ริมฝีปากที่ยกขึ้นเบาๆ ดั่งดอกไม้ที่สวยงามทั้งใสซื่อและน่ารักทำให้อดประทับรอยจูบลงไปมิได้
การเข้าใกล้ของนางนั้นกล้าหาญและบ้าบิ่นมาโดยตลอด
แต่ทว่า ลู่เจี้ยที่เป็นถึงมหาเทพตี้จวินกลับไม่รู้จะทำอย่างไร หากเขาเริ่มแสดงว่าเขายอมรับในความหลงใหลนี้แล้วใช่หรือไม่ แต่ถ้าหากปฏิเสธ
สมควรตาย!
ทั้งยั่วยวนและทำให้ผู้อื่นทิ้งไม่ลงเช่นนี้ เขาจะปฏิเสธได้เยี่ยงไรกัน
มือของมหาเทพตี้จวินค่อยๆ ยกขึ้น อยากสัมผัสที่ริมฝีปากของนาง แต่ขณะที่มือของเขากำลังจะแตะโดนแล้วนั้นเขาก็ดึงมือกลับเหมือนราวกับถูกกระแสไฟเล่นงาน
“เจ้าชักจะเอาใหญ่แล้วนะ” หลังจากดิ้นรนอยู่นาน เขาก็ควบคุมความต้องการเช่นนั้นได้
หลังจากนั้นในขณะที่เขาเตรียมจะลาจากไป ทันใดนั้นข้อมือของเขาก็ถูกหญิงสาวจับไว้
กลิ่นหอมยวนใจที่กระทบปลายจมูกของเขา ช่างน่าจดจำและไม่เหมือนใคร ทันใดนั้นเองริมฝีปากอันมีเสน่ห์ของนางก็จูบลงบนริมฝีปากของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
“อือ…”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของทั้งสองในการทำเรื่องเช่นนี้ แต่เขายังคงไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนทุกครั้ง ข้าควรฆ่านางทิ้งซะ! เหมือนกับหญิงอื่นที่ต้องการยั่วยวนข้าเข้าใกล้ข้า ฆ่านางทิ้งไม่ให้เหลือแม้แต่วิญญาณ
จิตสังหารนั้นวนเวียนอยู่ในใจแต่กลับไม่มีเจตนาฆ่าเลยแม้แต่น้อย
ทั้งยังไม่สามารถผลักหญิงสาวผู้นี้ออกได้เลยด้วยซ้ำ
ให้ตายสิ!
ทันใดนั้นมหาเทพก็เบิกตากว้าง
หญิงสาวผู้นี้ช่างกล้านัก ลวนลามเขาไม่พอ ทั้งยังจะเปิดริมฝีปากของเขาออกอีก
หลังจากที่รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มกำลังกัดฟันแน่นและไม่สามารถสอดลิ้นไปได้ เจียงหลีก็พึมพำอย่างโมโห “ท่านผ่อนคลายหน่อยได้หรือไม่ ท่านก็รู้ ข้าต้องออกไปสู้รบ การรบนั้นต้องเดิมพันด้วยความเป็นความตาย นี่อาจเป็นจูบครั้งสุดท้ายก็ได้นะ”
หึๆ!
ใครบางคนแอบหัวเราะในใจและคิดเจ้าเล่ห์ในใจอย่างโอหัง มีข้าคอยมองอยู่ ต่อให้เจ้าอยากตายก็ตายไม่ได้หรอก
แต่ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นข้ออ้างสำหรับการลักกินเต้าหู้ของนาง เขาก็ยังสมยอม จนหญิงสาวพอใจ อ้อ แล้วหลังจากที่พอใจจนยอมแพ้ไป ริมฝีปากของเขายังคงเหลือกลิ่นหอมยวนใจของนางไว้ “พอใจเจ้าหรือยัง”
คำพูดประชดนี้ไม่ได้ทำให้เจียงหลีรู้สึกกระดากอายเลยสักนิด แต่กลับแสดงสีหน้าเกียจคร้านและมีเสน่ห์ออกมา นางม้วนเส้นผมของนางอย่างยั่วยวนแล้วพูดกับชายหนุ่มว่า “การยั่วยวนที่ดี นั่นก็คือการตอบสนองช้า”
“…”
ตอบ! สนอง! ช้า!
สีหน้าอันหล่อเหลาของมหาเทพเปลี่ยนอย่างกะทันกัน นัยน์ตาฉายแววสังหาร เพราะเหตุใดกัน เขาถึงมีความรู้สึกอยากจะบีบหญิงคนนี้ให้ตายคามือไปเลย
“อ๊ะ! ต้องไปทำสงครามแล้ว สองสามวันนี้ข้าต้องสนุกกับมันสักหน่อยล่ะ!” เจียงหลีเมินสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา บิดขี้เกียจไปหนึ่งทีจากนั้นก็หันตัวกลับพระราชวังไป
ในพระราชวังของเมืองทะเลที่อยู่ห่างออกไปไกลแสนไกล เสิ่นอวี่และอวี้ฉีกำลังเผชิญหน้ากับกระจกเงินด้วยสีหน้าแปลกประหลาดและเขินอาย
อวี้ฉีส่ายหัวอย่างโมโห “มหาเทพผู้สูงส่ง กลับถูกหญิงสาวตัวน้อยๆ แต๊ะอั๋งได้อย่างง่ายดาย! มากเกินไปแล้ว! มากเกินไปจริงๆ!”
“ตี้จวินได้ตกอยู่ในมือของหญิงสาวคนนี้แล้วสินะ! ไม่ได้การแล้ว! ไม่ได้การแล้ว!” เสิ่นอวี่ก็พูดอย่างกังวลใจเช่นกัน
ในกระจกเงินนี้ ปรากฏฉากในพระราชวังของราชวงศ์จยาเซียน
ในฉากนั้น เงาของเจียงหลีออกจากฉากแล้ว เหลือเพียงชายหนุ่มที่หล่อเหลาราวกับอสูรกำลังยืนอยู่ที่เดิม


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์