ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) นิยาย บท 96

สรุปบท บทที่ 96 ทำลายความสัมพันธ์ (3): ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

ตอน บทที่ 96 ทำลายความสัมพันธ์ (3) จาก ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 96 ทำลายความสัมพันธ์ (3) คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 96 ทำลายความสัมพันธ์ (3)

หลังจากผ่านลานหลักของตระกูลซูแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังศาลาเล็ก ๆ กลางทะเลสาบ

ซูเฉินยืนอยู่ข้างหลังซูฉางเช่อ เขาก้มศีรษะลงและพูดว่า “ท่านหัวหน้าตระกูล”

“อะไร ? เจ้าไม่เต็มใจที่จะเรียกข้าว่าปู่งั้นหรือ?” ซูฉางเช่อกล่าวขึ้นโดยไม่ได้หันกลับมามอง

ซูเฉินเงียบ

ซูฉางเช่อหันไปดูซูเฉิน จากนั้นก็ถอนหายใจและพูดว่า “สุดท้ายข้าก็ประเมินเจ้าต่ำไป และตระกูลซูก็เช่นกัน … ใครจะไปคาดคิดกันว่าดวงตาของเจ้าฟื้นกลับมาแล้ว”

ซูเฉินนิ่งเงียบ

ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ซูฉางเช่อเปลี่ยนทัศนคติของเขา ซูเฉินก็รู้ได้ทันทีว่าซูฉางเช่อมองออกเรื่องที่เข้าแสร้งแสดงแล้ว

ในความเป็นจริงไม่ว่าซูเฉินจะพยายามแกล้งแค่ไหน มันก็ยังมีความแตกต่างระหว่างคนตาบอดกับคนที่มองเห็นได้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสายตา ความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างการมองเห็นกับการมองไม่เห็นอยู่

อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสังเกตเห็นในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนที่เอาใจใส่มักจะค้นพบว่ามีบางสิ่งผิดปกติ

ซูฉางเช่อเป็นคนที่มีประสบการณ์มากมาย

ในฐานะชายชราผู้ก่อตั้งตระกูลซูเพียงลำพัง ในแง่ของวิสัยทัศน์และประสบการณ์เขาถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่าใคร

จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาเป็นคนแรกที่ค้นพบ

ในความเป็นจริง ซูฉางเช่อได้เริ่มสงสัยเกี่ยวกับซูเฉินมาก่อนหน้านี้สักพักแล้ว

เพียงแต่ว่าเรื่องแบบนี้มันเกินสามัญสำนึกเกินไปสักหน่อย ซูฉางเช่อจึงได้แต่สงสัย ทว่าก็ไม่มีทางตรวจสอบได้

จนกระทั่งวันนี้ !

การจ้องมองที่ซูเฉินมอบให้กับซูเฉิงอัน เช่นเดียวกับการสกัดกั้นการโจมตีของซูเฉิงอันได้อย่างแม่นยำ ในขณะที่คนอื่น ๆ อาจคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ทว่าซูฉางเช่อรู้ดีว่ามันไม่ใช่ !

ดวงตาของซูเฉินฟื้นกลับมาแล้ว

“เจ้าบอกข้าได้ไหมว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ” ซูฉางเช่อกล่าวเบา ๆ

“ไม่นานมานี้” ซูเฉินก็ตอบกลับเบา ๆ

“เหตุใดเจ้าถึงไม่อยากบอกเรา ? ”

ซูเฉินครุ่นคิดสักพักและตอบว่า

“ในวันแรกที่ข้าได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง ข้าต้องเจอกับสถานการณ์ที่โชคร้ายมากมาย พี่ชายคนหนึ่งของข้าวางเข็มเหล็กไว้ในรถม้าของข้า นักต้มตุ๋นคู่หนึ่งสมคบคิดกันเพื่อขโมยเงินออกจากศาลาหยกพิสุทธิ์ที่ข้าเป็นผู้ดูแลกิจการอยู่ คนรับใช้ได้รับผลประโยชน์จากการหักหลังเจ้านายของตน …”

“… ขอทานชราผู้นั้นพูดถูก เมื่อข้าได้กลับมามองดูโลกอีกครั้ง ข้าได้ค้นพบหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้คนมองไม่เห็น ทุกคนเชื่อว่าข้าตาบอด คนพวกนั้นจึงแสดงความอัปลักษณ์ต่อหน้าข้าได้อย่างไร้ยางอาย แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้ข้ารู้สึกขยะแขยง แต่มันก็นับเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ข้าได้มองเห็นทะลุถึงจิตใจที่แท้จริงของผู้คน”

ซูฉางเช่อพยักหน้า “นั่นคือเหตุผลที่เจ้าไม่เต็มใจที่จะพูด เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้ประโยชน์ต่อเจ้าแล้วหรือไม่ ? แต่เจ้าเคยคิดไหมว่าที่ทุกอย่างดำเนินมาจนถึงจุดนี้ ก็เพียงเพราะเจ้าไม่ยอมพูดอะไรเลย ? ”

“ท่านกำลังกล่าวถึงโชคร้ายในตระกูลซูที่เกิดขึ้นกับข้า” ซูเฉินหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “นั่นคือสิ่งที่ข้าหวังไว้แต่แรกแล้ว”

“เจ้าว่าอะไรนะ ? ” ซูฉางเช่อตะลึง

ซูเฉินยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ

หนวดอากาศบิดและก่อตัวขึ้นในมือของเขา

ท่าทางมือของซูเฉินเปลี่ยนไป การป้องกันของผู้พิทักษ์แห่งเม็กก็ปรากฏขึ้นรอบกายของเขา

จากนั้นมือของเขาก็ฟันออกไปในอากาศ ก่อนที่จะเสียงฟ้าร้องจะดังก้องขึ้น

ในเมื่อมันเป็นการแลกเปลี่ยน แล้วทำไมเขาไม่ทำให้ชัดเจนกว่านี้ล่ะ

เนื่องจากตระกูลซูมองว่าการเลี้ยงดูลูกชายและลูกสาวเป็นการลงทุน ดังนั้นซูเฉินจึงมองว่าปัญหานี้เป็นปัญหาของการลงทุน

จากนั้นซูเฉินก็ค้นพบว่า เขาไม่ได้วางแผนที่จะให้ผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่กลับคืนแก่ตระกูลซูในอนาคตเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นเลย ดังนั้นซูเฉินจึงต้องการหักล้างหนี้ที่เขาเป็นหนี้ตระกูลซูอยู่ในตอนนี้ไปซะ

แล้วเหตุใดซูเฉินจะต้องไปรับ “การลงทุน” จากตระกูลซูมาเพิ่มอีก ?

ดังนั้นนับตั้งแต่ที่ดวงตาของซูเฉินฟื้นตัวกลับมาและตระกูลซูได้ทำให้เขาผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็เริ่มละทิ้งความต้องการของเขาในตระกูลซูอย่างช้า ๆ

เขาทวงคืนกิจการของแม่กลับคืนมา ทำงานหนักเพื่อหาเงินของตัวเอง ไม่ต้องการทักษะต้นกำเนิดของตระกูลซู และยังส่งมอบของรางวัลจากการประเมินสิ้นปีให้กับกังเหยียนไปแทน หากไม่ใช่เพราะซูเฉินไม่ต้องการฉีกความสัมพันธ์อย่างเปิดเผย เพราะกลัวว่ามันจะดูน่าเกลียดเกินไป เขาก็คงจะโยนสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดทิ้งไปนานแล้ว

ซูเฉินเลิกคิดว่าตัวเองเป็นสมาชิกของตระกูลซูมาสักพักแล้ว

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น … ” ซูฉางเช่อยิ้มอย่างขมขื่น

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น … ” ซูฉางเช่อยิ้มอย่างขมขื่น “จนท้ายที่สุด ข้าก็ยังคงประเมินเจ้าต่ำเกินไป แต่เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่า แม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเจ้าจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลซูเลย แต่เจ้าก็ยังใช้เวลาเติบโตภายใต้ร่มเงาของตระกูลซูมาเป็นเวลาหลายปี”

“หินพลังต้นกำเนิดระดับต่ำ 5,760 ก้อน” ซูเฉินพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

“อะไรนะ?” ซูฉางเช่อไม่เข้าใจ

ซูเฉินตอบว่า

“ในช่วง 16 ปีที่ข้าเติบโตมาในตระกูลซู เสื้อผ้าและอาหารรวมถึงเบี้ยเลี้ยง 10 ตำลึงทองต่อเดือน รวมแล้ว 16 ปีก็เท่ากับ 1,922 ตำลึง, กล่าวอีกนัยหนึ่งเงินของตระกูลที่ข้าใช้ไปใน 16 ปีที่ผ่านมาคงไม่เกินจำนวนนั้น แน่นอนว่าสำหรับธุรกิจมันก็จำเป็นจะต้องคำนวณดอกเบี้ยด้วย ดังนั้นข้าจึงเพิ่มมูลค่าให้เป็น 3 เท่า รวมเป็นหินพลังต้นกำเนิดระดับต่ำ 5,760 ก้อน, นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรการบ่มเพาะที่ต้องพิจารณาเพิ่ม หลายปีที่ผ่านมาข้าได้ใช้แก่นวิญญาณไม้เขียวไป 5 ขวด ราคาขายของมันตกอยู่ที่ขวดล่ะ 1,200 หินพลังต้นกำเนิด ข้าจึงตั้งราคาไว้ที่ 2,000 ดังนั้นรวมแล้วทั้งหมดจึงเท่ากับ 10,000 หินพลังต้นกำเนิด ทรัพยากรอื่น ๆ ที่ข้าใช้คิดรวม ๆ แล้วก็นับเป็นอีก 10,000 ก้อน, รวมเบ็ดเสร็จทั้งหมดแล้วก็เท่ากับหินพลังต้นกำเนิดระดับต่ำจำนวน 25,760 ก้อน โดยพื้นฐานแล้วนี้คือการคืนหนี้ที่ตระกูลซูจ่ายให้ข้าในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา”

ขณะที่ซูเฉินพูดเขาหยิบหินกำเนิดระดับกลาง 300 ก้อนออกมาและโยนมันลงบนโต๊ะหินในศาลา

“เก็บเงินทอนไว้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)