เฮ!
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงผู้ชมก็ส่งเสียงโห่ร้อง ไม่มีใครสงบสติอารมณ์ได้!
พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่านักรบอสูรซึ่งมักจะซ่อนตัวอยู่หลังอสูรสามารถแสดงพลังเช่นนี้ได้!
จริงอยู่ที่ฉินเส้าเทียนได้รับความช่วยเหลือจากไซเรนลม ถึงกระนั้นความเร็วของเขาก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง!
พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามนุษย์สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วเช่นนี้!
ในพื้นที่รอผู้เข้าร่วมทุกคนมีสีหน้าตกใจ พวกเขาเองก็ประหลาดใจกับความเร็วเช่นกัน
ที่นั่งตระกูลเย่
เย่หลงเทียนหรี่ตา แววตาอันตรายเล็ดลอดออกมาจากดวงตาของเขา ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เขาก็กำหมัดแน่นและมีท่าทางดุร้ายแล้ว
ตระกูลหลิว
ตระกูลหลิวยังคงหวั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด ครู่หนึ่งหลิวเจียนซินก็ตกตะลึงเช่นกัน ฉินเส้าเทียนไม่ได้เรียกอสูรที่ทรงพลังใด ๆ และคนในตระกูลมู่ก็ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว กระนั้นความเร็วที่ฉินเส้าเทียนแสดงก็ทำให้หลิวเจียนซินรู้สึกหนาวสั่น ถ้าเป็นเขาบนเวที เขามั่นใจว่าเขาก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้! ความเร็วของฉินเส้าเทียนนั้นน่าทึ่งมาก!
ฉินเส้าเทียนอยู่ในระดับหกเท่านั้น เขาเร่งความเร็วแบบนั้นได้ยังไง?
หลิวฉิงเฟิงกังวลมากขึ้นกว่าเดิม เขาเม้มปากแน่น ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ
“นั่นเร็วมาก!”
“ ฉัน ฉันมองไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ…” ทั้งลั่วเฟิงเทียนและซูหยานหยิงต่างตกใจมากจนคิดอะไรไม่ออก
เช่นเดียวกับพวกเขา ซูหลิงเยวี่ยและยู่เว่ยหานกำลังจ้องมองเวทีอย่างเหม่อลอย พวกเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าการแข่งขันครั้งนี้จะจบลงอย่างรวดเร็ว เหนือสิ่งอื่นใด คู่ต่อสู้ของฉินเส้าเทียนมาจากตระกูลมู่! “ ฉินเส้าเทียน…” ซูหลิงเยวี่ยมองอย่างกังวล เธอสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์
ยู่เว่ยหานสังเกตเห็นความตึงเครียดของซูหลิงเยวี่ย ทันใดนั้นยู่เว่ยหานก็รู้สึกเสียใจกับเธอ ซูหลิงเยวี่ยเป็นคนที่ต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้ แค่คิดก็สยองแล้ว!
ฉินเส้าเทียนลงจากเวทีแล้ว ให้คู่ต่อไปขึ้นไปทำการต่อสู้ ในไม่ช้าก็ถึงตาของหลิวเจียนซิน!
ในฐานะหนึ่งในผู้สมัครที่มีแนวโน้มจะคว้าอันดับหนึ่ง หลิวเจียนซินได้รับเสียงเชียร์ทันทีที่เขาออกมา ก่อนที่มังกรของซูหลิงเยวี่ยจะเปิดฉากการโจมตีรุนแรง ทุกคนเชื่อว่าผู้ชนะในกลุ่ม D จะต้องเป็นฉินเส้าเทียนหรือหลิวเจียนซิน
ทั้งสองมีศักยภาพ
แต่ทว่า ซูหลิงเยวี่ยก็ออกมาและทำให้ผู้ชมตกตะลึง การแข่งขันของกลุ่ม D เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
ผู้ชมคิดว่าพวกเขาจะสามารถวัดประสิทธิภาพของหลิวเจียนซินจากการแข่งขันครั้งนี้ได้ และพวกเขาจะตัดสินล่วงหน้าว่าใครมีแนวโน้มที่จะชนะรอบชิงชนะเลิศของกลุ่ม D และคว้าตำแหน่ง 1 ใน 10 อันดับแรก!
อย่างไรก็ตาม เหนือความคาดหมายของทุกคน คู่ต่อสู้ของหลิวเจียนซินยอมรับความพ่ายแพ้ทันทีที่เขาขึ้นไปบนเวที
เขาไม่ได้เรียกอสูรของเขาด้วยซ้ำ
เหตุผลนั้นง่ายมาก ผู้ชายคนนั้นก็นามสกุลหลิวเช่นกัน
ความคาดหวังกลับกลายเป็นความผิดหวัง ผู้ชมอดไม่ได้ที่จะบ่น ถึงกระนั้นความไม่พอใจของพวกเขาก็ไม่สำคัญ ใครจะสามารถหยุดเขาได้ถ้าเขาตัดสินใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้?
ผู้ชมรู้สึกผิดหวังเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเห็นหลิวเจียนซินต่อสู้ได้ แต่ผู้คนก็ค่อยๆสงบลงหลังจากบ่น การแข่งขันยังดำเนินต่อไป ไม่ช้าก็เร็วหลิวเจียนซินก็ต้องสู้ ผู้ชมแค่ไม่พอใจที่ไม่เห็นเขาแสดงความแข็งแกร่งเร็วๆ
ไม่ช้า กลุ่ม D ก็มาถึงการคัดเลือกรอบสอง(แอดต้องขอโทษด้วยน้าเหมือนตอน 321 แอดจะเขียนผิดไปว่ากลุ่ม A เหลือ 98 คน ความจริงแล้วมันกลุ่มละ 10 คนน้า นี่รอบ 100 คนแล้ว)
ผลแพ้ชนะของทั้งห้าคู่ได้รับการตัดสินแล้ว ผู้ชนะทั้งห้าจะต่อสู้ในเกมตัวต่อตัวเพื่อเลือกผู้ชนะสองคนและทั้งสองจะแข่งขันในศึกตัดสิน ผู้ชนะจะได้ขึ้นครองตำแหน่ง 10 อันดับแรกทันที!ส่วนผู้เข้าร่วมอีกคนหนึ่งที่ไร้คู่จะต้องท้าทายผู้แพ้คนหนึ่งในรอบสองนี้ หลังจากชนะ เขาหรือเธอสามารถท้าทายผู้ที่แพ้ในศึกตัดสินได้ หลังจากชนะครั้งที่สองเขาหรือเธอจะมีโอกาสขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับแรก ในทางกลับกันถ้าเขาหรือเธอแพ้ให้กับผู้ที่แพ้ในศึกตัดสิน คนคนนั้นก็จะมีโอกาสขึ้นสู่สิบอันดับแรก โดยการเลือกท้าทายผู้เข้าร่วมที่ขึ้นนั่งตำแหน่ง 10 อันดับแรกแล้ว การชนะนั้นหมายความว่าคนคนนี้คู่ควรกับ 10 อันดับแรกและจะไม่มีใครคัดค้าน!
ความเป็นธรรมถูกรับประกันด้วยกฎดังกล่าว สิ่งนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ตัวเต็งจะพบเจอกันเร็วเกินไป และเสียโอกาสในการชนะอันดับดีๆ กล่าวได้ว่า ต่อให้หลิวเจียนซินและฉินเส้าเทียนพบกันในรอบที่สองนี้ ฝ่ายที่แพ้ก็ยังคงมีโอกาสไต่ขึ้นไปเป็น 10 อันดับแรกได้อยู่ดี!
บนหน้าจอ ชื่อและรูปโปรไฟล์ของทั้งห้าคนกำลังขยับ
ทุกคนรวมทั้งห้าคนต่างกลั้นหายใจ
ในไม่ช้าซูหลิงเยวี่ยก็เห็นชื่อของคู่ต่อสู้ของเธอ
เธอไม่ได้ไร้คู่
เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกันเธอรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าคู่ต่อสู้ของเธอไม่ใช่ฉินเส้าเทียน และหลิวเจียนซิน
คู่ต่อสู้ของฉินเส้าเทียนไม่ใช่หลิวเจียนซินเช่นกัน ในรอบที่สองนี้หลิวเจียนซินไม่ต้องแข่ง!
นั่นสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน ในรอบแรกคู่ต่อสู้ของหลิวเจียนซินยอมแพ้ พอมารอบสองนี้ เขาก็ไม่ต้องแข่ง! เขาเข้าไปถึงรอบสามโดยไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย!
มันไม่น่าเชื่อใช่ไหม? หลายคนในหมู่ผู้ชมคิดว่าพวกเขาควรจะสุ่มชื่อใหม่เพราะดูเหมือนมีอะไรแปลกๆ
แต่ชื่อถูกสุ่มโดยเครื่องจักร และกระบวนการนี้ได้รับการตรวจสอบโดยตระกูลใหญ่ทั้งห้ารวมถึงนายกเทศมนตรี ดังนั้นผลที่ได้ถือเป็นที่สิ้นสุด
สมาชิกในตระกูลหลิวมองหน้ากันโดยไม่พูด พวกเขากังวลว่าหลิวเจียนซิน อาจต้องเผชิญหน้ากับฉินเส้าเทียนหรือซูหลิงเยวี่ยในรอบนี้ซึ่งเป็นสาเหตุของความกังวล
ก่อนการแข่งขันของเธอ พวกเขากระตือรือร้นที่จะเห็นการแข่งขันระหว่างหลิวเจียนซินและซูหลิงเยวี่ย อย่างไรก็ตามหลังจากที่พวกเขาได้เห็นความสามารถของมังกร พวกเขาหวังเพียงว่าฉินเส้าเทียนจะต่อสู้กับซูหลิงเยวี่ยก่อนเพื่อให้ทั้งสองได้รับความทุกข์ทรมาน
ในกรณีนี้โอกาสที่หลิวเจียนซินจะชนะจะเพิ่มขึ้น!
“ พี่เจียนซิน พี่โชคดีมาก!”
“ช่างน่าประหลาดใจ พี่เจียนซินฉันไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้!”
“จิ๊จิ๊ ลาก่อน นี่คือโชคชะตา!”
“ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอสำหรับตัวเอกในนวนิยาย พวกเขาต้องต่อสู้จนจบและทำให้โลกตกตะลึง!”
“ เฮ้ ดูเหมือนนายจะรู้มาก!”
สมาชิกตระกูลหลิวอุทาน
หลิวเจียนซินยอมรับความจริงในที่สุด นี่เป็นความโล่งใจสำหรับเขาเช่นกัน ในขณะเดียวกันเขาก็ยิ้ม ใช่ ชัยชนะของเขาดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย
“เจียนซิน…”หลิวฉิงเฟิงหันกลับมาหาเขา จากนั้นก็เงียบไปนาน “ดีมาก!”
หลิวเจียนซินงงงวย
ฉันทำอะไร?ดีอะไร?
ตอนนี้ที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ หลิวเจียนซินก็สังเกตเห็นว่าวันนี้เขาโชคดีที่สุด ปัจจุบันกลุ่ม D เป็นกลุ่มที่ยากที่สุด ฉินเส้าเทียนเป็นคนที่ตระกูลใหญ่มองว่าอันตรายที่สุด และเขาก็อยู่ในกลุ่ม D เช่นกัน ผู้หญิงไร้สาระที่อ้างว่ากำลังจะเป็นแชมป์ยังแสดงให้เห็นถึงพลังที่น่ากลัว ทั้งหมดนี้ทำให้กลุ่ม D กลายเป็นกลุ่มที่น่ากลัวสุด
ทั้งฉินเส้าเทียนและหญิงสาวถือเป็นภัยคุกคาม ไม่ว่าหลิวเจียนซินต้องต่อสู้กับใคร เขาจะโชคร้ายและอีกคนจะได้เปรียบ แต่เขาเป็นคนที่ได้เปรียบในขณะนี้ แม้แต่โชคชะตาก็ยังช่วยเขา!
ตระกูลฉิน “ แย่จังเขาคนนั้นได้เปรียบ”
“ กล่าวคือเส้าเทียนน่าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้น”
“ คล้ายกับหลิวเจียนซิน ผู้หญิงคนนั้นอันตราย ฉันไม่คิดว่ามังกรจะใช้พลังเต็มที่ออกมาแล้ว ฉันสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นมีอสูรตัวอื่นเพื่อปกป้องเธออีกหรือเปล่า ถ้าไม่เช่นนั้นด้วยความเร็วของเส้าเทียน เขาสามารถทำให้เธอแพ้ได้ในหนึ่งวินาที!” สมาชิกตระกูลฉินพยายามวิเคราะห์สถานการณ์ของฉินเส้าเทียน
ฉินเส้าเทียนเอนกายพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ เมื่อผลการสุ่มออกมา เขาก็เหลือบมองหญิงสาวในระยะไกลและสังเกตเห็นร่องรอยแห่งความสุขบนใบหน้าของเธอ
ฉินเส้าเทียนยิ้ม จากนั้นเขาก็หันไปหาตระกูลหลิว รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าคนในตระกูลหลิวตื่นเต้นแค่ไหน
รอบที่สองของกลุ่ม D เริ่มขึ้นแล้ว คู่แรกคือซูหลิงเยวี่ยและคู่ต่อสู้ของเธอ ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้มาจากห้าตระกูลใหญ่หรือจากสถาบันที่มีชื่อเสียง เขาจบการศึกษาจากสถาบันทั่วๆไป และได้รับประสบการณ์จากการเสี่ยงชีวิตในดินแดนรกร้าง
ผู้ตัดสินกล่าวชื่อของพวกเขา ซูหลิงเยวี่ยลุกขึ้นจากที่นั่งและขึ้นไปบนเวที
เธอยืนอยู่ในเส้นสีแดง เรียกมังกรจันทราเหมันต์ออกมาทันที
ผู้ชมต่างพากันส่งเสียงเชียร์ ตะโกนเรียกชื่อของเธอ
คู่ต่อสู้ของซูหลิงเยวี่ยกระโดดขึ้นไปอีกด้านหนึ่งของเวที
ชายหนุ่มยังคงหน้านิ่ง ราวกับว่าผู้คนที่ตะโกนร้องชื่อของเธอไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขา
เขาค่อยๆดึงดาบออกมา และเรียกอสูรของเขาออกมาหลังเส้นสีแดง
พวกมันอยู่ที่ระดับเจ็ด และทั้งคู่ก็มาถึงจุดสูงสุดแล้ว หากไม่มีมังกรจันทราเหมันต์ ผู้คนจะต้องกรีดร้องและประหลาดใจกับอสูรอีกสองตัว อย่างไรก็ตาม มังกรจันทราเหมันต์อยู่ที่นี่และผู้ชมก็ได้เห็นอสูรอื่น ๆ ที่มีสายเลือดระดับเก้ามามากมาย ผู้ชมจึงถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
“ฮึ!”
ชายหนุ่มยิ้มเยาะ อสูรต่อสู้ทั้งสองเป็นเพียงของปลอม ไพ่ตายในมือของเขาคืออสูรที่ซ่อนอยู่
แต่ก่อนอื่นเขาจะต้องเอาชีวิตรอดจากลำแสงน่ากลัวที่ปล่อยออกมาจากมังกรให้ได้ก่อน “ พื้นผิวโค้ง…” ชายหนุ่มพึมพำ
มีแสงสีขาวสว่างวาบในดวงตาของอสูรตัวหนึ่ง แสงรอบตัวบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นบางมากจนแทบมองไม่เห็น แต่ผู้ตัดสินกลางอากาศเห็นมัน เขาเพียงแค่เหลือบมองชายหนุ่มแบบสบาย ๆ โดยไม่พูดอะไร เขาสามารถปลดปล่อยทักษะและเรียกอสูรต่อสู้ล่วงหน้าได้ ตราบใดที่เขาไม่ก้าวข้ามเส้นสีแดงก่อนการแข่งขันจะเริ่ม
การต่อสู้ระหว่างนักรบอสูรไม่ได้เป็นการทดสอบเพียงความดุร้ายของอสูรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวางแผนและกลยุทธ์ของนักรบอีกด้วย แน่นอนว่าเว้นแต่อสูรนั้นจะดูน่าเกรงขามเกินไป
“ดี?อสูรแสงจันทร์?”
ซูหลิงเยวี่ยยืนอยู่ด้านข้างเวที เธอสามารถจดจำอสูรต่อสู้สองตัวที่คู่ต่อสู้ของเธอเรียกออกมาได้ทันที อสูรตัวหนึ่งเป็นอสูรตระกูลปีศาจ และอีกตัวเป็นตระกูลธาตุ อสูรตระกูลธาตุสามารถใช้ทักษะเกี่ยวกับลมได้
อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งในชั้นเรียน อาจารย์ของเธอกล่าวโดยบังเอิญว่าอสูรแสงจันทร์มีความสามารถมากกว่านั้น มีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะเรียนรู้ทักษะเกี่ยวกับแสง! เธอเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ดีที่สุดในสถาบันมาโดยตลอดและเธอก็ไม่ได้เป็นที่ 1 โดยไม่มีอะไรดี เขาได้เห็นสิ่งที่ฉันทำได้มาแล้ว แทนที่จะยอมแพ้ เขากลับเลือกสู้กับฉัน หรือเขามีไพ่ตาย?ซูหลิงเยวี่ยคิด ในเวลานั้นผู้ตัดสินประกาศให้การแข่งขันเริ่ม ทันทีที่ผู้ตัดสินพูดจบ ความเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของซูหลิงเยวี่ย เธอออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว “มังกรคำราม!”
“ การรับรู้!”
“ คลื่นแสงทะลุทะลวง!” ทักษะที่แตกต่างกันสามอย่างถูกปลดปล่อยในเวลาเดียวกัน
อีกครั้งที่เสียงคำรามมังกรดังก้องไปทั่วทั้งสถานที่!
เขาเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว ชายหนุ่มอาศัยทักษะของอสูรตัวหนึ่งเพื่อปิดประสาทสัมผัสของเขา นั่นเป็นทักษะทางจิตที่อสูรของเขาเรียนรู้ อสูรต่อสู้ทั้งสองไม่มีสายเลือดขั้นสูง แต่ทั้งคู่มีพรสวรรค์ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะต่อสู้กลับในตอนนี้ โดยที่เขาไม่สนใจเสียงคำรามมังกร อย่างไรก็ตามในขณะนั้นเอง แสงกลับสว่างจ้าเข้ามาในดวงตาของเขา โลกเบื้องหน้าของเขากลายเป็นสีขาวโพลน!
ฉันทำได้…
เขานึกถึงทักษะ“ พื้นผิวโค้ง” แต่หัวใจของเขาก็ยังดีดขึ้นคอ
จากนั้นเขารู้สึกถึงอันตรายแก่ชีวิต
ลำแสงนั้นเล็งมายังจุดที่เขาอยู่จริงๆ!
ปัง!!
เวทีสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ลำแสงกระทบกับพื้น ทำให้พื้นทั้งหมดในสถานที่สั่นสะเทือน !! ลำแสงตกห่างจากเขาไม่ถึง 10 ซม. อากาศที่แผดเผาส่งมาถึงเขา และความกลัวก็ทำให้หัวใจของเขาหยุดเต้น
พลาดเป้า?
ชายหนุ่มพยายามอย่างยิ่งที่จะหันกลับไป มองรอยประทับที่ถูกทิ้งไว้จากลำแสง
ก่อนที่เขาจะมีเวลาพอที่จะดีใจกับความโชคดีของเขา เขาก็ได้ยินผู้ตัดสินประกาศว่าเขาแพ้!
เสียงประกาศดังตบหน้าเขา ทำให้เขาหายใจลำบาก เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า“ ฉันยังไม่ยอมแพ้!”
ผู้ตัดสินตวัดสายตามอง “ คุณคงจะตายไปแล้วถ้าเธอไม่เมตตา คุณคิดว่าทักษะระดับเจ็ดสามารถทำอะไรทักษะระดับแปดของมังกร ‘การรับรู้’ได้หรือไง?”
ชายหนุ่มพูดไม่ออก
ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกโล่งใจหลังจากที่ได้ยินว่าเธอชนะ นี่คือสิ่งที่เธอคาดหวัง เธอเรียกมังกรจันทราเหมันต์กลับและจากไปโดยไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป
อีกครั้งเธอเอาชนะคู่ต่อสู้ของเธอได้ในพริบตา
และอีกครั้งผู้คนต่างโห่ร้องแสดงความดีใจกับเธอ
ลำแสงนั้นไม่เพียงแต่เอาชนะคู่ต่อสู้ของเธอ แต่ยังทำลาย“พื้นผิวโค้ง” ต่อหน้าชายหนุ่ม เผยให้เห็นตำแหน่งที่แท้จริงของเขาและอสูร บางคนคิดว่ามังกรพลาดเป้า แต่ปรากฎว่ามังกรกำลังเล็งเป้าแท้จริง!
สำหรับช่องว่าง 10 ซม. นั้น … อย่าตลก มังกรสามารถค้นหาว่าคุณอยู่ที่ไหนจากระยะสามเมตร คุณคิดว่ามังกรไม่สามารถจัดการกับระยะ 10 ซม. ได้หรอ?
ที่พื้นที่รอ ยู่เว่ยหานมีสีหน้าลำบากใจ ขณะที่เธอเห็นซูหลิงเยวี่ยกลับมา ในที่สุดยู่เว่ยหานก็รู้สึกได้ว่าทักษะนั้นน่าตกใจและยอดเยี่ยมขนาดไหน
เธอต้องยอมแพ้เพราะทักษะนั้น!
ซูหยานหยิงและลั่วเฟิงเทียนแสดงความยินดีกับซูหลิงเยวี่ย พวกเขารู้ว่ามีโอกาสสูงที่เธอจะชนะในครั้งนี้ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นการต่อสู้ที่รวดเร็วอีกครั้ง
พวกเขาได้เห็นแล้วว่าชายหนุ่มจะต่อสู้ยังไง เขาโหดร้ายและไร้ความปรานี เห็นได้ชัดว่าเขาบ่มเพาะฝีมือมาจากดินแดนรกร้าง
อย่างไรก็ตาม ทักษะดังกล่าวจะใช้ไม่ได้เมื่อคู่ต่อสู้ของเขามีพลังเด็ดขาด!
“ พักผ่อนบ้างนะ”ซูหยานหยิงแสดงความห่วงใยซูหลิงเยวี่ย
เธอสามารถยุติการต่อสู้ทั้งสองครั้งได้อย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นเธอก็คงเหนื่อย เธอจะต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่จะคงสถานะของเธอต่อ การแสดงออกของทั้งลั่วเฟิงเทียนและยู่เว่ยหานเปลี่ยนไป ซูหลิงเยวี่ยชนะแล้ว จากนั้น…ต่อไปเธอจะต้องต่อสู้กับนายน้อยของตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองฐานหลงเจียง!
ชายหนุ่มคนนั้นแสดงความสามารถแสนน่าทึ่งออกมา โดดเด่นยิ่งกว่าเย่หลงเทียนเสียอีก เท่าที่ลั่วเฟิงเทียนและยู่เว่ยหานสามารถบอกได้ ชายหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นหนึ่งในสามผู้เข้าร่วมที่มีแนวโน้มจะคว้าแชมป์มากที่สุด!
ในเวลาเดียวกัน
ฉินเส้าเทียนลุกขึ้นยืนขณะที่ซูหลิงเยวี่ยลงจากเวที เมื่อเขายืนขึ้นทุกคนก็พุ่งเป้าไปที่เขา เขากลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจ ผู้ชมเพิ่งจะส่งเสียงโห่ร้องกับชัยชนะ แต่ในไม่ช้า เสียงเชียร์ที่น่าหลงใหลของพวกเขาก็ดังอีกครั้ง
ฉินเส้าเทียนออกจากพื้นที่รออย่างใจเย็น กระโดดขึ้นไปบนเวที ทุกคนรอคอยที่จะเห็นเขาต่อสู้เป็นครั้งที่สอง ผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ จดจ่ออยู่กับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง
ครั้งนี้การต่อสู้ของฉินเส้าเทียนก็จบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน อีกครั้งเขาเพียงเรียกไซเรนลมเพื่อเพิ่มความเร็วของเขา
ความแตกต่างก็คือคราวนี้คู่ต่อสู้ของเขาเตรียมพร้อมแล้ว ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น คู่ต่อสู้ได้เรียกอสูรมาปกป้อง และใช้ทักษะการป้องกันทั้งหมดที่เขาสามารถใช้ได้
ดังที่กล่าวมา ประโยชน์เพียงอย่างเดียวของการทำเช่นนั้นคือการยืดเวลาการต่อสู้ให้นานขึ้น
ฉินเส้าเทียนถือดาบไว้ในมือข้างหนึ่ง พุ่งตัวด้วยความเร็วสูง ฉินเส้าเทียนสามารถกำจัดอุปสรรคทั้งหมดที่ขวางทางและเข้าประชิดคู่ต่อสู้ของเขา
นอกเหนือจากผู้เข้าร่วมเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่ยังเห็นเพียงภาพเลือนรางเท่านั้น บางคนในกลุ่มผู้ชมสามารถเห็นแค่ว่าคู่ต่อสู้ของฉินเส้าเทียนพยายามโจมตีภาพเงาบางอย่าง แต่นั่นก้ไม่เกิดผล
ในที่สุดฉินเส้าเทียนก็มาถึงชายหนุ่มที่ซ่อนตัวอยู่หลังเกราะป้องกัน ด้วยการเฉือนเพียงครั้งเดียวฉินเส้าเทียนได้ตัดชั้นของการป้องกันออก ทิ้งรอยเลือดไว้บนหน้าอกของชายหนุ่ม การต่อสู้สิ้นสุดลงอย่างราบรื่น
ในที่สุดผู้ชมก็ได้สติและสรรเสริญให้ฉินเส้าเทียน
หลังจากผู้ตัดสินประกาศผล ฉินเในพื้นที่รอ ผู้เข้าร่วมหลายคนต้องตะลึง แม้แต่พวกอัจฉริยะก็ยังต้องประหลาดใจ
บนเวทียู่เว่ยหานรู้สึกว่ามีเสียงหึ่งๆอยู่ในหัว ฉากนั้นยังคงประจักษ์ชัดต่อหน้าเธอ สมองของเธอหยุดทำงานไปชั่วขณะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว