ซูผิงมองไปที่ผู้พูด
ชายชราที่นั่งอยู่ข้างๆ เขามีผมและคิ้วสีแดง เขาเอนตัวพิงกับน้ำเต้าไวน์ยักษ์ที่สูงสามเมตร เขากำลังมองซูผิงด้วยรอยยิ้มขณะถือขวดไวน์สีม่วงขวดหนึ่ง ดูเหมือนคนเมา
เมื่อสัมผัสได้ถึงทัศนคติที่ไม่มุ่งร้ายของเขา ซูผิงจึงพยักหน้าเล็กน้อย “ผมเอง ผู้อาวุโส คุณเป็นแขกของตระกูลโหลวหลานเหมือนกันหรอ?”
“ฉันได้ยินมานานแล้วว่ามีอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้เกิดขึ้นในการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งย่อโลกใบเล็กได้ตั้งแต่อยู่สภาวะชะตากรรม อนาคตของเธอไม่มีอะไรน่าห่วงเลย!”
ชายชราหัวเราะคิกคักและพูดต่อ “ฉันไม่คิดว่าเธอจะได้รับเชิญจากตระกูลโหลวหลาน พวกเขาต้องจ่ายราคาที่สูงมากเธอถึงมาอยู่ที่นี่ เธอเรียกฉันว่าผู้อาวุโส ดังนั้นฉันจะให้ไวน์แก้วหนึ่งแก่เธอเพื่อแสดงความเคารพ มาเถอะ”
เขาเทไวน์จากน้ำเต้าใบใหญ่ลงในแก้วใบใหญ่ แล้วดื่มอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าเขาดื่มไวน์จนหมด ซูผิงก็ทำได้เพียงยิ้มกับแก้วไวน์ของตัวเอง “คุณเป็นยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาว เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเรียกคุณว่าผู้อาวุโส”
”คุณซู เธอใจดีเกินไป ถ้าเธอไม่รังเกียจ เรียกฉันว่าพี่จิ่วก็ได้”
ชายชราไม่ได้หยิ่งเหมือนสภาวะเทพดวงดาวทั่วไป เขาพูดอย่างไม่เป็นทางการว่า “เธอจะมาถึงระดับของเราอีกไม่นาน เมื่อพิจารณาถึงความสามารถและศักยภาพของเธอ บางทีฉันอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากเธอเสียด้วยซ้ำ”
“คุณใจดีเกินไปครับ ผมจะเป็นคนหนึ่งที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ” ซูผิงตอบปัด ชายชราหรี่ตาราวกับว่ากำลังสังเกตซูผิงอย่างระมัดระวัง “คุณซู เห็นได้ชัดว่าเธอยังเด็กมาก เส้นทางการบ่มเพาะนั้นยาวนานและน่าเบื่อ แต่โลกนี้ก็ยังสวยงามและน่าสนใจ เธอสนใจที่จะสนุกกับมันไหม?”
”โอ้?”
“ฉันมีรุ่นน้องที่สวยมากๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สวยที่สุดในกาแล็กซี่ของเรา ฉันสามารถพาเธอมารู้จักเธอได้ ถ้าเธอสนใจ” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซูผิงมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง และก็ตระหนักได้ทันทีว่าชายชราพยายามจะจับคู่
“ผู้อาวุโส ผู้หญิงส่งผลต่อการฝึกของผม ผมจะไม่ยุ่งเรื่องนั้นจนกว่าผมจะไปถึงสภาวะเทพดวงดาว”ซูผิงกล่าวปฏิเสธอย่างชัดเจน
ชายชราถอนหายใจ “เธอจะรู้สึกกับผู้หญิงแตกต่างเมื่อไปถึงสภาวะเทพดวงดาว เธอจะไม่สามารถสนุกกับมันได้ในตอนนั้น เธอจะมองทะลุหน้ากากของทุกคนหลังจากที่เธอรวมตราเทพของเธอแล้ว และหัวใจของเธอจะสงบนิ่งราวกับน้ำนิ่ง แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตื่นเต้นกับใครก็ตาม”
ซูผิงตะลึงกับคำพูดนี้ จากนั้นเขาก็ถามด้วยท่าทางแปลก ๆ “ผู้อาวุโส คุณกำลังพูดว่าผู้ชายจะมีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศเมื่อพวกเขาเข้าไปในสภาวะเทพดวงดาวอย่างงั้นหรอ?”
พนักงานเสิร์ฟสาวสวยที่รับใช้พวกเขากระพริบตาปริบๆทันทีที่ได้ยิน โดยรู้สึกว่าเพิ่งได้ยินความลับที่น่าตกใจ ข่าวด่วน! ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวทั้งหมด…
”แค่ก!”
ชายชราเกือบสำลัก เขามองไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นสายตาแปลกประหลาดของพนักงานสาว เขาพูดว่า “ไม่ใช่อย่างงั้นแน่นอน สิ่งที่ฉันพูดคือบางสิ่งจะรู้สึกแตกต่างเมื่อเธอไปถึงระดับที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันของเธอ”
“มันเหมือนกับช่วงเวลาที่เธออ่อนแอมาก เธอยังคงรู้สึกถึงความร้อนของดวงอาทิตย์แต่แล้วความรู้สึกนั้นก็ไม่มีอีกพอเธอแข็งแกร่งขึ้น เธออาจคิดว่ามันดีที่เธอไม่รู้สึกถึงความร้อนวูบวาบ”
“ยิ่งเธอแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เธอจะยิ่งสูญเสียมากเท่านั้น เธอจะสูญเสียความรู้สึกและอารมณ์มากมาย”
มีภาวะเศร้าและเสียใจในสายตาของชายชราเมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้ “ความแข็งแกร่งนั้นได้มาจากการแลกของมีค่ามากมาย เธอจะไม่สามารถรู้สึกอะไรมากนักเมื่อเธอแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้น… เธอควรแต่งงานตั้งแต่ยังเด็กหรืออย่างน้อยก็พยายามทำให้ตัวเองมีความสุข เมื่อเธออไปถึงสภาวะเทพดวงดาวแล้ว เธอจะสามารถเพลิดเพลินไปกับไวน์และการรำลึกถึงอดีตเท่านั้น”
ซูผิงเข้าใจ เขาคิดว่าเขาได้สูญเสียบางสิ่งไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนของเขา
ว่ากันว่ายอดฝีมือทุกคนล้วนโดดเดี่ยว
บางทีความเหงาไม่ได้เกี่ยวกับการขาดเพื่อน แต่เป็นการสูญเสียความรู้สึกคุ้นเคยในอดีต
หลังจากครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ซูผิงถามว่า “ผู้อาวุโส เราจะทุกข์ทรมานจากการที่สมรรถภาพทางเพศลดลงเมื่อเราไปถึงสภาวะเทพดวงดาวจริงไหม?”
“ฮะ!”
ชายชราทำไวน์หกและจ้องมองซูผิง “เธอกำลังพูดเรื่องอะไร? จะเป็นไปได้ยังไง? แม้แต่พวกสภาวะสมุทรก็สามารถจัดการปัญหาทางกายภาพเล็กน้อยเช่นนี้ได้ เธอคิดว่านั่นจะเป็นปัญหาสำหรับสภาวะเทพดวงดาวได้ยังไง”
“ถ้างั้นก็ไม่ใช่ปัญหา เรื่องนั้นไว้เป็นเรื่องของอนาคต ผมต้องอุทิศตัวเองเพื่อการบ่มเพาะในตอนนี้” ซูผิงตอบอย่างรวดเร็ว
ชายชรานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วโบกมือ ฉายภาพสาวผมแดงที่น่าดึงดูดใจ ชายชราว่า “เธอว่าไง?ไม่ชอบจริงเหรอ?” ซูผิงเหลือบมองและส่ายหัว “ขอบคุณสำหรับความกรุณาของคุณ แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจใครจริงๆ”
ซูผิงเคยเห็นทั้งโจแอนนาและท่านหญิงเขียว ซึ่งทั้งคู่ต่างก็สวยงามมาก เขายังได้เห็นเจ้าหญิงท่ามกลางเหล่าเทพในสนามบ่มเพาะ และราชินีเซียนในหลัวฟู พวกเธอทุกคนมีเสน่ห์และน่ารัก โดยพื้นฐานแล้ว มันทำให้เขามีภูมิคุ้มกันต่อสาวงาม
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ถูกยั่วยวน ชายชราทำได้เพียงขมวดคิ้วและถอนหายใจ จากนั้นเขาก็คิดถึงซูผิงมากขึ้น เนื่องจากเขาสามารถจัดการกับความเย้ายวนใจของผู้หญิงได้ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าอะไรจะหยุดเขาไม่ให้เติบโตได้
”ช่างเถอะ การอุทิศตนเพื่อการบ่มเพาะไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ฉันขอแสดงความยินดีกับเธอล่วงหน้าสำหรับการไปถึงสภาวะเทพดวงดาวก่อนเลยแล้วกัน” ชายชราส่ายหัวแล้วดื่มอีกแก้ว ซูผิงดื่มอีกแก้วร่วมกับชายชรา
สภาวะเทพดวงดาวอื่นมาถึงในขณะนั้น พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นแขกของตระกูลโหลวหลาน พวกเขาทักทายชายชราคำสองสามคำ ดูเหมือนจะคุ้นเคยกันดี
พวกเขาล้อมซูผิงทันทีเมื่อรู้ว่าเขาเป็นศิษย์ของเซินหวง และวางแผนที่จะจับคู่เขากับใครสักคน บางคนถึงกับมอบสมบัติแปลก ๆ ให้เขา
พวกเขาต้องลงทุนกับเขาตั้งแต่ต้นเกม
เมื่อพิจารณาถึงความนิยมและศักยภาพของซูผิงแล้ว ไม่มียอดฝีมือคนใดหยิ่งยโสต่อหน้าเขา พวกเขาจะไม่มีโอกาสผูกมิตรกับเขาเมื่อเขาไปถึงสภาวะเทพดวงดาว หรือแม้แต่ไกลกว่านี้ ถ้าเขากลายเป็นลอร์ดสวรรค์
ซูผิงไม่ได้คิดว่าจะได้รับการดูแลเอาใจใส่แบบนี้ ก่อนที่จะชนะการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลเขาทำได้เพียงแหงนหน้ามองสภาวะเทพดวงดาวด้วยความกลัว แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถกลายเป็นเพื่อนกันได้แล้ว
”คุณซู คุณเก่งจริงๆ หากคุณสนใจมาเยี่ยมชมกาแล็กซี่โรแลนด์ก็มาได้ทุกเมื่อนะครับ คุณไม่จำเป็นต้องใช้อะไรเลยในขณะที่คุณอยู่ที่นั่น ผมจะหาผู้หญิงที่สวยที่สุดในตระกูลมาสร้างความบันเทิงให้กับคุณ”
“เฒ่าไป่ คิดว่าคุณซูไม่มีเงินหรือไง? ผมได้รับคำเชิญให้ไปที่ป่ามิติต้องห้าม ผมให้คุณได้ถ้าคุณสนใจ คุณซู ผมขอเสนอศิษย์น้องจากตระกูลของผม”
“ป่ามิติต้องห้ามนั้นอันตรายเกินไป แม้ว่าคุณซูจะมีพรสวรรค์พิเศษและอาจารย์ของเขาจะต้องมอบสมบัติมากมายเพื่อความปลอดภัยให้เขา แต่สถานที่นั้นก็อันตรายเกินไปแม้แต่กับเราถ้าเราประมาท นายควรเก็บคำเชิญนั้นไว้ให้ศิษย์น้องของนาย เด็กอย่างพวกเขาต้องการการฝึกที่เสี่ยงด้วยชีวิต แต่อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างคุณซูไม่ต้องการ”
“นั่นเป็นความจริง คุณซู คุณชอบผู้หญิงแบบไหน? เพียงแค่บอกผม ผมมีบริษัทบันเทิงระหว่างดวงดาว มีผู้หญิงน่ารักทุกรูปแบบที่นั่น”
“คุณสนใจเกมเดิมพันหินไหมคุณซู?”
