เย่ว์หนานซีตาเบิกโพลง มองกรงเล็บที่แหลมคมพุ่งเข้าหาตัวเอง เขามองเจียงหลี รู้สึกได้ถึงความเย็นชาในดวงตาที่สดใสของนางอย่างชัดเจน แล้วยังมีความเหยียดหยามอยู่ด้วย
ราวกับว่านางเพียงใช้สายตาแบบนี้ก็สามารถบอกให้คนอื่นรู้ว่านาง เจียงหลีคือผู้เก่งกาจที่แท้จริง ส่วนเย่ว์หนานซีเทียบนางไม่ได้เลย!
ยังมีวิญญาณยุทธ์ของนางอีก
“วิญญาณยุทธ์เลี่ยเทียนซื่อ!” หนานอู๋เฮิ่นพูดเสียงทุ้มด้วยแววตาเป็นประกายอย่างดีใจ
การปรากฏของวิญญาณยุทธ์เลี่ยเทียนซื่อ ทำให้พวกเขาทั้งสามคนเคร่งขรึมขึ้นมา เดินไปข้างหนานอู๋เฮิ่นแล้วตั้งใจดูการประลองบนเวที
นี่มันคือพลังอะไรกัน ทำไมถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้! ความตะลึงในแววตาของเย่ว์หนานซียิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขารับรู้ได้ถึงทักษะการต่อสู้โดยกำเนิดของเจียงหลี ทำให้ทักษะการต่อสู้โดยกำเนิดของตัวเองด้อยลงทันที
ตูมมม
กรงเล็บที่รวมเป็นหนึ่งกับมือที่เรียวเล็กของเจียงหลี เย่ว์หนานซีเห็นมันพุ่งไปที่หน้าอกของเขาด้วยอย่างช้าๆ ชัดๆ
ถึงแม้ว่าจะช้าเพียงใด แต่เย่ว์หนานซีกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่มีทางหลบได้ ทำได้เพียงมองกรงเล็บที่แหลมคมนั้นเข้ามาโจมตีที่หน้าอกของตน
แคว่กๆๆ
ตรงหน้าอกของเสื้อเย่ว์หนานซีถูกข่วนจนขาด ตำแหน่งของกระดูกหน้าอกเว้าลึกลง เลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากเสื้อ
เขากระเด็นเหาะไป กระอักเลือดแล้วร่วงลงมาที่พื้น
เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ข้าเป็นหลิงซื่อระดับหก ไม่มีทางที่จะไม่มีกำลังตอบโต้นาง! ข้าก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ทักษะการต่อสู้โดยกำเนิดแล้วนี่! เย่ว์หนานซีที่เหาะลอยไปตาเบิกโพลง ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง ทำให้เขาเริ่มโกรธขึ้นมา
วันนี้เขามาเพื่อลบล้างความอับอาย ไม่ใช่มาเพื่อให้เจียงหลีเหยียดหยามเขาอีก! ฆ่านาง! ฆ่านาง! ต้องฆ่านางให้ได้!
“หลิงซื่อระดับหกงั้นหรือ เหอะ” น้ำเสียงเจียงหลีเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย เข้าหูของเย่ว์หนานซี
คำสั้นๆ เพียงเจ็ดคำ เหมือนกับกำลังทำลายสติปัญญาที่เหลืออยู่ของเขา
เขาอยู่บนเวทีการประลอง ถูกเจียงหลีโจมตีอย่างต่อเนื่องจนถอยหลัง เย่ว์หนานซีคล้ายจะได้ยินเสียงกระซิบคุยกันจากด้านล่างเวที สายตาที่คนเหล่านั้นมองตน เป็นสายตาที่เหยียดหยาม
นี่คือการประลองชิงเจียว ควรเป็นเวลาที่สร้างชื่อเสียงให้เขาถึงจะถูก
พังแล้ว! ทุกอย่างพังหมดแล้ว!
ถูกเจียงหลีทำพังหมดแล้ว!
“นี่คือการแก้แค้นที่เจ้าทำร้ายข้าในวันนั้น เจ้ายอมหรือยัง!” ทันใดนั้น เจียงหลีก็พูดอีก
การตัดสินที่ได้เปรียบเช่นนั้น ท่าทางราวกับเป็นราชินีผู้โอหัง ทำให้ผู้คนด้านล่างเวทีตกตะลึง
คาดไม่ถึงว่าสาวใช้ตัวน้อยๆ จะมีพลังมากขนาดนี้ แท้จริงแล้วนางเป็นใครกัน ตระกูลลู่เก่งกาจถึงขั้นสามารถฝึกฝนสาวใช้คนหนึ่งให้ประสบความสำเร็จได้เช่นนี้เชียวหรือ
“ท่านแม่!” เจียงอวี๋จับแขนแม่ด้วยความกังวล มือไม้สั่น
“ไม่ต้องกลัว นางโชคดีแค่ตอนนี้แหละ นางไม่มีทางชนะหรอก ไม่มีทาง” นางเหอซื่อสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เหมือนกับกำลังปลอบใจลูกสาว และเหมือนปลอบใจตัวเองด้วย
จากที่ไกลๆ ท่ามกลางคนตระกูลเย่ว์ รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่ว์ชิงหลิวหายไป เขามองไปที่เวทีการประลอง แววตาลุกเป็นไฟ ถ้ากฎกติกาอนุญาตล่ะก็ เขาแทบจะอยากลงสนามไปสู้แทนลูกชาย เพื่อล้างความอับอายให้ตระกูลเย่ว์
“นายท่าน”
คนตระกูลเย่ว์คนอื่นอยู่ไม่เป็นสุขอีกครั้ง ความมั่นใจไม่ได้มั่นคงเหมือนเดิมอีกแล้ว
“ดูไปก่อน” เย่ว์ชิงหลิวซ่อนมือที่กำหมัดแน่นและมีพลังที่แผ่วเบาไว้ในแขนเสื้อ เหมือนดั่งอสรพิษที่พร้อมจู่โจมตลอดเวลา
เย่ว์หนานซีมือหนึ่งปิดบาดแผลที่หน้าอก อีกมือหนึ่งดันพื้นแล้วลุกขึ้นยืน หน้าซีดเซียว มุมปากยังคงมีรอยเลือดเหลืออยู่ พลังของเขาทรุดลง ราวกับจะสลายไปได้ทุกเวลา
สายตาของเขาดั่งมีดอันแหลมคม มองเจียงหลีด้วยสีหน้าโหดเ**้ยมอำมหิต ความเคียดแค้นปรากฏขึ้น “คนอย่างเจ้าน่ะหรือ กล้ามาสั่งสอนข้า”
เจียงหลียิ้ม “ความสามารถของเจ้า กลับไม่เก่งกาจเหมือนปากของเจ้า”
“ไม่เจียมตัว!” เย่ว์หนานซีตะโกนเสียงดัง
ความรู้สึกอับอายที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เขาใช้พลังอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่วิญญาณยุทธ์ของเขาก็ได้รับผลกระทบจากอารมณ์ของเขาจนบ้าคลั่งขึ้นมา
โกรธเถอะ โกรธเข้าไป มีเพียงความโกรธ ถึงทำให้คนขาดสติได้ มองดูเหยื่อที่ติดกับของตนค่อยๆ เดินเข้ามา รอยยิ้มที่คลุมเครือปรากฏขึ้นที่มุมปากของเจียงหลี
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์