ณ พื้นที่รอ ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกได้ว่าฉินเส้าเทียนมองมา เธอรู้ว่าช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดอยู่ใกล้แค่เอื้อม
เธอสูดหายใจเข้าลึก
เธอพยายามสงบสติอารมณ์และตั้งสมาธิ
เธอจำสิ่งที่ซูผิงบอกเธอได้: จงสงบสติอารมณ์บนเวทีตลอดเวลา!
อีกวิธีหนึ่งในการตีความคำพูดของเขาคืออย่าตกใจ ใจเย็น ๆ แล้วเราจะชนะ!
เธอลุกขึ้นยืน
ในขณะนี้ทุกคนละสายตาจากฉินเส้าเทียนมาที่เธอ
ผู้ชมและผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ในพื้นที่รอต่างก็มุ่งความสนใจไปที่ทั้งสองคน
ทุกคนทราบดีว่านี่จะเป็นการประลองหลักในกลุ่ม D
ผู้เข้าร่วมทั้งสองได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว ถ้าพวกเขาอยู่คนละกลุ่มกัน พวกเขาจะเป็นที่หนึ่งในกลุ่ม แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ในกลุ่มเดียวกันจึงมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะชนะ!
ซูหยานหยิงมองไปที่ซูหลิงเยวี่ยวและพูดคำให้กำลังใจ“ซูหลิงเยวี่ยโชคดีนะ”ซูหยานหยิงรู้สึกได้ว่าซูหลิงเยวี่ยกำลังยืนอยู่ภายใต้สปอตไลท์ เธอรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน
ลั่วเฟิงเทียนสวมสีหน้าจริงจังและพูดเสียงต่ำ “โชคดี!”
ยู่เว่ยหานกัดฟันก่อนที่เธอจะพูดกับซูหลิงเยวี่ย“ เธอเอาชนะฉันได้ง่ายๆ อย่าแพ้ใครล่ะ!”
เย่ห่าวที่ไปนั่งอยู่ที่อื่นเพราะรู้สึกไม่อยากเถียงกับลั่วเฟิงเทียน เข้ามาพูดว่า “ ขอให้โชคดี” เขาพูดกับซูหลิงเยวี่ย
สวี่คังก็เดินมาจากบริเวณที่นั่งของนักเรียนสถาบันแอรีส “ขอให้เธอโชคดี!”
ซูหลิงเยวี่ยสัมผัสได้ถึงคำพูดที่ให้กำลังใจเหล่านั้น ซูหลิงเยวี่ยกัดริมฝีปากและกำหมัดแน่น “ฉันจะชนะ ฉันจะ!”
ครั้งที่สอง “ฉันจะ” ดูเหมือนจะถูกบีบออกจากไรฟันเธอ เมื่อพูดอย่างนั้น เธอก็หันกลับไปที่พื้นที่ที่สมาชิกในครอบครัวนั่งอยู่
ตรงนั้นเขาจ้องมองเธอด้วยตาใส เขายิ้มและให้กำลังใจเธอ ทันใดนั้นเขาก็ขยิบตาให้เธออย่างขี้เล่น
เมฆความกังวลในใจของเธอหายไปในบัดดล เธอเข้าใจสิ่งที่เขากำลังบอกเธอด้วยสายตาของเขา เขาบอกให้เธอไป! เธอยิ้มให้เขาและหันกลับมา หลังจากที่เธอบอกลาซูหยานหยิงและคนอื่น ๆ แล้วซูหลิงเยวี่ยก็ออกจากพื้นที่รอ
เธอก้าวขึ้นไปบนเวทีด้วยสายตามุ่งมั่น
เมื่อเธอไปถึงเสียงเชียร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างตื่นเต้นกับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง ผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ในพื้นที่รอต่างกลั้นหายใจและรอดู
การต่อสู้ครั้งนี้มีความสำคัญพอ ๆ กับการแข่งขันสิบอันดับสุดท้าย!
ซูหลิงเยวี่ยไม่ได้รับผลกระทบจากอารมณ์ของผู้ชม เธอไปยังที่ของเธออย่างมั่นใจและไม่เร่งรีบ
ผู้ตัดสินยังไม่ประกาศเริ่มต้นการแข่งขัน เธอเรียกมังกรจันทราเหมันต์ทันทีที่ก้าวไปข้างหลังเส้นสีแดง ในเวลาเดียวกันเธอก็เรียกอสูรเพลิงมายา และให้มันอยู่ใกล้ ๆ เธอ
ความจริงที่ว่าเธอได้เรียกอสูรของเธอออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนคิดว่าเธอประหม่าและกดดัน
แตกต่างจากก่อนหน้านี้เธอเรียกอสูรสองตัว หลายคนเคยเห็นอสูรเพลิงมายามาก่อน และเข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำเช่นนี้ แต่บรรดาผู้ที่ไม่เคยเห็นอสูรเพลิงมายาของเธอกลับสงสัย เพราะเมื่อเทียบกับมังกรจันทราเหมันต์แล้ว อสูรเพลิงมายายังไม่แข็งแกร่งพอ ในการต่อสู้ครั้งสำคัญนี้เธอควรเรียกอสูรที่แข็งแกร่งกว่ามังกรจันทราเหมันต์ออกมา
งั้น มังกรจันทราเหมันต์คงเป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอใช่มั้ย?
หลายคนมีความคิดเดียวกัน แม้ว่าจะผิดหวัง แต่พวกเขาก็พบว่ามันเข้าใจได้ ท้ายที่สุดมังกรจันทราเหมันต์ก็แข็งแกร่งมากพอล้ว!
มันเป็นมังกรที่ดูเหมือนเพิ่งจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่สามารถใช้ทักษะระดับเก้าได้ มังกรมีคุณสมบัติที่จะเป็นอสูรหลักของเธอ!
ผู้ชมต่างก็อยากรู้ว่าฉินเส้าเทียนจะเรียกอสูรอะไรออกมา
ความสามารถของซูหลิงเยวี่ยนั้นเหนือกว่าทั้งสองคนที่ฉินเส้าเทียนชนะมา ควรถึงเวลาที่เขาจะใช้อสูรหลักของเขา
“ ฉันได้ยินมาว่ามีคนสัญญาว่าเธอจะชนะที่หนึ่ง อย่าบอกนะว่ามังกรเป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอนะ”ฉินเส้าเทียนถามซูหลิงเยวี่ย หลังจากที่เขาตรวจสอบมังกรกลายพันธุ์เกล็ดสีทองและสีเงิน
ซูหลิงเยวี่ยประหลาดใจกับสิ่งที่เขาพูด “ มีปัญหาหรือไง?” เธอขมวดคิ้ว
ภาษาที่หยาบคายนี้ทำให้ฉินเส้าเทียนประหลาดใจ ตลอดชีวิตของเขา ไม่เคยมีใครดูถูกเขา หลังจากงุนงงครู่หนึ่งเขาก็หัวเราะเบา ๆ “ ไม่ ฉันไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้น ขอให้ฉันได้เห็นพลังที่แท้จริงของมังกรเธอหน่อยละกัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว