ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 1034

“กุญแจ?”
  ซูผิงหรี่ตาลง บ้านแห่งการทำลายล้างเป็นพื้นที่ผุพังซึ่งมีมิติหลายมิติซ้อนทับกัน มันอาจตกลงไปในมิติลึกและถูกฆ่าตายที่นั่น
  นอกจากนี้ดูเหมือนว่าจะมีพลังที่แม้แต่เทพอมตะก็ยังกลัว คนที่ทำผิดกฎเลือกที่จะไปที่นั่นและซ่อนตัว อาชญากรชื่อดังมักหลบหนีไปที่นั่นเช่นกัน
  การสำรวจของสหพันธ์มีความคล้ายคลึงกันกับทะเลมายา พวกเขาแทบไม่ทราบสาเหตุของที่มา
  ”ฉันพูดจริงนะ นี่คือกุญแจ พวกเราคงจะตายในบ้านแห่งการทำลายล้างหากไม่มีพวกมัน” ชายหนุ่มร่างใหญ่รีบพูด ไม่กล้าที่จะโกหกในตอนนี้ เขาเอาแต่คิดหาทางหนีขณะที่เขาพูด
  ฉันจะเป็นอิสระไหมถ้าฉันพูดความจริง?
  เขาไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึงเรื่องนั้น ท้ายที่สุดเขาเจอสถานการณ์มามากมาย วันนี้เกมพลิกจนไม่มีทางออกแล้ว
  “แกเพิ่งแอบมองเธอ” ซูผิงพูดขึ้นมาทันที
  ชายหนุ่มร่างใหญ่ตะลึงงัน รีบพูดว่า “ฉันไม่ได้… อ๊ะ!”
  ชายร่างใหญ่ส่งเสียงกรีดร้องออกมา พลังจิตของซูผิงบีบวิญญาณของชายคนนั้น จากนั้นเขาก็เรียกโครงกระดูกน้อยออกมาและโยนอาหารไปให้
  โหลวหลานหลินตกตะลึงกับฉากเสียงกรีดร้องของชายร่างใหญ่ตอนที่โครงกระดูกน้อยเคี้ยวมัน ซูผิงค่อนข้างซับซ้อน โหดร้าย และเด็ดขาด เธอไม่อยากเชื่อว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่เพิ่งเริ่มสร้างชื่อให้ตัวเอง คนรู้จักของเธอหลายคนเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ แต่ดูเหมือนแกะที่ไม่เป็นอันตรายไปเลยเมื่อเทียบกับซูผิง
  ในทางกลับกัน—จากสิ่งที่ซูผิงเพิ่งพูด—เธอมีความรู้สึกแปลก ๆ ที่เธอไม่เคยมีมาก่อน
  ชายคนนี้ถูกฆ่าตายอย่างไร้ความปราณีเพียงเพราะมองมาที่เธอ…
  โดยธรรมชาติแล้ว ซูผิงไม่รู้สิ่งที่อยู่ในใจของโหลวหลานหลิน เขารู้แค่ว่าผู้ชายคนนั้นน่าจะพยายามหลบหนีโดยใช้ประโยชน์จากโหลวหลานหลิน ท้ายที่สุดนักฆ่าจากหอคอยทมิฬน่าจะรู้ดีกว่าการขอความเมตตาจะไม่สำเร็จ ดังนั้นผู้ชายคนนี้จึงมองหาโอกาสอย่างอื่น นอกจากนี้ซูผิงรู้สิ่งที่เขาอยากรู้แล้ว
  ฉันจะเก็บมันไว้ บางทีมันอาจจะมีประโยชน์สักวันหนึ่ง ซูผิงหยิบเหรียญตราขึ้นมาและปัดทำความสะอาด จากนั้นเขาก็ตรวจสอบพิกัดของเขา พวกเขาจะไปถึงขอบของกระเป๋ามิติในอีกสิบห้านาที
  ชายคนนั้นปิดกั้นพื้นที่ขนาดใหญ่ในมิติ และเป็นธรรมชาติมาก นั่นคือสิ่งที่สภาวะเทพดวงดาวสามารถทำได้หรอ? ดวงตาของซูผิงเป็นประกาย เขาได้พบกับสภาวะเทพดวงดาวมามากมาย น่าเสียดายที่เขาไม่เคยกดดันให้พวกเขาทดสอบขีดจำกัดของพวกเขาเลย
  นอกจากนี้เขาได้ต่อสู้กับสภาวะเทพดวงดาวมาหลายครั้ง และถูกฆ่าอย่างรวดเร็วเสมอจนเขาไม่รู้วิธีการพิเศษของพวกเขามากนัก
  ฉันจะทดสอบขีดจำกัดของสภาวะเทพดวงดาวคนอื่นหลังจากที่ฉันย่อโลกใบที่สอง เพื่อดูว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้หนักแค่ไหน ซูผิงคิดและอยากจะรีบกลับไปที่ร้านของเขา
  ผ่านไปสิบห้านาทีหลังจากนั้น ทั้งสองคนมาถึงที่หมายแล้ว และดูเหมือนว่าอสูรสภาวะเทพดวงดาวจะไม่ตามพวกเขามา ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกโล่งใจ
  อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ได้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย และซูผิงไม่กล้าผ่อนคลาย เมื่อเขาออกจากยานอวกาศ เขาก็เรียกโลกใบเล็กของเขา ผสานเข้ากับโครงกระดูกน้อยและสุนัขมังกรดำ ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายของเขาเพียงพอที่จะทำให้เจ้าดวงดาวธรรมดาต้องยอมจำนน!
  อย่าลืมว่าตอนนี้เขาอยู่แค่ระดับดวงดาวเท่านั้น!
  ภายในยานอวกาศ—โหลวหลานหลินมองชายหนุ่มที่ไร้เทียมทานในมิติด้วยแสงบางอย่างในดวงตา นั่นคือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาหรอ? เขาน่ากลัวมากจริงๆ…
  ในไม่ช้า ซูผิงก็รวบรวมพลังเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเขาและหายตัวออกไปด้วยเทพปรากฏ
  มิติทั้งหมดดูเหมือนจะพังทลาย แสงสว่างพุ่งออกมาและกฎต่างๆ นับไม่ถ้วนก็พังทลายลง รัศมีดาบขั้นสูงสุดทะลุจักรวาลอันมืดมิดราวกับรังสีจากดวงอาทิตย์ที่ระเบิด จากนั้นเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ความว่างเปล่าที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนพังทลาย เผยให้เห็นช่องเปิดที่ดูเหมือนเหว
  ฉันอาจจะพยายามมากเกินไป ซูผิงสูดหายใจหนักในอวกาศและสลายพลังของเขา แม้การปิดผนึกมิตินั้นเป็นวิธีการของสภาวะเทพดวงดาว แต่มันก็ไม่แข็งแกร่งเท่าที่เขาคิดไว้ ราวกับแหขนาดใหญ่ที่จับปลาได้โดยไม่ที่พวกมันไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง
  ”ไปกันเถอะ.”
  ซูผิงกลับมาที่ยานอวกาศ และสั่งให้ยานอวกาศบินออกจากที่นี่ทันที
  หลายนาทีต่อมา พวกเขาก็รีบออกจากที่นี่และไปอีกภูมิภาคหนึ่ง ทั้งสองรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นดวงดาวในระยะไกล
  ซูผิงตรวจสอบนาฬิกาของเขา พบสัญญาณ และโล่งใจอีกครั้ง เขาส่งพิกัดของรีอาไปให้โหลวหลานหลิน “ไปบ้านฉันก่อน อย่าลืมแจ้งตระกูลของเธอด้วย พวกเขาจะได้ช่วยเหลือพี่ชายของเธอ”
  ”ตกลง”
  โหลวหลานหลินพยักหน้าและให้ออกคำสั่งยานอวกาศ จากนั้นเธอก็แจ้งตระกูลของเธอและขอกำลังเสริม
  ข่าวที่พวกเขาถูกโจมตีโดยสภาวะเทพดวงดาวนั้นน่าตกใจเกินไปสำหรับคนที่อยู่ปลายสาย และพวกเขาก็จัดการทุกอย่างอย่างรวดเร็ว
  ด้วยความกังวลว่าตระกูลของเธอจะมีผู้บุกรุกจากหอคอยทมิฒซ่อนอยู่ โหลวหลานหลินจึงติดต่อคุณยายที่เธอไว้ใจ และส่งพิกัดไปหาเธอ
  ครึ่งวันต่อมา พวกเขาเห็นยานอวกาศของตระกูลโหลวหลานในพิกัดนัดพบ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรออยู่นานแล้ว โหลวหลานหลินส่งสัญญาณของตระกูลโหลวหลาน และยานอวกาศก็บินเข้ามาหาเธอทันที
  “ลุงไฮ่เซิน!”
  “ผู้อำนวยการเฟิง!”
  ซูผิงโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นโหลวหลานเฟิง ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การซุ่มโจมตี
  ตระกูลโหลวหลานดูเหมือนจะรู้ว่าพวกเขาหวาดระแวงหลังจากถูกทำร้าย ดังนั้นพวกเขาจึงส่งโหลวหลานเฟิงที่คุ้นเคยกับซูผิงมากกว่ามา นั่นจะเป็นอีกโอกาสที่พวกเขาจะได้ผูกมิตรกัน
  ”คุณซู!”
  โหลวหลานเฟิงโล่งใจอย่างมากที่เห็นซูผิงปลอดภัย เขาเคลื่อนตัวเข้าหาเขาด้วยความเร็วสูง
  “เสี่ยวหลิน”สภาวะเทพดวงดาวที่แข็งแกร่งถัดจากเขามีท่าทางอ่อนโยนเมื่อเขามองโหลวหลานหลิน
  “ลุงไฮ่เซิน ลุงส่งคนไปช่วยพี่เสวี่ยแล้วหรือยัง?”โหลวหลานหลินรีบถาม เธอกังวลมาก แม้ว่ามันจะยากสำหรับสภาวะเทพดวงดาวที่จะฆ่าคนที่อยู่ในขอบเขตการบ่มเพาะเดียวกัน แต่ศัตรูก็มาจากหอคอยทมิฬซึ่งเป็นนักฆ่าที่น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย!
  “ยัง แต่ตระกูลของเราได้ส่งคนไปช่วยเขาหลายคนแล้ว เขาน่าจะปลอดภัย”โหลวหลานไฮ่เซินกล่าวด้วยเสียงต่ำ ความโหดเหี้ยมฉายผ่านดวงตาเขา แม้ว่าปฏิบัติการจะมุ่งเป้าไปที่ซูผิง แต่คนตระกูลโหลวหลานก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
  “โชคดีที่พวกเขาส่งยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวมาแค่คนเดียว มิฉะนั้นผลลัพธ์จะแย่กว่านี้มาก”
  โหลวหลานเฟิงเป็นห่วงซูผิงและโหลวหลานหลินมาก
  “ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวคนนั้นรั้งพี่ชายฉันไว้เท่านั้น นักฆ่าหลักคือเจ้าดวงดาวที่แข็งแกร่งหกคนที่สามารถเปรียบเทียบได้กับยอดฝีมือสิบดันดับแรกในอันดับราชาเทพ แม้แต่ฉันก็ไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้” โหลวหลานหลินกล่าวอย่างเคร่งขรึม การลอบฆ่าจะสำเร็จหากซูผิงไม่ได้แข็งแกร่งจนเกินจินตนาการแบบนี้
  “นักฆ่าหกคนที่สามารถเทียบได้กับยอดฝีมืออันดับสูงในอันดับราชาเทพ?”
  การแสดงออกของโหลวหลานเฟิงและโหลวหลานไฮ่เซินเปลี่ยนไป พวกเขาหันมามองหน้ากัน เจ้าดวงดาวทั้งหกคนที่โหลวหลานหลินไม่สามารถเอาชนะได้ล้มเหลวในการลอบฆ่าซูผิง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักฆ่าที่ยิ่งใหญ่จากหอคอยทมิฬเนี่ยนะ?
  ทั้งสองเหลือบมองซูผิง โหลวหลานหลินเป็นคนละเอียดอ่อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ความจริงที่เห็นได้ชัดคือพวกเขาจะไม่สามารถหนีมาได้หากไม่มีซูผิง เพราะเธอไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้
  ไม่ว่าจะเป็นเพราะความแข็งแกร่งของซูผิงเองหรือสมบัติจากอาจารย์ของเขา ผลลัพธ์ก็ยังน่าตกตะลึง
  เป็นไปได้ไหมว่ามีแค่สภาวะเทพดวงดาวเท่านั้นที่สามารถจัดการกับซูผิงได้!