สภาวะเทพดวงดาวหลายคนเข้ามาทักทายและเยินยอซูผิง พวกเขาทั้งหมดพยายามผูกมิตรกับเขา เนื่องจากไม่น่าจะมีปัญหาที่เขาจะไปถึงสภาวะเทพดวงดาว การลงทุนครั้งนี้จะนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดีในที่สุด
ซูผิงรู้สึกอยู่ในจุดสูงสุดของโลกขณะที่ถูกห้อมล้อมและถูกประจบประแจงจากผู้คนมากมาย ที่สำคัญที่สุด บรรดาผู้ที่พยายามเอาใจเขาล้วนเป็นคนใหญ่คนโตในสภาวะเทพดวงดาว โชคดีที่เขาเคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าในสนามบ่มเพาะ และตระหนักดีว่าเขายังไม่ได้สัมผัสกับขอบเขตของเจ้าดวงดาว
เขาเป็นคนอ่อนแออย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเทพโบราณที่สร้างโลกใบเล็กเจ็ดใบ เขาไม่ใช่อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบอย่างที่พวกเขาคิดว่าเขาเป็น
หลังจากฟังการเยินยอ ซูผิงก็ค่อยๆ สงบลงและตอบทุกคนอย่างสุภาพ “อัจฉริยะบางคนเริ่มมีชื่อเสียงในช่วงแรก แต่แล้วก็ค่อยๆ สูญเสียความเจิดจรัสนั้นไป คนอื่นๆ ฟุ้งซ่านจากการหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง ในขณะที่บางคนหมกมุ่นอยู่กับความสวยหรูและเสียงปรบมือจนเกินกว่าจะนึกถึงการเติบโตขึ้น”
เขาไม่ยอมรับของขวัญใดๆ ที่เสนอให้
ตามจริงแล้ว ในตอนนี้เขาแทบจะไม่ขาดสิ่งใดเลย
ของขวัญบางอย่างดีจริง ๆ แต่เขาสามารถขอจากอาจารย์ของเขาได้ พวกมันไม่สำคัญสำหรับเขาในตอนนี้
สภาวะเทพดวงดาวทั้งหมดเริ่มลังเลและถอยกลับหลังจากเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากคำชมของพวกเขา เป้าหมายของพวกเขาไม่บรรลุผล แต่พวกเขาเคารพซูผิงมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเรื่องนี้ หลังจากนั้นไม่นาน แขกของตระกูลโหลวหลานคนอื่นๆก็มาถึง
ส่วนใหญ่เป็นยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาว รวมแล้วน่าจะมากกว่าแปดสิบคน มีเพียงสองคนเท่านั้นที่เป็นเจ้าดวงดาวในขณะที่ซูผิงเป็นนักรบระดับดวงดาวเพียงคนเดียว
กว่าครึ่งมาทักทายซูผิง คนอื่น ๆ รักษาระยะห่างและเพียงชำเลืองมองเขา ท้ายที่สุด ไม่ใช่สภาวะเทพดวงดาวทุกคนที่ยินดีจะยกย่องลูกหลานตัวเองให้
ในขณะที่แขกของตระกูลโหลวหลานรวมตัวกัน เหล่าสภาวะเทพดวงดาวจากเขตดวงดาวอื่น ๆ ก็ปรากฏตัวเพื่อแสดงความยินดีกับเจ้าของงาน
งานกาล่าเริ่มในครึ่งวันต่อมา ทั้งมังกรและนกฟีนิกซ์คำราม ทำให้โลกทั้งใบกลายเป็นทะเลแห่งความรุ่งโรจน์ที่น่าตื่นเต้น ดอกไม้ไฟที่ตระการตาที่สุดกำลังส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า
ซูผิงนึกถึงดาวเคราะห์สีน้ำเงินขณะที่เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงาม ดาวเคราะห์บ้านเกิดของเขาถูกทำลายอย่างหนักหลังจากผ่านสงคราม และมันอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ตอนที่เขาจากมา ความสามารถและระดับในปัจจุบันของเขาทำให้เขาสร้างดาวเคราะห์สีน้ำเงินขึ้นมาใหม่ได้ง่าย และเปลี่ยนให้เป็นดาวเคราะห์ระดับ 1 ได้ในท้ายที่สุด
ลองคิดดูสิ ฉันยังคงเป็นเจ้าแห่งดาวเคราะห์สีน้ำเงินอยู่แต่ดูเหมือนว่าฉันจะขาดความรับผิดชอบมากเกินไป ดวงตาของซูผิงเป็นประกาย เขาคิดว่าจะกลับไปแก้ไขดาวเคราะห์สีน้ำเงินหลังจากการมาเยี่ยมตระกูลโหลวหลานสิ้นสุดลง เขายังสามารถผลักดาวเคราะห์สีน้ำเงินไปที่สภาเทพอมตะหรือกาแล็กซี่ระดับ 1 ได้ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในดาวเคราะห์จะได้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสหพันธ์
ฉันต้องหาสถาบันดีๆด้วย เพื่อให้คนที่มีความสามารถบนดาวเคราะห์ของฉันจะได้เข้าเรียนฟรี ซูผิงพิจารณาแผนการพัฒนาของดาวเคราะห์สีน้ำเงินอย่างเงียบๆ
ในขณะเดียวกัน เขายังคิดถึงน้องสาวที่ดื้อรั้นของเขา เขาตั้งใจจะขอให้ผู้เฒ่าหยานตามหาเธอ
ฉันสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายให้กับดาวทั้งดวงได้โดยไม่รู้ตัว ซูผิงมองออกไปไกลด้วยความทึ่ง
งานกาล่าเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป มีการจัดกิจกรรมต่างๆ
สภาวะเทพดวงดาวจำนวนมากมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลโหลวหลานกันอย่างสนุกสนาน
ซูผิงยังเห็นคนคุ้นเคยในหมู่พวกเขา เธอคือโหลวหลานหลินที่ปกป้องเขาก่อนหน้านี้ เธอนั่งอยู่ที่ขอบของแท่นสูง มีหญิงสาวสวยอยู่ตรงกลาง เธอสวมเสื้อคลุมสีม่วงแขนเป็นลายดาบ น่าประหลาดใจมากที่สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอก็เป็นสภาวะเทพดวงดาว
สาวใช้ถือดาบแปลก ๆ ซึ่งดูเหมือนน้ำและเมฆ มันถูกปกคลุมไปด้วยแสงเจิดจรัส ทำให้มองเห็นได้ยาก
เธอคือลอร์ดสวรรค์เจี้ยนหลานแห่งตระกูลโหลวหลานหรือเปล่า? ดวงตาของซูผิงเป็นประกาย
ผู้คนที่นั่งรอบๆ ลอร์ดเจี้ยนหลานเห็นได้ชัดว่ามีกลิ่นอายที่แตกต่างกันออกไป เมื่อเทียบกับสภาวะเทพดวงดาวปกติ พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นลอร์ดสวรรค์
ที่นั่งของพวกเขาดูสวยกว่าที่นั่งอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
ซูผิงรู้สึกว่ามีคนกำลังมองมาที่เขา เขาหันหน้าไปก็พบว่าเป็นโหลวหลานหลินที่มองกลับมาที่เขา
ดวงตาของพวกเขาประสานกัน โหลวหลานหลินจำสิ่งที่ผู้อำนวยการอวี่พูดได้ ดังนั้นเธอจึงพ่นลมหายใจและหันหน้าหนี หลังจากนั้นเธอก็มองซูผิงด้วยหางตาของเธอ เพียงเพื่อจะพบว่าซูผิงก็มองไม่ได้มองเธอแล้ว ทำให้เธอพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง เจี้ยนหลาน ลอร์ดสวรรค์กำลังพูดคุยกับลอร์ดสวรรค์คนอื่น ๆ เมื่อเธอได้ยินเสียงพ่นลมหายใจ เธอก็ก้มหน้าลงแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ฮะ? หลินเอ๋อมีอะไรเหรอ?
โหลวหลานหลินตอบอย่างเชื่อฟังและสุภาพว่า “ไม่มีอะไรค่ะ คุณย่า”
คิ้วของลอร์ดเจี้ยนหลานยกขึ้น จู่ๆ ก็มีเหตุการณ์ปรากฏขึ้น ทำให้เธอเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาที เธอมองไปทางที่หลานสาวของเธอมองไปก่อนหน้านี้ และในไม่ช้าก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เธอเข้าใจสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
“ฉันได้รับแจ้งว่าพวกเขาวางแผนที่จะจับคู่หลานกับคุณซู แขกของเรา” ผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและผ่อนคลาย “ถึงกระนั้น ความคิดเห็นของหลานคือสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่ารู้สึกกดดัน ไม่มีใครบังคับหลานได้ หากหลานไม่สนใจเขา หลานเข้าใจใช่ไหม?”
โหลวหลานหลินรู้สึกอบอุ่นและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ขอบคุณค่ะคุณย่า หนูเข้าใจดีค่ะ”
“แม้ว่าชายคนนั้นจะมีพรสวรรค์มาก มีความสามารถของสภาวะเทพอมตะตั้งแต่ยังเด็ก แต่เส้นทางการบ่มเพาะนั้นยาวนานมาก อุบัติเหตุมากมายสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทาง นอกจากนี้แม้แต่สภาวะเทพอมตะก็ไม่สามารถสอนวิธีเข้าถึงสภาวะเทพดวงดาวได้ พวกเขาให้ได้แค่ทรัพยากรเท่านั้น เพื่อเร่งกระบวนการ
“ดังนั้น ความรู้สึกของหลานต่างหากที่สำคัญ” เจี้ยนหลานกล่าวอย่างนุ่มนวล “หลานสามารถพยายามทำความรู้จักกับเขาให้ดีขึ้นได้ แต่ถ้าเขายังดีไม่พอ ก็ลืมมันไปซะ”
โหลวหลานหลินพยักหน้าและพูดว่า “เข้าใจแล้วค่ะ”
ลอร์ดสวรรค์เจี้ยนหลานยิ้มและหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นเธอก็เริ่มคุยกับลอร์ดสวรรค์คนอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องสำคัญๆ
งานกาล่าตระกูลโหลวหลานเป็นงานพิเศษที่เกี่ยวข้องกับแผนและการเตรียมการหลายๆอย่าง..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว