ทุกคนตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดที่กล้าหาญของโหยวหลง
เขาเพิ่งบอกให้ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวขอโทษเด็กระดับดวงดาวเนี่ยนะ?
สภาวะเทพดวงดาวจากตระกูลโหลวหลานมองหน้ากันไม่รู้ต้องทำยังไง ไม่คิดว่าโหยวหลงจะปกป้องซูผิงขนาดนี้
ในระยะไกล—เหม่ยกุ่ยมึนงง ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ และเธอก็สะลัดอารมณ์นั้นออกไป “คุณพูดว่าอะไรนะ? คุณต้องการให้ฉันขอโทษเขาเนี่ยนะ?”
โหยวหลงตอบอย่างเฉยเมย “ทำไม? เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรอ?”
การแสดงออกของเหม่ยกุ่ยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เธอพูดอย่างโกรธเคืองว่า “โหยวหลง ฉันเคารพคุณในฐานะลอร์ดสวรรค์ แต่สิ่งนี้มันอุกอาจเกินไป แม้ว่าอาจารย์ของคุณจะเป็นลอร์ดสูงสุด แต่สหพันธ์ก็ยังเป็นที่ที่มีกฎเกณฑ์ ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถแค่ไหน เขาก็เป็นแค่นักรบดวงดาว เขามีคุณสมบัติที่จะยอมรับคำขอโทษของฉันหรือ? ทำไมฉันต้องขอโทษเขาด้วย เพียงเพราะเขาอาจเติบโตและกลายเป็นลอร์ดสวรรค์อย่างงั้นหรอ? ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต?”
โหยวหลงกล่าวด้วยความรังเกียจในสายตาของเขาว่า “เพราะเขามีตัวตนขั้นเจ็ดเช่นเดียวกับเธอ! และเพราะเขาคือศิษย์น้องของฉัน! เธอเอาเปรียบเขาเพราะตัวตนของเธอ ตอนนี้ฉันกำลังสั่งเธอด้วยตัวตนของฉัน จะขัดหรอ?”
”คุณ!”
เหม่ยกุ่ยเหลือบไปมองซูผิงอย่างน่ากลัว การที่เขามีตัวตนขั้นเจ็ดนั้นทำให้เธอหมดหนทาง เนื่องจากเป็นสิทธิพิเศษที่ได้รับในเหล่าสภาวะเทพดวงดาวเป็นหลัก
ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนสภาวะเทพดวงดาวก็บินออกมา “ลอร์ดสวรรค์ โหยวหลง!”
เขาปกปิดกลิ่นอายของเขา ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ “เหม่ยกุ่ยไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้คุณซูไม่พอใจ มันเป็นเพียงความเข้าใจผิดเล็กน้อย ผมหวังว่าคุณจะยกโทษให้เธอที่ขาดมารยาทเพื่อเห็นแก่วังดาวเหนือ”
โหยวหลงเหลือบมองเขา “ให้เจ้าแห่งวังของคุณมาพูดกับผม ว่าแต่คุณคือ?”
ชายวัยกลางคนเปลี่ยนสีหน้า จากนั้นพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ผมชื่อเทียนจี้”
“หนึ่งในเจ็ดเทพดาวเหนือ”โหยวหลงหัวเราะคิกคักแล้วจ้องเหม่ยกุ่ยอีกครั้ง “สรุปจะไม่ขอโทษ?”
แก้มของเหม่ยกุ่ยสั่นเล็กน้อย เธอสามารถบอกได้จากสายตาของโหยวหลงว่าเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะปกป้องศิษย์น้องของเขา นอกจากนี้เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สามารถถอยกลับได้อีกต่อไปโดยไม่เสียหน้า
นอกจากนี้เทียนจี้ออกมาช่วยแล้ว แต่โหยวหลงก็เพิกเฉย
“แม้ว่าในอนาคต เขาจะกลายเป็นลอร์ดสวรรค์ อย่างน้อยฉันก็ไม่ผิดในตอนนี้ ฉันเป็นสภาวะเทพดวงดาว…” เหม่ยกุ่ยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จากนั้นหน้าเธอก็เปลี่ยนสี โหยวหลงต่อยหน้าเธอ ปล่อยแสงสีทองอนันต์ที่ทำลายมิติโดยรอบ
กระแสพลังเทพอันงดงามรั่วไหลออกมาจากรัศมีหมัดของเขา บดบังกฎทั้งหมดในจักรวาล
เหม่ยกุ่ยรีบดำเนินการ ใบไม้สีทองโผล่ขึ้นมาบนหน้าผากของเธอขณะที่เธอเปิดใช้งานตราเทพ เธอโบกมือและดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มโบยบินในความว่างเปล่าราวกับผีเสื้อ ทั้งหมดพยายามจับหมัดทองคำ
แต่ครู่ต่อมา… รัศมีหมัดทองพุ่งไปอย่างไร้ปราณี ทำให้ดอกไม้ทั้งหลายพังทลาย
เหม่ยกุ่ยคร่ำครวญเมื่อการโจมตีปะทะกัน และเธอก็ถูกเหวี่ยงกลับ จบลงด้วยใบหน้าซีด
“หมัดนั้นเป็นบทเรียนสำหรับเธอ” โหยวหลงยืนเฉย “อย่าพยายามตอบโต้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับศิษย์น้องของฉัน ฉันจะไม่สนว่ามันเป็นใคร ฉันจะมุ่งเป้าไปหาเธอก่อน!”
พลังเทพพลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างของเหม่ยกุ่ย ตราเทพของเธอสั่นสะท้านและคร่ำครวญ หมัดนั้นดูนุ่มนวล แต่ร่างกายของเธอเกือบถูกบีบเค้น
เธอรู้สึกทั้งโกรธและเสียใจเมื่อได้ยินสิ่งที่โหยวหลงพูด ชายคนนั้นครอบงำและไร้เหตุผลเกินไป!
เขาเป็นคนที่กล้าหาญและไร้การควบคุมในฐานะลอร์ดสวรรค์หรอ?
คำตอบคือใช่
เธอตระหนักในทันใดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะตอบโต้
เขาเป็นลอร์ดสวรรค์ ใครจะกล้าตอบโต้เขา?
สำหรับเด็กที่อยู่ข้างๆ เขาเป็นเหมือนลูกหลานที่นิสัยเสียของตระกูล เขายังรอดจากคลื่นทมิฬในทะเลมายา ใครจะรู้ว่าลอร์ดสูงสุดมอบสมบัติเอาตัวรอดให้เขากี่ชิ้น
เหม่ยกุ่ยโกรธจัดจน กัดฟันจนแทบแตก แต่เธอก็นิ่งเงียบ
เทียนจี้ที่อยู่ใกล้ๆก็ดูมืดมนเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าโหยวหลงไม่ได้แสดงความเคารพต่อวังดาวเหนือ อย่างไรก็ตาม สิ่งต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว และเจ้าแห่งวังของพวกเขา—แม้ว่าจะเป็นลอร์ดสวรรค์—แต่เขาก็ไม่ใช่ลอร์ดสูงสุดอยู่ดี
ทุกคนมีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไปขณะมอง ทัศนคติที่ไม่สมเหตุสมผลของโหยวหลงไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ความจริงแล้วลอร์ดสวรรค์น้อยคนนักที่จะมีอารมณ์ดี ถึงกระนั้นก็ยังน่าแปลกใจที่เขาปกป้องศิษย์น้องของเขาอย่างเต็มที่
เขาคิดว่าศิษย์น้องของเขาจะก้าวขึ้นสู่สภาวะเทพดวงดาวและกลายเป็นคนที่เท่าเทียมกันอย่างงั้นหรอ?
โหยวหลงหันกลับมาและเพิกเฉยต่อพวกเขา เขาไม่ได้ถือว่าผู้บ่มเพาะสภาวะเทพดวงดาวธรรมดาเป็นเรื่องใหญ่อะไร เขาจะทำเช่นเดียวกันแม้ว่าเจ้าแห่งวังดาวเหนือจะอยู่ที่นี่ก็ตาม ท้ายที่สุด ลอร์ดสวรรค์ไม่เกรงกลัวใครเลย ยกเว้นเทพอมตะ!
อันที่จริงเทพอมตะยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการปราบลอร์ดสวรรค์ผู้แข็งแกร่งอย่างศิษย์พี่คนแรกของซูผิง
“ตระกูลโหลวหลานเกือบจะสร้างปัญหาแล้ว!” โหยวหลงพูดขณะที่เขามองไปที่สภาวะเทพดวงดาวของตระกูลโหลวหลาน “ทะเลมายาไม่ได้สงบสุขมากนักในช่วงหลังนี้ และจักรวาลกำลังผันแปรอย่างมีนัยสำคัญ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ลำบาก อาจารย์ขอให้ผมมาแจ้งว่าทะเลมายาจะต้องปิดเป็นเวลาสามพันปี ถ่ายทอดข้อความนี้ไปยังผู้นำตระกูลของคุณ ผมจะไม่ไปพบเขา”
สภาวะเทพดวงดาวของตระกูลโหลวหลานทุกคนตกตะลึง ทะเลมายาจะต้องปิด? ดูเหมือนว่ามีบางอย่างที่สำคัญเกิดขึ้น
“เราจะถ่ายทอดข้อความ” หนึ่งในสภาวะเทพดวงดาวตระกูลโหลวหลานกล่าว
โหยวหลงพยักหน้าแล้วยิ้มให้ซูผิง “ศิษย์น้อง นายอยากจะกลับไปที่สภาเทพอมตะกับฉันหรือว่าอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ?”
ซูผิงมองไปที่เหม่ยกุ่ยในระยะไกล จากการคุกคามของโหยวหลง เธอคงไม่พยายามทำอะไรอีก แม้ว่าเธอจะทำ เขาก็ยังมีสมบัติลับมากมายที่จะช่วยชีวิตเขาได้
“ขอบคุณครับศิษย์พี่ ผมวางแผนที่จะกลับไปที่สภาเทพอมตะในภายหลัง โปรดส่งความคิดถึงของผมไปให้อาจารย์ถ้าคุณกลับไป” ซูผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
โหยวหลงหัวเราะคิกคักและตอบว่า “โอเค แต่พยายามอย่าสร้างเรื่องเกินไป จักรวาลไม่ได้สงบสุขมากนัก เป็นการดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงอาณาจักรลับบางแห่ง พยายามทะลวงผ่านไปสู่สภาวะเทพดวงดาวให้เร็วขึ้น เพื่อที่นายจะได้ป้องกันตัวเองได้”
ซูผิงเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ เขาพยักหน้าและพูดว่า “เข้าใจแล้วครับ ศิษย์พี่”
“ในเมื่อนายสบายดี งั้นฉันกลับล่ะ ไว้เจอกันใหม่”
โหยวหลงจากไปอย่างเร่งรีบ เขาโบกมือให้ซูผิงและหายตัวไปในขอบฟ้าโดยทิ้งแสงเป็นเส้นยาวไว้ จากนั้นเขาก็เปล่งประกายราวกับดวงดาวและหายวับไป
ซูผิงรู้สึกว่าศิษย์พี่ของเขากำลังยุ่งอยู่กับบางสิ่ง เมื่อเห็นว่าเขามาเร็วไปเร็ว ศิษย์พี่ของฉันทุกคนกำลังทำธุระให้อาจารย์ ดูเหมือนว่าจักรวาลจะวุ่นวายอย่างแท้จริง
แรงกดดันที่กระจายออกไปหลังจากโหยวหลงจากไปทำให้สภาวะเทพดวงดาวที่เหลือรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย ตอนนั้นเองที่เหม่ยกุ่ยเงยหน้าขึ้นมาในที่สุด จ้องซูผิงอย่างเย็นชา เธอไม่ได้พูดอะไร แค่กลับไปที่ที่เจ้าดวงดาวไร้สติลอยอยู่ในความว่างเปล่าและรอต่อไป
เทียนจี้ก็เหลือบมองซูผิงแล้วส่ายหัวเล็กน้อย สิ่งต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว เขาไม่ต้องการทำให้ใครไม่พอใจอีก ท้ายที่สุดซูผิงและโหยวหลงได้รับการสนับสนุนจากเทพอมตะ!
จากนั้นสภาวะเทพดวงดาวบางคนก็ออกไปบอกข้อความของโหยวหลงกับผู้นำตระกูล
คำสั่งของลอร์ดสูงสุดไม่ควรละเลย ข่าวที่ว่าทะเลมายาจะถูกปิดเป็นเวลาสามพันปีเป็นเรื่องใหญ่
นั่นเป็นหนึ่งในดินแดนต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล ดินแดนที่มีแต่ขุมกำลังที่ทรงพลังที่สุดเท่านั้นถึงเข้าถึงได้
นอกจากนี้ยังเป็นสนามฝึกสำหรับอัจฉริยะชั้นนำอีกด้วย หากพวกเขาเสริมความแข็งแกร่งของพลังจิตได้ที่นั่น พวกเขาจะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดได้
หากสถานที่นี้ถูกผนึกเป็นเวลาสามพันปี… อัจฉริยะที่เกิดในช่วงเวลานั้นจะไม่มีทางเทียบได้กับอัจฉริยะรุ่นก่อนในแง่ของพลังจิต
“ทะเลมายาถูกปิด ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในจักรวาล”
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันได้ยินเสียงลึกลับในมิติลึก พวกมันฟังเหมือนกระซิบจากยุคโบราณ ฉันคงจะหลงทางถ้าอสูรของฉันไม่แยกย้ายกันไป”
”ใช่ มีการพูดคุยกันว่ามีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นมากมาย ฉันไม่รู้ว่าพวกมันเป็นเรื่องจริง”
“ฉันได้ยินมาว่าลอร์ดสูงสุดของเขตดาวเมฆบินได้ปิดอาณาจักรลับหลายแห่งเหมือนกัน!”
ผู้บ่มเพาะสภาวะเทพดวงดาวที่อยู่รอบ ๆ ซูผิงเริ่มพูดคุยและหยุดให้ความสนใจกับเขา การปิดอาณาจักรลับทำให้พวกเขาเสียสมาธิ ท้ายที่สุดพวกเขาแทบไม่รู้จักซูผิง แม้ว่าเขาจะมีศักยภาพที่จะกลายเป็นลอร์ดสวรรค์ แต่ การปิดทะเลมายาเป็นเรื่องใหญ่ พวกเขาได้รับการเตือนถึงสิ่งแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ทุกคนมีความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ซูผิงขมวดคิ้วขณะได้ยินเสียงกระซิบรอบๆ และรู้สึกมืดมน เขามองไปที่ประตู ยังไม่มีอะไรนอกจากความว่างเปล่า
เขารอ ในไม่ช้าสภาวะเทพดวงดาวสองสามคนของตระกูลโหลวหลานก็กลับมา หนึ่งในนั้นแตกต่างจากคนอื่นอย่างชัดเจน เขาเป็นหนึ่งในลอร์ดสวรรค์
ลอร์ดสวรรค์มองไปรอบ ๆ และเห็นว่าซูผิงสบายดีหลังจากมาถึง ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนความสนใจและมองไปที่ลูกหลานของตระกูลโหลวหลานที่กำลังนอนอยู่ในอวกาศ
ใบหน้าของยอดฝีมือดูเคร่งขรึมเมื่อเขาเห็นลูกหลานของตระกูลหลายคนยังคงหมดสติ เขาจ้องมองไปที่ประตูเงียบ ๆ ชั่วขณะจากนั้นก็ยื่นมือเข้าไปในประตู เขาดึงมือออกมาไม่กี่วินาทีต่อมา โดยมีหมอกสีดำจำนวนมากอยู่ในมือ
“คลื่นทมิฬมาถึงประตูแล้ว”
ชายชรายิ่งหน้าดำคร่ำเคร่งกว่าเดิม เขามองไปยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวคนอื่นรอบๆและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เราจะปิดประตูตามคำสั่งของลอร์ดสูงสุดและด้วยสถานการณ์พิเศษในทะเลมายา จิตสำนึกที่หลงเหลืออยู่ในทะเลมายาคงไม่กลับมา ตระกูลของเราจะพยายามชดเชยให้กับความสูญเสียของคุณ โปรดเข้าใจพวกเราด้วย!”
ทุกคนตกใจมาก
ผู้บ่มเพาะสภาวะเทพดวงดาวกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ลอร์ดสวรรค์เซิงสือ ยังมีจิตสำนึกอีกมากมายที่ยังไม่กลับมา พวกเขาจะถึงวาระถ้าประตูปิด!”
”จริงด้วย พวกเขาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ของสหพันธ์ บางคนเป็นอัจฉริยะที่มีรายชื่ออยู่ในอันดับราชาเทพที่อาจเติบโตเป็นลอร์ดสวรรค์ในอนาคต!”
“ไม่รีบร้อนไปหน่อยหรอถ้าเราปิดประตูตอนนี้”
“ตระกูลของผมไม่มีอัจฉริยะเช่นนี้มานับพันปีแล้ว ผมไม่อยากให้เขาตายที่นี่ ท่านลอร์ดเซิงสือ เรารออีกหน่อยไม่ได้หรือ?”
สภาวะเทพดวงดาวหลายคนพูดและขอร้องชายชรา
ชายชราหน้าดำขณะที่เขาตอบกลับช้าๆ “ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ ไม่มีเครื่องตรวจไหนแสดงปฏิกิริยาใดๆ มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอย่างแท้จริง ผมเข้าใจความรู้สึกของพวกคุณ อย่างไรก็ตามคลื่นทมิฬได้เข้ามาใกล้ประตูแล้ว คุณควรรู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน วิญญาณระดับ A จำนวนมากจะปรากฏขึ้น แม้แต่วิญญาณระดับ S บางตัวด้วย
“ถ้าเราปิดประตู อัจฉริยะชั้นนำในตระกูลของผมก็จะตายเหมือนกัน แต่เราทำอะไรไม่ได้ มันเป็นชะตากรรมของพวกเขา เราเองก็เสียใจเหมือนกับคุณ!”
ยอดฝีมือทุกคนดูแย่มาก บางคนพยายามอ้อนวอนชายชราอีกครั้ง แต่เขาก็สั่งให้ปิดประตู
จากนั้นชายชราก็หันหลังกลับและออกไปอย่างสิ้นหวัง โดยให้คำสั่งสุดท้ายกับเพื่อนของเขาให้นำร่างของคนในตระกูลกลับไปที่ตระกูล
พื้นที่นี้นั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเมื่อชายชราจากไป
ซูผิงเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยสองสามคนในฝูงชน ทั้งพุทธองค์หกชีวิตและลิเลียนกำลังเฝ้าดูทุกอย่างอยู่เงียบๆข้างสภาวะเทพดวงดาวที่มากับพวกเขา
ที่อื่น—โหลวหลานหลินหน้าซีดและยืนเจ็บปวดอยู่ข้างชายวัยกลางคน ดูเหมือนว่าเธอจะสนิทกับคนที่นอนอยู่ข้างเธอ
ฉันคงไม่ได้กลับมาถ้าภาพมายาเหล่านั้นไม่ผลักฉัน… ดวงตาของซูผิงเป็นประกาย จนถึงตอนนี้ เขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าจิตสำนึกของเขาหาประตูที่ถูกต้องได้อย่างไร หรือเสียงและสิ่งต่าง ๆ ที่ผลักเขาในหมอกนั้นไม่ใช่ภาพมายา?
ซูผิงส่ายหัว ไม่สามารถหาเหตุผลได้ เขาเลือกที่จะไม่รอ ดังนั้นเขาจึงขอให้โหลวหลานเฟิงพาเขาไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกของโหลวหลาน
เขาไม่ได้กลับไปที่สภาเทพอมตะกับโหยวหลงเพราะเขาต้องการที่จะวาดภาพร่างเจ็ดดวงดาวให้ได้ที่นี่
โหลวหลานเฟิงตกตะลึงเมื่อได้ยินว่าซูผิงกำลังจะบ่มเพาะ เขาอดไม่ได้ที่จะแนะนำว่า “ทำไมไม่ให้ผมพาคุณไปตรวจร่างกายหน่อยล่ะ? เผื่อคุณได้รับบาดเจ็บโดยไม่ทราบสาเหตุจากที่นั่น”
”ก็ได้” ซูผิงไม่ได้รั้น เขาพยักหน้าและทำตาม
เขาเดินตามโหลวหลานเฟิงไปตรวจร่างกาย หลังจากผ่านการสแกนด้วยอุปกรณ์ที่ดีที่สุด ร่างกายของซูผิงก็อ่านค่าผิดปกติ อย่างไรก็ตามผลดังกล่าวไม่ได้ผิดปกติเพราะเครื่องมีปัญหา แต่เนื่องจากมันเกินขอบเขตของระดับดวงดาวด้วยระยะไปเยอะมาก!
“คลื่นพลังจิต… 36,289 หะหน่วย?”
”เอ่อ…”
ไม่เพียงแค่โหลวหลานเฟิง นักวิทยาศาสตร์ของตระกูลโหลวหลานก็ตกใจเช่นกัน พวกเขาจ้องไปที่อุปกรณ์ด้วยความงุนงง
“ค่าพลังจิตสำหรับผู้บ่มเพาะระดับดวงดาวปกติจะอยู่ระหว่าง 50 ถึง 100 แต้ม เจ้าดวงดาวอยู่ระหว่าง 500 ถึง 1,000 แต้ม แต่การอ่านของเขาคือ… 36 เท่าของค่าสูงสุดของเจ้าดวงดาว?” นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าตะลึง
“ฉันเคยตรวจสอบเจ้าหญิงหลินมาก่อน เธออยู่ในอันดับราชาเทพแต่คลื่นพลังจิตของเธอมีมากกว่า 9,000 แต้มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นี่มันมากกว่าสี่เท่า…” นักวิทยาศาสตร์หญิงตกตะลึง..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว