควบคุมพลังต้นกำเนิดได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แท้จริงแล้วกระบวนการการก่อกายาก่อนหน้านี้ก็คือกระบวนการเตรียมร่างกายให้พร้อมเปิดตานไห่ในร่างนั่นเอง

มีเพียงผู้ที่ผ่านการหลอมกายาและลิ้มรสการเปลี่ยนแปลงในร่างกายขั้นต้นของตนเท่านั้นที่จะมี “สิทธิ์” เปิดตานไห่ เช่นเดียวกันกับการสร้างหอสูงจำต้องวางรากฐานให้มั่นคงเสียก่อน

การเปิดตานไห่นั้นมีหลายวิธี และไม่ใช่ความลับในใต้หล้าแต่อย่างใด ซูเฉินเรียนรู้หลากหลายวิธีมาจากในตระกูล ดังนั้นเขาจึงพอรู้วิธีอยู่บ้าง หลังจากนั่งถกเถียงกับตนเองอยู่พอสมควร เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจที่จะใช้วิธีเก้าการโคจรทะเลทองคำ

การใช้วิธีนี้จะทำให้ตานไห่ออกมาเป็นทะเลน้ำวน ทุกวินาทีจะวนเวียนไปเรื่อย ๆ

เหตุผลที่ซูเฉินเลือกวิธีนี้เป็นเพราะตานไห่ที่เกิดจากวิธีนี้มีประโยชน์สองอย่าง หนึ่งคือความสามารถในการดูดซับพลังสูง ซูเฉินสามารถมองเห็นจุดพลังต้นกำเนิดได้ เขาจึงจำเป็นต้องใช้วิธีที่ทำให้เขาสามารถดูดซับพลังได้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม ตานไห่ที่เหมือนน้ำวนนี้ หากใช้ดูดซับพลังตามปกติจะไม่ค่อยมีอานุภาพมาก ทว่าหากกำหนดทิศทางให้มันได้แล้วจะทรงพลังเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะกับซูเฉินยิ่งนัก สองคือตานไห่ที่เกิดด้วยวิธีนี้จะสามารถจุพลังได้จำนวนมาก และข้อนี้คือจุดแข็งที่สุดของวิธีเก้าการโคจรทะเลทองคำ ตานไห่ที่เปิดด้วยวิธีนี้จะสามารถกักเก็บพลังได้มากกว่าวิธีอื่น ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือมีพลังอำนาจสูงมาก

ทว่ายิ่งตานไห่สามารถกักเก็บพลังได้มาก ก็ยิ่งต้องใช้พลังในการทะลวงด่านต่อไปมากยิ่งขึ้น ผลก็คือการฝึกตนจะช้าลง และนี่คือหนึ่งในจุดอ่อนของวิธีเก้าการโคจรทะเลทองคำ

แต่ในเมื่อเขาสามารถเห็นจุดพลังต้นกำเนิดได้ ซูเฉินจึงรู้ดีว่าหนทางข้างหน้าของตนย่อมไม่เป็นไปตามปกติธรรมดา แล้วจะให้เด็กหนุ่มเลือกวิธีที่ธรรมดาสามัญได้อย่างไร? เขาจำต้องเลือกทางที่จะเพิ่มโอกาสในอนาคตและเผชิญหน้าเข้ากับเส้นทางสายนี้ให้ถึงที่สุด

ในตอนนั้น ซูเฉินนั่งอยู่หลังน้ำตก ฟังเสียงน้ำไหลขณะบำเพ็ญวิธีเก้าการโคจรทะเลทองคำ พลังต้นกำเนิดที่หลบซ่อนอยู่ภายในร่างของเขาเริ่มรวมตัวกันช้า ๆ โดยปกติแล้วผู้ฝึกตนที่อยู่ด่านหลอมกายาจะไม่มีทางใช้พลังต้นกำเนิดได้เลย ทว่ายามเมื่อพลังต้นกำเนิดถูกเติมเต็มภายในร่างจนเอ่อล้นและก้าวแตะที่ขั้นสุดของด่านหลอมกายา พลังเหล่านั้นจะไร้ที่ไปต่อ มันจึงพยายามหลั่งไหลออกมา กลายเป็นพลังงานที่ผู้ฝึกฝนสามารถนำมาใช้ได้

การทะลวงสู่ด่านก่อเกิดลมปราณนั้นจำต้องใช้ความสามารถในการควบคุมพลังต้นกำเนิดขนาดเล็ก ๆ เหล่านี้เพื่อนำไปสร้างพื้นที่ให้ตานไห่ในจุดตันเถียน

วิธีเก้าการโคจรทะเลทองคำจำเป็นต้องใช้พื้นที่สำหรับสร้างตานไห่เพื่อให้มีรูปร่างแบบน้ำวน เด็กหนุ่มต้องโคจรพลังต้นกำเนิดให้หมุนวนอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างพื้นที่พิเศษสำหรับพลังต้นกำเนิดขึ้นภายในร่าง

พลังต้นกำเนิดกลุ่มก้อนแรกเตรียมพร้อมดีแล้ว ซูเฉินควบคุมมันให้ไปรวมตัวที่จุดตันเถียนและเริ่มโคจรวนไปมา ก่อให้เกิดช่องว่างพลังต้นกำเนิด

ในตอนแรก มันยังเป็นแค่หลุมเล็กหลุมหนึ่งเท่านั้น

เล็กราวกับใช้เข็มทิ่มผืนดิน

ทว่าเมื่อเข็มยังคงหมุนต่อไป ช่องตานไห่ก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ พลังต้นกำเนิดเริ่มหมุนวนกันราวกับน้ำวน กระแสพลังต้นกำเนิดที่หมุนเวียนดั่งน้ำวนเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง

ในตอนนี้ พลังต้นกำเนิดที่เขาดูดซับมาโดยตลอดเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป เขาต้องใช้อย่างอื่นช่วยด้วย

โชคดีที่ซูเฉินตระเตรียมของอย่างอื่นมาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

บนเทือกเขาสีเลือดมีสมุนไพรล้ำค่ามากมาย หาไม่มีอสูรร้ายแต่เพียงเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเดินทางเข้ามายังที่แห่งนี้ ถังเจิ้นได้สอนซูเฉินเพิ่มเติมในหลาย ๆ เรื่อง

ในตอนที่ฝึกกำลังตนอยู่บนเทือกเขา เด็กหนุ่มก็เก็บสมุนไพรหลากหลายตัวไว้ ทว่ายังไม่หยิบมันมาใช้สักครั้ง แต่เดิมเขาคิดไว้ว่าจะนำสมุนไพรพวกนี้กลับไปขายให้ถังเจิ้น แต่ตอนนี้เขาคิดจะใช้พวกมันมาช่วยทะลวงด่านไปยังด่านก่อเกิดลมปราณแทน

ในตอนนั้นเขารู้สึกราวกับว่า “เข็ม” เล่มนั้นหมุนทะลวงผ่านอะไรสักอย่างเข้าไป ซูเฉินไม่รีรอ รีบดื่มยาสมุนไพรที่เขาเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ในอึกเดียว พลังอันรุนแรงจากยาสมุนไพรแล่นเข้าสู่ร่างกาย หลังจากซูเฉินโคจรพลังดูดซับมันเข้าไป พลังจากยาก็พลันกลายเป็นพลังต้นกำเนิดบริสุทธิ์

พลังต้นกำเนิดที่จำเป็นต้องใช้ในการเปิดตานไห่พลันเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราวกับมีพายุคลั่งซัดอยู่ในจุดตันเถียนของตน ซูเฉินส่งเสียงคำรามเจ็บปวดออกมา ใบหน้าพลันซีดขาว

การทะลวงไปยังด่านก่อเกิดลมปราณนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์นัก เขาสัมผัสได้ว่ากระแสปราณต้นกำเนิดที่หมุนเวียนกำลังขยายใหญ่ขึ้นอยู่ภายในร่างซูเฉินจึงรวมพลังใส่เข้าไปอีกและโคจรพลังให้หมุนวนและขยายพื้นที่ออกไปเรื่อย ๆ

เมื่อพลังต้นกำเนิดจากยาสมุนไพรถูกใช้จนหมด ซูเฉินก็ซดยาสมุนไพรอีกขวด โคจรพลังเข้าสู่กระแสปราณต้นกำเนิดที่วนเวียนต่อไป

หลังจากพลังต้นกำเนิดจากยาสมุนไพรขวดที่สามถูกกลั่นจนหมด กระแสน้ำวนปราณต้นกำเนิดในร่างของซูเฉินก็มีขนาดราวหนึ่งกำมือ ไม่มีทางขยายใหญ่ได้มากกว่านี้อีก ตอนนี้ตานไห่ของเขาก่อรูปร่างขึ้นมาได้ถูกต้องตามพื้นฐานแล้ว ขั้นต่อไปคือการทำให้มันไหลเวียนอย่างมั่นคง เขาต้องปรับร่างกายตนเองให้เข้ากับมันให้ได้

การทำให้ตานไห่ของตนมั่นคงเป็นขั้นตอนที่กินเวลายาวนานมาก ซูเฉินใช้เวลาสามวันเต็มในขั้นตอนนี้

ในวันที่สี่ ยามพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ในที่สุดซูเฉินก็เปิดเปลือกตาขึ้น

มีแสงดาวดวงหนึ่งแล่นพาดผ่านนัยน์ตาของเขา

การทะลวงเข้าสู่ด่านก่อเกิดลมปราณสำเร็จแล้ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)