เจียงหลีด่าอย่างลับๆ ในใจ เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้ใช้โอกาสนี้ในการตอบโต้!
เมื่อครั้งก่อนที่แลกเปลี่ยนกับเขา นางจงใจพูดเพียงครึ่งเดียว
คาดไม่ถึงว่าชายผู้นี้ กำลังขุดหลุมรอนางอยู่ที่นี่
เจียงหลีเงียบและลอบถอนหายใจ
หากเป็นมู่ชิงเกอ เกรงว่าจะหันศีรษะและเดินจากไป ฮึ่ม ไม่ให้ข้า ข้าก็ไม่สนใจ! แต่นางไม่ใช่มู่ชิงเกอ!
ดวงตาของเจียงหลีกลอกไปมา คำพูดของลู่จ้านก็ชัดเจนมากแล้ว
วิญญาณยุทธ์ชั้นยอดนั้น โดยทั่วไปจะอยู่ในมือของเหล่าราชวงศ์ เป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาที่จะพบกับวิญญาณยุทธ์ที่คุณภาพสูง และที่เรียกว่าอาณาเขตหลิงอู่ เป็นโลกวิญญาณยุทธ์ นางเข้าไปตอนนี้ ไม่ใช่การเอาเนื้อเข้าปากเสือหรอกหรือ
ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร
สิ่งที่ควบคุมไม่ได้ที่สุดก็คือ ลู่เจี้ยชายผู้นี้ถือครองวิญญาณยุทธ์ชั้นยอดอยู่ในมือ โอกาสดีที่จะได้ครองวิญญาณยุทธ์เช่นนี้ นางจะพลาดได้อย่างไรล่ะ
อย่างไรก็ตาม หากเพียงเท่านี้ก็ยอมแพ้ ภายในใจของนางก็รู้สึกอึดอัด
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เจียงหลีก็มีแผนในใจ นางยิ้มเหมือนดั่งดอกไม้แล้วพูดกับลู่เจี้ย “ขณะนี้ข้าไม่มีอะไรติดตัวมาด้วยเลย เมื่อท่านต้องการแลกเปลี่ยน ถ้าเช่นนั้น…ขอใช้ตัวข้าเป็นการแลกเปลี่ยน”
รอยยิ้มของลู่เจี้ยไม่เปลี่ยนแปลง และดูเหมือนเขาจะไม่สนใจคำพูดที่แผ่วเบาของนาง “เห็นทีไม่จำเป็นต้องใช้ตัวเจ้าเองเป็นการแลกเปลี่ยน ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีเรื่องราวที่ยังไม่ได้เล่า วันนี้ข้าก็สนใจและอยากจะฟัง”
แท้จริงยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของข้าเอง
เจียงหลีหัวเราะอย่างเยือกเย็นในใจ
“ท่านอยากรู้เกี่ยวกับตัวข้าเหรอ” เจียงหลีถามด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าที่อ่อนเยาว์และอ่อนโยน ซึ่งการแสดงออกของนางในขณะนี้ ดูไม่เข้ากันโดยสิ้นเชิง และเหมือนว่ามีความรู้สึกอึดอัด
แต่ว่าในความอึดอัดนี้ มันกลับทำให้รู้สึกยอดเยี่ยมและตื่นตาจนคนดูไม่กล้าจ้องมองตรงๆ
ลู่เจี้ยหรี่ตาลงเล็กน้อยโดยมุ่งความสนใจไปที่หญิงสาวที่กำลังต่อรองกับเขา “ตลอดที่ผ่านมาข้าเป็นคนที่ชอบฟังนิทาน”
เพียงประโยคเดียว ได้อธิบายถึงความมุ่งมั่นของเขา
เจียงหลีขมวกคิ้วและยกชายกระโปรงขึ้นแล้วนั่งขัดสมาดลงบนพื้น เงยหน้าขึ้นมองคางเล็กแหลมของเขา “ตกลง ท่านอยากรู้ข้าก็จะบอกแก่ท่าน แต่ทว่าเรื่องนี้ยาวและเมื่อเล่าแล้วจะเสียเวลาหน่อยนะ เพื่อไม่ให้กระทบกับการหลอมรวมวิญญาณยุทธ์ ข้าจะเล่าเพียงหนึ่งในสามของเรื่องราวก่อน”
“นิทานหนึ่งเรื่อง สามารถแบ่งเล่าเป็นสามครั้งเชียวหรือ” ลู่เจี้ยพูดด้วยรอยยิ้ม
เจียงหลีกล่าวอย่างถากถาง “ตอนนี้ข้ายากจนมาก ดังนั้นจึงต้องเก็บของที่มีค่าไว้บ้าง เผื่อว่านายน้อยต้องการจะแลกเปลี่ยนบางอย่างกับข้าในครั้งต่อไป ข้าจะได้มีของเพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อเสนอ”
ลู่เจี้ยหัวเราะเบาๆ โดยไม่รู้ตัว “เล่าครึ่งหนึ่ง”
“ได้” คราวนี้เจียงหลีกตอบอย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็เริ่มเล่าให้ลู่เจี้ยฟังเกี่ยวกับชีวิตในภพชาติที่แล้วของตน
นางเล่าได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ตนเกิดมา การกินและดื่ม ได้พูดทุกอย่างแล้ว
นี่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ แต่ลู่เจี้ยกลับฟังอย่างมีอรรถรสและยังถามคำถามเป็นครั้งคราว

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์