  ”คุณซู คุณจะกลับไปที่สภาเทพอมตะหรือคุณจะกลับไปที่โหลวหลานกับพวกเรา?”โหลวหลานเฟิงถามซูผิง
  โหลวหลานหลินเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ซูผิงซึ่งสูงกว่าเธอมากด้วยความคาดหวัง
  ซูผิงส่ายหน้าเบาๆ “ผมไม่คิดว่าพวกมันจะกลับมาทันทีหลังจากการลอบฆ่าที่ล้มเหลว ผมว่าจะกลับบ้านแล้วไปพบอาจารย์ของผมที่สภาเทพอมตะในภายหลัง”
  ”กลับบ้าน?” ทั้งสามคนตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าซูผิงจะกล้าอยู่ข้างนอกแทนที่จะกลับไปที่สภาเทพอมตะหลังจากถูกลอบฆ่า
  โหลวหลานไฮ่เซินขมวดคิ้วและถามว่า “คุณซู มันจะไม่อันตรายเกินไปหรอ?” เขาคิดว่าซูผิงยังเด็กเกินไปและประมาท
  ดวงตาของโหลวหลานเฟิงเป็นประกาย แต่เขาไม่ได้ทักท้วง เขาเคยไปที่ร้านของซูผิงและรู้ว่ามีสภาวะเทพดวงดาวที่แม้แต่เขาก็ยังมองไม่ทะลุอยู่ มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับหอคอยทมิฬที่จะลอบฆ่าเขา เว้นเสียแต่ว่าจะส่งยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวหลายคนมาจัดการกับเขา แต่นั่นเป็นอะไรที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้
  ”ไม่เป็นไร ร้านของผมปลอดภัย” ซูผิงกล่าว
  ตราบใดที่เขากลับไปที่ร้าน เขาจะอยู่ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดในจักรวาล
  โหลวหลานไฮ่เซินกำลังจะพูดอย่างอื่น แต่ไม่พูดหลังจากเห็นสัญญาณจากโหลวหลานเฟิง เขางงเล็กน้อยแต่ก็ไม่พูดต่อ
  โหลวหลานเฟิงกล่าวว่า “ถ้าอย่างงั้นเราจะพาคุณกลับบ้าน”
  ซูผิงพยักหน้า แม้ว่ามันจะไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะถูกโจมตีอีกครั้ง แต่มันจะปลอดภัยกว่าถ้ามีสภาวะเทพดวงดาวคุ้มกันเขา
  โหลวหลานหลินค่อนข้างผิดหวัง แต่ในไม่ช้าเธอก็เริ่มสงสัย ในระหว่างการจู่โจม เธอก็ได้ตระหนักว่าซูผิงที่ดูสบายๆ นั้นจริงๆ แล้วระมัดระวังและรอบคอบมาก ทำไมเขาถึงตั้งใจที่จะกลับบ้าน? มีใครรอเขาอยู่หรอ?
  เมื่อความคิดผุดขึ้นในใจ เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอถูกบีบด้วยมือเล็กๆ
  จากนั้นซูผิงก็ติดตามสภาวะเทพดวงดาวทั้งสองจากตระกูลโหลวหลานไปยังยานอวกาศของพวกเขา โหลวหลานหลินแจ้งกำลังเสริมเกี่ยวกับการเปลี่ยนตำแหน่งที่พวกเขาจะไปรับเธอ และขอให้พวกเขารอสักพัก
  โหลวหลานเฟิงและโหลวหลานไฮ่เซินได้รู้รายละเอียดของการลอบฆ่าจากซูผิงและโหลวหลานหลินขณะเดินทาง
  ซูผิงข้ามการต่อสู้ของเขาไป และไม่ลงรายละเอียดอีกด้วย โหลวหลานหลินแสดงภาพนักฆ่าด้วยพลังงานของเธอ โหลวหลานเฟิงค้นหาในเครือข่ายข่าวกรองของตระกูลทันที และพบข้อมูลของพวกเขาในไม่ช้า
  “พวกมันนี่แหละ!”
  ชายชราทั้งสองตกใจเมื่อทราบตัวตนของผู้ลอบสังหาร นอกจากนี้ต้องขอบคุณการอธิบายถึงนักฆ่าคนอื่นๆ จากซูผิง ในไม่ช้าพวกเขาก็ยืนยันว่านักฆ่าทั้งหกคือผู้ที่ทำการฆ่าที่น่าตกใจเมื่อสองพันปีก่อน!
  “พวกเขาคือคนที่ลอบฆ่าศิษย์ของเทพอมตะเมื่อสองพันปีก่อน เป็นคนที่โด่งดังไปทั่วทั้งจักรวาลและเป็นอันดับสองในอันดับราชาเทพ!” โหลวหลานเฟิงสีหน้าดูแย่มาก..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว