ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) นิยาย บท 94

บทที่ 94 ทำลายความสัมพันธ์ (1)

หลังจากถูกทุบตีอย่างรุนแรง ท้ายที่หลานจื่อก็ร้องสารภาพออกมา

อย่างไรก็ตามการทุบตีก็ไม่ได้หยุดลง แต่ยังคงกระหน่ำลงบนร่างของนางอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง

ซูเฉินไม่ได้ต้องการคำสารภาพของหลานจื่อ

สิ่งที่ซูเฉินต้องการคือการหลั่งเลือด เพื่อตอบสนองความกระหายที่จะแก้แค้นของเขา

ทุกครั้งที่ท่อนไม้ฟาดลงบนร่างกายของหลานจื่อ ได้ทำให้หยาดเลือดและเศษเนื้อกระเด็นขึ้นไปในอากาศพร้อมกับเสียงร้องโหยหวน

กังหยียนได้ควบคุมความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างมีสติ

เนื่องจากเจ้านายของเขาบอกว่าต้องการจะทุบตีนางให้ตาย กังเหยียนจึงไม่สามารถฆ่านางทิ้งในครั้งเดียวได้!

กังหยียนปฏิบัติตามคำสั่งของซูเฉินอย่างจริงจัง

เสียงร้องโหยหวนยังคงดังอยู่เรื่อย ๆ แต่ซูเฉินไม่สนใจที่จะฟังอีกต่อไป

เด็กหนุ่มยืนขึ้นออกจากเรือนประกายไพโรจน์เดินช้า ๆ ไปตามถนนที่คดเคี้ยว ซูเฉินประสานมือไขว้หลังและเดินก้มศีรษะลงไปตลอดทาง ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง

จนกระทั่งเขามาถึงหน้าทางเข้าของเรือนน้ำหอมสีน้ำเงิน ซูเฉินหยุดลงครู่หนึ่งก่อนจะก้าวตรงเข้าไปข้างใน

เมื่อสาวใช้คนหนึ่งเห็นซูเฉินเดินเข้ามา แสดงออกของนางก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว นางก้าวถอยหลังไป 2-3 ก้าว จากนั้นก็หันหลังกลับและวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

ซูเฉินไม่ได้หยุดนาง

เขายังคงเดินไปข้างหน้าทีละก้าวผ่านทางเดินและเฉลียง ก่อนที่จะมาถึงห้องเล็ก ๆ ของเรือนหลักที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกำแพงสีแดง

หยานหวู่ชวงกำลังนั่งอยู่ในห้องนั้น

นางสวมเสื้อคลุมขนมิงค์สีน้ำเงินตัวใหญ่ และติดปิ่นฟีนิกซ์หยกที่ซูเฉิงอันมอบให้นางเอาไว้บนศีรษะ ในขณะนั้นนางกำลังแต้มชาดลง บนหน้าผากของนางเบา ๆ อยู่หน้ากระจก

( cinnabar / ชาด – เครื่องผงประทินโฉมสีแดงสมัยก่อน มีสารปรอทเป็นอันตรายต่อร่างกาย)

สาวใช้ที่เพิ่งวิ่งหนีมากำลังคุกเข่าแทบเท้าของนาง

เมื่อนางมองเห็นซูเฉินเดินเข้ามาผ่านทางกระจก สีหน้าของหยานหวู่ชวงก็แข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย

จากนั้นนางก็ค่อย ๆ วางชาดลงบนโต๊ะราวกับว่านางไม่ได้รับรู้เรื่องนี้เลย

หลังจากวางพู่กันแต้มชาดลง แล้วค่อย ๆ กล่าวขึ้นว่า “เจ้ามาจริง ๆ สินะ”

“แม่นางหยานหวู่ชวง รู้อยู่แล้วว่าข้าจะมาและกำลังรอข้าอยู่เช่นนั้นหรือ ? ” ซูเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน

ซูเฉินไม่ได้เรียกนางว่าป้าสี่ เพราะหากกล่าวอย่างเป็นทางการ หยานหวู่ชวงไม่ใช่ภรรยาคนที่สี่ของบ้านนี้อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้นางเป็นเพียงแค่สาวใช้ แน่นอนว่าในความเป็นจริงนางก็ยังคงเป็นคนที่ใหญ่ที่สุดในเรือนน้ำหอมสีน้ำเงิน และยังคงใช้ชีวิตเยี่ยงเจ้านายภายใต้ตำแหน่งสาวใช้

เพียงแค่ดูจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือยของนาง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรืออาหารการกิน ใคร ๆ ก็สามารถรู้ได้ในทันทีว่าซูเฉิงอันดีกับนางมากเพียงใด

อย่างไรก็ตามคำว่า ‘แม่นางหยานหวู่ชวง’ นี้ ก็ส่งผลให้มือของหยานหวู่ชวงกระตุกอย่างรุนแรง

ใบหน้าหยกของนางเกร็งขึ้น “คนที่ข้ากำลังรออยู่คือสามีของข้า”

“สามี ? ” ซูเฉินมึนงงเล็กน้อยและครุ่นคิดในใจ ‘ปกติท่านพ่อน่าจะยังคงดูแลธุรกิจของท่านอยู่ แล้วเหตุใดจู่ ๆ ถึงได้กลับมากัน ? จะต้องมีคนไปแจ้งท่าน หลังจากที่ข้ากลับมาและได้รับข่าว หลังจากไปหาท่านแม่แล้ว ข้าถึงได้มาที่นี่ …’

ซูเฉินมองไปที่หยานหวู่ชวง “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการบางอย่างไว้แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่ามันยังคงช้าเกินไปหน่อยนะ”

ใบหน้าของที่หยานหวู่ชวงซีดเผือด

หยานหวู่ชวงได้ติดต่อไปหาซูเฉิงอันอย่างลับ ๆ แต่นางก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าซูเฉินจะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ ซูเฉิงอันยังไม่ทันจะกลับมา แต่ซูเฉินก็มาถึงเสียแล้ว

ซูเฉินไม่จำเป็นต้องซักถามหลานจื่ออย่างละเอียด หลังจากปัญหาได้รับการแก้ไขด้วยคำพูดไม่กี่คำของนางแล้ว เขาก็รีบตรงมาที่นี่ !

ซูเฉินไม่ได้ต้องการหลักฐาน !

แม้ว่านางจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ความเด็ดขาดของซูเฉินก็ทำให้หยานหวู่ชวงต้องตกตะลึงอยู่ดี

ความสงบและความเยือกเย็นทั้งหมดของนาง ล้วนแล้วแต่เป็นของปลอม

เมื่อมองดูซูเฉินผ่านกระจกของนาง ในขณะนั้นใบหน้าของหยานหวู่ชวงก็เผยให้เห็นความกลัวที่นางไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้ออกมา

คิ้วของซูเฉินขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “เดิมทีข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ได้คิดถึงผลที่ตามมาจึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าข้าคิดผิด เจ้าจงใจให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หลังจากหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นไป เหตุใดเจ้าถึงยังคงดูถูกข้ากัน ? เจ้าน่าจะเข้าใจแล้วนะว่าข้าเป็นคนแบบไหน แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงยังกล้ายั่วโมโหข้า เหตุใดถึงได้กล้าทำร้ายท่านแม่ข้า?”

“เพราะอะไร ? ” หยานหวู่ชวงจ้องมองไปที่ซูเฉินอย่างโกรธแค้น

“แน่นอนว่าก็เป็นเพราะข้าเกลียดเจ้า! หากไม่ใช่เพราะเจ้าข้าจะตกต่ำจนเปลี่ยนจากท่านหญิงมาเป็นสาวใช้ได้อย่างไร ? หากไม่ใช่เพราะเจ้าสามีของข้าจะเสียหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกือบจะสิทธิในกองมรดกได้อย่างไร ? หากไม่ใช่เพราะเจ้าข้าอาจจะได้กลายเป็นนายหญิงคนสำคัญของว่าที่หัวหน้าตระกูลซูที่ควบคุมดูแลทุกอย่างในตระกูลไปแล้ว แล้วดูตอนนี้สิ ข้าทำได้แค่เพียงอยู่ภายใต้การคุ้มครองสามีข้าและดิ้นรนอยู่หน้าประตูแห่งความตายเท่านั้น ! ”

“เจ้ากล่าวว่าเจ้ากำลังดิ้นรนอยู่หน้าประตูสู่ความตาย แต่ไม่รู้มีกี่ตั้งคนที่อิจฉาชีวิตยามนี้ของเจ้า สถานการณ์ของเจ้ามันเหมือนต้องตกอยู่ในนรกจริง ๆ หรือ ? ”

เจ้าจะมาเข้าใจอะไร?” หยานหวู่ชวงเริ่มตะโกนดัง

“เจ้าคิดว่าชีวิตของข้าค่อนข้างดีอย่างนั้นหรือ ? แม้ว่าข้าจะไม่ได้เป็นท่านหญิงอีกแล้ว แต่ข้าก็ยังคงสามารถใช้ชีวิตแบบเดิมต่อไปได้ ? แล้วข้าจะอยู่แบบนี้ต่อไปได้อีกนานแค่ไหนกัน ? สามีนั้นดีกับข้า แต่มันเพราะข้ายังคงสาวและสวยอยู่ก็เท่านั้น ทว่าวันหนึ่งข้าก็ต้องแก่และอ่อนแอลง ! แล้วตอนนั้นข้าจะมีสถานะเป็นอะไร ? ”

ในที่สุดซูเฉินก็เข้าใจ

สถานะคือหลักประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีได้ สำหรับประกันอนาคตของของนาง

แม้ว่านางจะสูญเสียความรักและความสนใจจากสามีไป นางก็จะยังคงมีจุดยืนและอำนาจเป็นของตัวเอง

อย่างเช่นถังหงรุ่ย

นี่เป็นสาเหตุที่หยานหวู่ชวงใช้ความพยายามอย่างมากในการเข้ามาแทนที่ถังหงรุ่ย

ดังนั้นในสายตาของผู้อื่นตัวตนของภรรยาคนที่สี่ก็ไม่ได้มีอะไรมาก แต่ในสายตาของหยานหวู่ชวงนี่เป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับชะตาชีวิตในอนาคตของนาง

ปกติแล้วตราบใดที่หยานหวู่ชวงยังคงได้รับความรักจากซูเฉิงอัน หลังจากนั้นไม่กี่ปีนางก็จะมีโอกาสที่จะกลับคืนสู่ตำแหน่ง

ทว่าการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในยามนี้มันเกินความคาดหมายของนางไปแล้ว

ในระหว่างการประเมินสิ้นปีซูเฉินได้แสดงพลังของตนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามซูเฉิงอันก็ถูกตำหนิอย่างหนักเพราะเรื่องนี้ และแม้แต่กิจการที่เขาดูแลอยู่ก็ถูกริบไปบางส่วน ด้วยเหตุนี้ซูเฉิงอันก็เริ่มเอาความไม่พอใจมาลงกับหยานหวู่ชวงและเริ่มมีปากเสียงกัน จำนวนครั้งที่เขามาเยี่ยมนางก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ในที่สุดหยานหวู่ชวงก็เริ่มตื่นตระหนก

นางเริ่มตระหนักว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นดั่งที่คิด ชะตากรรมที่เลวร้ายก่อตัวเป็นทางลาดชัน ราวกับจะนำนางไปสู่โศกนาฏกรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ

นางเริ่มตกใจและเริ่มหวาดกลัว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางได้ยินข่าวลือบางอย่างเมื่อไม่นานมานี้ มีคนกล่าวว่าซูเฉิงอันได้เริ่มมองผู้หญิงคนใหม่อีกครั้ง คงจะอีกไม่นานที่บ้านลูกชายคนโตของหัวหน้าตระกูลซูจะมีท่านหญิงคนที่ 5

หยานหวู่ชวงตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์

นางไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่แม่นางหยานตระหนักดีว่าวันดี ๆ ของนางอาจจะใกล้จบลงแล้ว

เมื่อคนเราตกอยู่ในความสิ้นหวัง พวกก็เขาก็พร้อมที่จะระเบิดพลังของตัวเองออกมา เพื่อไปให้สูงขึ้นหรือไม่ก็ทำลายทุกอย่างไปพร้อมกับพวกเขา

หยานหวู่ชวงไม่ใช่ซูเฉิน ดังนั้นเมื่อนางรู้ว่าสถานการณ์ของตนไม่สู้ดี นางจึงตัดสินใจที่จะทำเรื่องงี่เง่า

นางโยนความเกลียดชังทั้งหมดไปไว้ที่ซูเฉิน โดยคิดว่าทั้งหมดนี้เกิดเพราะเขาเป็นต้น

นางต้องการแก้แค้น!

และใช่ หยานหวู่ชวงรู้ว่าผลที่ตามมาของการกระทำนี้จะเป็นอย่างไร ซูเฉินจะไม่ยอมนั่งอยู่เฉย ๆ และหลานจื่อไม่มีทางที่จะปิดปากเก็บความลับได้อย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้สูงมากที่หลานจื่อจะกล่าวถึงนาง แต่ถึงกระนั้นหยานหวู่ชวงก็ยังคงลงมือทำมันโดยหวังว่านางจะมีโชคดีมาเข้าข้าง

ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใดเลยอกจากการแก้แค้น การรับเสี่ยงจากการลงทุนด้วยความสิ้นหวัง!

นี่คือผู้หญิง

พูดตรง ๆ นางก็ยังคงเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง

บางทีหยานหวู่ชวงอาจจะมีไหวพริบของตัวเอง แต่นางก็ยังคงขาดปัญญาและไม่รู้ว่าควรจะอดทนอย่างไร นางอาศัยความโชคดีและโชคลาภซะมากเกินไป

ช่วงเวลาที่หยานหวู่ชวงเห็นซูเฉินปรากฏตัวขึ้น โชคที่คอยเป็นที่พึ่งในหัวใจของนางก็แตกสลายไป ในที่สุดแม่นางหยานก็เริ่มเสียใจ และตระหนักได้ว่านางได้ทำสิ่งที่โง่เขลามากลงไปจริง ๆ

ถึงกระนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว

ซูเฉินถอนหายใจและมองไปที่อีกฝ่ายอย่างเย็นชา “หยานหวู่ชวงหากข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะยังทำเช่นนี้อีกหรือไม่ ? ”

ร่างของหยานหวู่ชวงแข็งทื่อ ปากของนางก็เป็นเช่นเดียวกัน

ทันใดนั้นนางก็เริ่มตะโกนเสียงดัง “ใช่ ข้าจะทำเช่นนี้อีกหรือไม่ ? เหตุใดข้าจะไม่ทำเช่นนั้น ? ทั้งหมดมันเป็นเพราะเจ้า ! เพราะเจ้ากับแม่ของเจ้าทำให้ข้าต้องกลายเป็นแบบนี้ ทำให้ข้าต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมี เหตุใดข้าจะไม่พยายามเพื่อแก้แค้น ? พ่อของเจ้าไม่ต้องการเจ้า แต่ลุงสามของเจ้ากลับก็ยังคงดีกับเจ้า มันมีเหตุผลอะไรกัน ? ข้าว่าแท้จริงแล้วลุงกับแม่ของเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ผิดศีลธรรมกันเป็นแน่ ! นี่ไม่ใช่ข่าวลือแต่เป็นความจริง ! ”

เพี้ยะ !

ซูเฉินตบหน้าหยานหวู่ชวงและส่งนางกระเด็นออกไป

ซูเฉินเดินเข้าไปบีบคอของอีกฝ่ายไว้ และกล่าวด้วยเสียงต่ำ “วันนี้ข้าได้เห็นถึงความบ้าคลั่งของชนผู้น้อยแล้ว แน่นอนว่าแม้แต่สุนัขจรจัดก็สามารถกัดคนได้เมื่อมันบ้า ! อย่างไรก็ตามข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ในเมื่อเจ้ากลัวที่จะสูญเสียความรักของพ่อข้าไป งั้นก็ให้ข้าได้ช่วยเจ้าสักหน่อย”

ซูเฉินวางมือลงบนใบหน้าของหยานหวู่ชวง เล็บของเขาเจาะเข้าไปในผิวหน้าและกรีดผ่านหนังของนางจนฉีกออก

“ไม่!” หยานหวู่ชวงกรีดร้องโหยหวนด้วยความสยดสยอง

นิ้วทั้งห้าของซูเฉินได้ทิ้งรอยที่น่ากลัวห้าไว้บนใบหน้าของหยานหวู่ชวง บาดแผลนั้นรุนแรงมากจนเนื้อของนางแทบหลุดออกมา

จากนั้นซูเฉินก็หยิบขวดยาออกจากตัวของเขา

นี่เป็นยาฟื้นฟูคุณภาพต่ำ มันสามารถรักษาแผลได้อย่างรวดเร็วทันทีหลังจากใช้งาน อย่างไรก็ตามมันมีผลข้างเคียงเล็กน้อย นั่นก็คือจะทิ้งรอยแผลเป็นที่ไม่มีทางหายไปเอาไว้

ปากขวดยาจ่อไปที่ใบหน้าของหยานหวู่ชวง

“ไม่ อย่า ! ” หยานหวู่ชวงตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก แต่เมื่อตกภายใต้การควบคุมที่แข็งแกร่งของซูเฉิน แล้วนางจะหลบหนีไปจากการจับกุมของเขาได้อย่างไร ?

“หยุดมือของเจ้าเดี๋ยวนี้ ! ” ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น

เมื่อเงยหน้าขึ้นและมองออกไป ซูเฉินก็เห็นคนผู้หนึ่งที่กำลังก้าวเข้ามา เป็นซูเฉิงอัน

“ปล่อยคนไปซะ ! ” ซูเฉิงอันตะโกนลั่น

“ท่านจะไม่ถามสักหน่อยหรือว่าเหตุใดข้าถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ ? ” ซูเฉินเอียงศีรษะมองพลางถามกลับ

ซูเฉิงอันกล่าวว่า “ข้ารู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ข้าจะจัดการเอง”

“โอ้ ? แล้วท่านพ่อมีแผนจะจัดการอย่างไร?”

ซูเฉิงอันเหลือบมองไปที่หยานหวู่ชวง ส่วนนางก็ร้องเรียกเขาด้วยความโศกเศร้า “สามี ! ”

ไม่มีคำพูดอื่นใด แค่คำว่า “สามี” เพียงครั้งเดียวนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไปกระทบกับสถานที่ที่บอบบางที่สุดในหัวใจของซูเฉิงอันเข้าอย่างไม่ต้องสงสัย

หยานหวู่ชวงเข้าใจในตัวซูเฉิงอันเป็นอย่างยิ่ง นางรู้รู้วิธีสร้างความประทับใจให้คนอย่างซูเฉิงอันดี

ทำไมซูเฉิงอันถึงไม่ชอบซูเฉิน ? มันไม่ใช่เพียงเพราะอีกฝ่ายตาบอด มันไม่ใช่เพียงเพราะเขามีลูกชายอีกคน แต่เป็นเพราะซูเฉินไม่ยอมเชื่อฟังเขา !

การไม่เชื่อฟังของเขา ความดื้อรั้นของเขาและดวงตาที่บอดไปแล้วของเขา ทั้งหมดนี้มันเพียงพอที่จะเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ซูเฉิงอันไม่พอใจและยอมแพ้ในตัวซูเฉิน

แน่นอนว่าซูเฉิงอันไม่คิดว่าความดื้อรั้นของซูเฉินนั้นจะมากจนเกินจำเป็น และเขายิ่งไม่เชื่อเลยว่าการบังคับจากตัวเขาเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ซูเฉินไม่เชื่อฟัง

เขาคิดเพียงแค่ว่าซูเฉินกำลังยั่วยุศักดิ์ศรีของเขา เป็นสาเหตุที่ทำให้ซูเฉิงอันโกรธซูเฉินอยู่เสมอ

ลูกชายตาบอดที่ไม่มีอนาคตกลับตบหน้าตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซูเฉิงอันจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร ?

หยานหวู่ชวงเข้าใจเรื่องนี้ดังนั้นนางจึงไม่ได้อธิบายหรืออ้อนวอนแต่อย่างใด นางจึงทำเพียงจ้องมองไปทางซูเฉิงอันด้วยความรักและโศกเศร้าเท่านั้น

ในขณะที่ซูเฉิงอันมองกลับไปทางหยานหวู่ชวงนั้นเอง หัวใจของเขาก็นึกถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนที่หยานหวู่ชวง

รูปลักษณ์ที่สวยงามของนาง ความพยายามตอบสนองความต้องการของตัวเขาอย่างสุดใจ การพูดและการแสดงออกอย่างเห็นอกเห็นใจ …

แม้ว่าเขาจะไม่พอใจความเอาแต่ใจของหยานหวู่ชวงที่สร้างปัญหาให้เขาอย่างมาก แต่เมื่อซูเฉิงอันมองไปที่นางหัวใจของเขาก็อ่อนยวบ

ซูเฉิงอันไม่สามารถปล่อยให้ซูเฉิน ทำร้ายหยานหวู่ชวงเช่นนี้ได้

ซูเฉิงอันกระแอมในลำคอและกล่าวปิดท้ายว่า “ข้าจะลงโทษนางอย่างหนักสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นจะต้องกังวลไป”

“ลงโทษ ? นั่นหมายความว่าท่านจะไม่ฆ่าหรือขับไล่ออกนางออกไปงั้นหรือ ? หมายความว่าข้าควรจะพอใจกับการที่นางแค่ ‘โดนลงโทษ’ ? ” ซูเฉินจ้องไปที่ซูเฉิงอัน เขาลืมแม้กระทั่งแสร้งทำเป็นตาบอด ดวงตาของซูเฉินทอประกายเดือดดาลด้วยความโกรธเกรี้ยว

ซูเฉิงอันรู้สึกไม่มั่นคงภายใต้การจ้องมองของซูเฉิน เขาพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า “เมื่อข้าจะทำสิ่งใด ข้าจำเป็นจะต้องมานั่งอธิบายให้เจ้าฟังด้วยรึ? วางยาลงซะ! ไม่งั้น……”

“ไม่งั้นจะเป็นเช่นไร?”

“ไม่งั้น……” ซูเฉิงอันเงียบลงไปครู่หนึ่ง และในที่สุดก็พูดว่า “ไม่งั้นข้าจะถือว่าข้าไม่เคยมีลูกชายอย่างเจ้า ! ”

ซูเฉินหยุดพูดตอบกลับ

เขาเฝ้ามองซูเฉิงอัน

ผ่านไปพักใหญ่

เขาก็พูดว่า “ได้ ท่านลุง”

ยาในขวดทุกเขาเทออกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)