โจวยวนสะดุ้งเล็กน้อย ผู้สนับสนุนคนเดียวในซีเฉียนของนางคือเฉียนจวิ้น
หากเฉียนจวิ้นละทิ้งนาง จากความสามารถของนางจะเฉิดฉายในการวัดผลได้อย่างไร
“ฝ่าบาทไม่ต้องการยวนเอ๋อร์แล้วหรือเพคะ” โจวยวนบีบน้ำตาและมองเขาอย่างน่าสงสาร
เฉียนจวิ้นยื่นมือออกมา และบีบแก้มนุ่มนิ่มของนางหนึ่งที ดวงตามีความคลุมเครือเล็กน้อย “ยวนเอ๋อร์อย่าคิดมาก แค่ให้ความเอ็นดูเจ้ายังไม่พอเลยด้วยซ้ำ เหตุใดข้าจะไม่ต้องการเจ้าแล้วเล่า ข้าแค่จะเปลี่ยนคู่หูเท่านั้น เจ้าดูสิ คนรอบๆ ตัวเจียงหลี แม้แต่อาจารย์ ในสำนักยังคิดว่าวรยุทธ์นางสูงเกินไปเลย หากข้าไม่ไปขอความช่วยเหลือ คราวนี้เจียงหลีก็ได้หน้าแล้วน่ะสิ”
“แต่…แต่ถ้าท่านเป็นคู่หูกับคนอื่น เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไร” โจวยวนถามอย่างกระวนกระวาย
เฉียนจวิ้นหัวเราะ “ไม่ต้องกังวล ยวนเอ๋อร์ ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไปไหน ในเมื่อข้าต้องการเปลี่ยนคู่หู ข้าย่อมต้องเตรียมผู้แข็งแกร่งไว้ให้เจ้าอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเรายังสามารถจูงมือเข้าสู่สถานที่แห่งการวัดผลด้วยกันได้”
เมื่อได้ยินเพียงเท่านี้ ความประหม่าของโจวยวนก็ผ่อนคลายลงในที่สุด “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ทำแผนการของฝ่าบาทได้เลยเพคะ”
“เป็นเด็กดีนะ! ” เฉียนจวิ้นก้มศีรษะลง พ่นลมหายใจร้อนไปที่ใบหูของนางและพูดด้วยเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “ท่าทางว่าง่ายของเจ้าช่างน่าดึงดูดเหลือเกิน ทำให้ข้าอยากจะกลืนกินเจ้าในคำเดียว”
คำพูดที่คลุมเครือที่มีนัยแฝงเหล่านี้ ทำให้แก้มของโจวยวนแดงก่ำ พูดด้วยน้ำเสียงแกล้งโมโห “ฝ่าบาททท! ”
เฉียนจวิ้นมองไปที่ตำแหน่งที่ตระหง่านของนางอย่างกระหาย แอบถอนหายใจว่ายังไม่ใช่เวลา หากเปลี่ยนเวลาและสถานที่ เขาจะต้องกลืนคนงามอันโอชะนี้ลงท้องไปอย่างแน่นอน เมื่อสงบใจได้แล้ว เฉียนจวิ้นก็ได้กระจายข่าวของยอดฝีมือออกไป
อีกฟากหนึ่ง ผู้อำนวยการสอบยังคงไร้ความคืบหน้า
“สถาบันเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์เอาไว้ ตอนนี้จะกลับคำหรือ หากคำพูดเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไป เกรงว่ามันจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของสถาบันเอาได้” เจียงหลีหัวเราะเย็นเยือก
ดวงตาของผู้อำนวยการสอบเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง
ในความเป็นจริง ให้เขาพูดคำกลับไปกลอกมาเช่นนี้ ตัวเขาเองก็อับอายจนร้อนไปทั้งหน้า
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าปัจจัยผันแปรของการวัดผลครั้งนี้อยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ เขาจึงต้องกัดฟัดและพูดออกไป
“นั่นน่ะสิ! ตอนที่พวกเราไปประท้วง สถาบันก็พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ เหตุใดตอนนี้กลับมาคืนคำได้เล่า”
“ถูกต้อง! หรือว่า แค่ยอมให้พวกชนชั้นสูงนำยอดฝีมือเข้ามาได้ พวกเราลูกสามัญชน ต้องยอมรับโชคชะตาใช่ไหม”
“สถาบันไป๋หยวนมีชื่อเสียงในเรื่องความยุติธรรมและตรงไปตรงมา หรือวันนี้ต้องการทำลายเอกลักษณ์นั้นไปหรือ”
“…”
ในวงแห่งการสอบวัดผล ลูกศิษย์ที่ไปประท้วงเหล่านั้น ตลอดจนลูกศิษย์ที่ไม่ใช่ยอดฝีมือก็มาช่วยถือโอกาสเข้าร่วมการซักถามเช่นกัน
ในเมื่อสถาบันไป๋หยวนเคยพูดเอาไว้อย่างทระนงเช่นนั้น ณ ตอนนี้เหตุใดถึงได้กลืนน้ำลายตัวเองได้
พวกเขาไม่ได้พยายามช่วยเจียงหลี พวกเขาแค่ไม่พอใจกับกฎการสอบวัดผลของสถาบัน ซึ่งทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ตั้งแต่การหาคู่หูในตอนแรกแล้ว
“เจ้ารอก่อน” เสียงคัดค้านดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้อำนวยการสอบมิอาจต้านทานได้
เขากล่าวประโยคนี้กับเจียงหลี ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าจะเข้าพบเจ้าสำนักและเหล่าคนใหญ่คนโตเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการรับมือ
เวลาในการสอบวัดผลถูกทำให้ล่าช้า ซึ่งทำให้เฉียนจวิ้นมีเวลามากพอ
ไม่นาน ผู้อำนวยการสอบก็กลับมา นอกจากเจ้าสำนักของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนแล้ว เฟิงสิงอวิ๋นผู้เป็นแขกของสถาบันจากต่างเดินออกมากับเขาด้วยเช่นกัน

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์