ตอนที่ 366 ผู้ฝึกทักษะกายภาพ
“นั่นคือระดับวิชาดาบของนายหรอ? น่าผิดหวัง”หยานปิงเยว่ถาม
เธอจ้องมองฉินเส้าเทียนรอการตอบกลับของเขาหากเขาดื้อรั้นเกินกว่าจะยอมแพ้ เธอก็ไม่คิดที่จะปราณีอีกต่อไป!
”ฉัน…”
ฉินเส้าเทียนมองเธอด้วยสายตาที่สับสน
ความเย็นที่คอของเขาบอกเขาว่า…เขาแพ้แล้ว
หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าหยานปิงเยว่แสดงความเมตตา…
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาคือว่าที่ผู้นำตระกูลฉินและเธอต้องพิจารณาเรื่องนี้เขาคงจะตายไปแล้ว!
เขาใช้เพียงทักษะเดียวยังมีอีกมากที่เขาไม่มีโอกาสได้ใช้ นี่มันอะไร? เขาแพ้อีกแล้ว
ไม่เคยมีกฎกำหนดว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องวางไพ่บนมือทั้งหมดลงบนโต๊ะก่อนที่พวกเขาจะตัดสินว่าใครแข็งแกร่งกว่าและใครอ่อนแอกว่า
นี่คือการต่อสู้ไม่ใช่เกมไพ่
ในตอนนั้นเขาเลือกที่จะใช้ทักษะนั้นเพื่อต่อสู้กับเธอแต่เขาตัดสินความแข็งแกร่งของเธอผิด เธอทำให้เขาบาดเจ็บภายในครั้งเดียว และนั่นหมายความว่าเขาแพ้
ในการต่อสู้จะต้องมีการผสมผสานระหว่างทักษะในการมองเห็นการตัดสินการตัดสินใจ และความแข็งแกร่ง!
ฉินเส้าเทียนก้มหน้าลงและพูดด้วยเสียงต่ำ“ ฉันยอมแพ้…”
เขาแพ้ในการแข่งขันดาบเขาแพ้ผู้หญิงคนหนึ่งและอยู่ในระดับเดียวกัน
เขาผิดหวังเจ็บปวด และเสียใจ
ครู่หนึ่งเขารู้สึกว่าความหวังทั้งหมดถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
หยานปิงเยว่ยังคงหน้านิ่งขณะที่เธอได้ยินฉินเส้าเทียนยอมรับความพ่ายแพ้ เธอบอกให้อสูรของเธอหยุดทันที
มังกรลาวาที่ยังติดอยู่ในคุกผลึกเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาเศร้าโศกมังกรเห็นว่าเจ้านายของมันอยู่ในอารมณ์ที่อ้างว้างเพียงใด มังกรไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเจ้านายของมัน
มังกรกำลังประสบกับอารมณ์ที่ขุ่นมัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนมันไม่พอใจมังกรลาวาคำรามขึ้นกลางอากาศ!
ในระยะไกลทาสโลหิตหยุดชั่วคราวแล้วส่งเสียงกรีดร้องอย่างดุเดือดหมอกมืดจำนวนมากไหลออกมา ทาสโลหิตบังคับให้ไวเปอร์นรก และมังกรสมุทรผลึกไปหาเจ้านายของมัน
ทาสโลหิตข้ามระยะทางหลายร้อยเมตรในพริบตา
ทาสโลหิตตัวใหญ่หยุดอยู่ตรงหน้าฉินเส้าเทียน
ด้วยดวงตาสีแดงฉานที่น่ากลัวทาสโลหิตจ้องมองฉินเส้าเทียน ภาพของเขาสะท้อนอยู่ในดวงตาสีแดงเข้มคู่นั้น
ทันใดนั้นความเศร้าก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของทาสโลหิต
“แคร่ก…. อึก…”
คอของทาสโลหิตขยับมันพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
ทาสโลหิตยกแขนขึ้นราวกับพยายามที่จะลูบฉินเส้าเทียนและปลอบโยนเขาอย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันทาสโลหิตก็กลัวว่าแขนอันแหลมคมของมันจะทำร้ายเขา ขณะที่แขนของมันกำลังจะแตะหัวของฉินเส้าเทียน ทาสโลหิตก็ดึงมือกลับ คำราม !!
ทาสโลหิตเงยหน้าขึ้นและร้องโหยหวน
ข้างหลังฉินเส้าเทียนหยานปิงเยว่รู้สึกกลัวเล็กน้อยจากเสียงร้องโหยหวนนี้ เธอไม่รู้ว่าฉินเส้าเทียนกำลังคิดอะไรอยู่ เธออยู่ห่างจากอสูรต่อสู้ของเธอมากเกินไป และถูกศัตรูล้อม ถ้าทาสโลหิตมาโจมตีเธอ เธอจะตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก
เธอขยับตัวและหลบออกมาจากฉินเส้าเทียน
หลังจากที่ทาสโลหิตคำรามเสร็จมันก็จับจ้องดวงตาสีแดงเลือดของมันไปที่หยานปิงเยว่ ดูเหมือนว่าทาสโลหิตกำลังใกล้จะควบคุมไม่อยู่
คงยากสำหรับเขาที่จะจัดการกับความยุ่งเหยิงนี่
ถัดจากเวทีแถวหน้า
ทั้งฉินตู้หวงและฉินชูไห่ต่างอยู่ไม่สุขฉินตู้หวงไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้าของเขา ในขณะที่ดวงตาของฉินชูไห่ดูเหมือนจะมองเห็นปัญหา พวกเขารู้จักฉินเส้าเทียนเป็นอย่างดี นั่นเป็นชายหนุ่มที่ชอบเรียนดาบมาตั้งแต่เด็กจนถึงขั้นเสพติด เขายังวางดาบไว้ข้างเตียงด้วยซ้ำ
แต่ถึงกระนั้นเขาก็พ่ายแพ้ให้กับนักดาบคนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน
“เส้าเทียน…”
ฉินชูไห่ถอนหายใจไม่ว่าคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็จะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ หญิงสาวไม่เพียงแต่เก่งในเรื่องดาบเท่านั้น สิ่งที่น่ากลัวกว่าเกี่ยวกับเธอคือศักยภาพทางกายภาพของเธอ ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับนักรบอสูรระดับหก
ความแข็งแกร่งทางร่างกายของหญิงสาวควรอยู่ในระดับ7
หัวหน้าตระกูลคนอื่นๆ ยังคงตกตะลึง พวกเขาไม่ต้องการที่จะล้อเลียนตระกูลฉิน
ข่มขู่!
หยานปิงเยว่กำลังข่มขู่!
เธอสามารถฝ่าการป้องกันของมังกรสองตัวและผู้พิทักษ์ธรรมชาติได้ เข้าถึงทุกทางเพื่อโจมตีฉินเส้าเทียน
ฉินเส้าเทียนไม่ใช่ชายหนุ่มทั่วไปเขาได้แสดงให้เห็นถึงทักษะที่โดดเด่นเมื่อการต่อสู้ครั้งก่อน อย่างไรก็ตามเขาพ่ายแพ้ให้กับหญิงสาวในครั้งเดียว!
ฉินเส้าเทียนจะตายถ้าหยานปิงเยว่ไม่เมตตา!
ฉินเส้าเทียนอ่อนแอหรอ?
ไม่มีทาง!
ไม่มีตระกูลอื่น- ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเย่หรือตระกูลมู่ – ที่สามารถอ้างได้ว่าเด็กของพวกเขาสามารถเอาชนะฉินเส้าเทียนได้
ไม่ใช่ว่าฉินเส้าเทียนอ่อนแอเกินไป…มันเป็นผู้หญิงคนนี้ที่ทรงพลังมากเกินไป!เธอไม่ใช่คนที่จะแข่งขันด้วยได้!
ที่สำคัญไปกว่านั้นหญิงสาวเพิ่งใช้อสูรแค่สามตัวจนถึงตอนนี้ไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะมีอสูรแค่สามตัวนี้
ฉินเส้าเทียนหน้าซีดเผือดผู้ตัดสินถอนหายใจ ฉินเส้าเทียนเป็นคนท้องถิ่นจากเมืองฐานหลงเจียง ผู้ตัดสินยังไม่เต็มใจที่จะเห็นเขาพ่ายแพ้ให้กับคนนอก แต่ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง
ผู้ตัดสินบินลงมาและถามฉินเส้าเทียนเพื่อยืนยันว่า“คุณยอมแพ้ไหม?”
ฉินเส้าเทียนตัวสั่นแต่ก้มหน้าต่ำ “ใช่” เสียงของเขาแหบแห้ง
สายตาของผู้ตัดสินจ้องมองที่เขาอย่างอ้อยอิ่งขณะที่เขากระซิบว่า“ อย่าเสียใจกับความพ่ายแพ้ คุณคือผู้นำตระกูลในอนาคตของตระกูลฉิน อย่าท้อถอย”
เขาพูดจบอย่างรวดเร็วอย่างไรก็ตามเขาควรจะเป็นกลาง ไม่สามารถเข้าข้างตระกูลใด ๆ ได้ ไม่นานเขาก็บินกลับ และประกาศผล
ฉินเส้าเทียนตัวสั่นอีกครั้งหลังจากที่เขาได้ยินสิ่งที่ผู้ตัดสินกระซิบกับเขาเขาก้มหน้าในกระบวนการทั้งหมดนี้ เขาเพียงแค่หมุนตัวช้าๆ เปิดวังวน และเรียกอสูรต่อสู้ของเขากลับ
ความเงียบคือคำตอบสำหรับการประกาศของผู้ตัดสิน
ไม่มีใครคาดคิดว่าฉินเส้าเทียนจะแพ้ไม่ต้องพูดถึงว่ามันเกิดขึ้นเร็วมาก!
อสูรของพวกเขายังไม่ได้เริ่มการต่อสู้อย่างจริงจังตอนที่ฉินเส้าเทียนพ่ายแพ้ให้กับหญิงสาวคนนี้!
ในการต่อสู้ครั้งก่อนมังกรของฉินเส้าเทียนและทาสโลหิตไม่ใช่สิ่งเดียวที่ผู้คนจะรู้สึกยินดีเมื่อพูดถึงพวกเขายังยกย่องทักษะทางกายภาพของเขาด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามปรากฏว่าเขาแพ้หญิงสาวในด้านทักษะทางกายภาพ ซึ่งเป็นผู้หญิงที่อยู่ระดับเดียวกับเขา!
ครู่หนึ่งผู้ชมไม่รู้ว่าจะคิดยังไง?ผู้หญิงคนนั้นแข็งแกร่งเกินไป? หรือฉินเส้าเทียนอ่อนแอเกินไป?
“แค่นั้น?”
สวี่คังยังคงไม่เชื่อ
ซูหลิงเยวี่ยก็ตกตะลึงเช่นกันเธอไม่คิดว่าฉินเส้าเทียนจะแพ้
ทั้งเย่หลงเทียนและมู่หยวนโส้วดูบึ้งตึง
พวกเขาจะไม่พูดว่าฉินเส้าเทียนมีความสามารถมากกว่านี้แต่พวกเขายอมรับว่าฉินเส้าเทียนเป็นชายหนุ่มที่ทรงพลัง ถึงกระนั้นหญิงสาวก็เหมือนสัตว์ประหลาดเมื่อเทียบกับเขา เธอสามารถต่อสู้กับทาสโลหิตด้วยตัวเอง จากนั้นก็ลอบเข้าหาฉินเส้าเทียนและทำร้ายเขาภายในหนึ่งวินาที!
เธอช่างน่ากลัว
“ทักษะทางกายภาพของเธอดีมาก!”
เฟยหยานป๋อเฝ้าดูการแข่งขันทั้งหมดด้วยความตกใจ
การเป็นอาจารย์เขาสามารถสังเกตเห็นสิ่งต่างๆได้มากกว่าผู้ชม หญิงสาวไม่ได้เก่งแค่เรื่องดาบ เธอต้องเรียนรู้ทักษะทางกายภาพบางอย่างที่สูญหายไปนาน ทำให้ร่างกายของเธอแข็งแกร่งราวกับอสูรร้าย
อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบระดับพลังดวงดาวไม่สามารถวัดระดับความแข็งแกร่งทางกายภาพได้วิธีเดียวที่จะทราบเกี่ยวกับสิ่งนั้นคือการประเมินโดยมืออาชีพ
อย่างไรก็ตามวิธีการประเมินนั้นได้ถูกยกเลิกไปนับตั้งแต่การฝึกฝนทักษะทางกายภาพลดลง
คุณลั่วและคุณหลินต่างก็ตกตะลึงเหมือนคนอื่นๆ คนรุ่นใหม่แต่ละคนเก่งกว่ารุ่นก่อน ๆ พวกเขาเชื่อว่าหญิงสาวที่อยู่ในระดับหกอาจมีพลังมากกว่าที่พวกเขามี พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเธอได้ พวกเขาคนปกติจะไม่เปรียบเทียบกับคนประหลาดได้ยังไง
“ทักษะทางกายภาพ?”
ซูผิงรู้สึกสงสัย
แน่นอนหญิงสาวทำได้ดี
เธอเป็นคนที่มีทักษะมากสุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
“ทำไมทักษะทางกายภาพจึงไม่ได้รับการถ่ายทอดจากคนรุ่นก่อน ๆ? ” ซูผิงถาม
เท่าที่เขาสามารถบอกได้เทพสวรรค์และเทพแท้จริงในหลุมศพกึ่งเทพนั้นค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญทางกายภาพ พวกเขาจะไม่พึ่งพาอสูรทั้งหมด
“ผมไม่รู้เหตุผลที่แน่นอน แต่ผมได้ยินมาว่าเป็นเรื่องของคนรวยน่ะ…” เฟยหยานป๋อตอบ
ซูผิงยิ่งงุนงงมันเกี่ยวอะไรกับคนรวย? เฟยหยานป๋อสามารถอ่านความสงสัยของซูผิงได้จากท่าทางของเขา “ มันสมเหตุสมผลนะ ลองคิดดูสิครับ ต่อให้ทักษะทางกายภาพจะแข็งแกร่งแค่ไหน อสูรต่อสู้ก็มักเหนือกว่า แน่นอนว่านี่ใช้ไม่ได้กับหยานปิงเยว่ ผมกำลังพูดถึงคนปกติ”
“การฝึกฝนทักษะทางกายภาพเป็นเรื่องยาก และคนเราแทบจะไม่สามารถประสบความสำเร็จในเรื่องนั้นได้ พวกเขาจึงมักจะใช้เงินนั้นไปกับอสูรแทน คนรวยสามารถซื้ออสูรที่ดีเพื่อชดเชยสิ่งที่พวกเขาขาดในทักษะทางกายภาพ ดังนั้นผู้คนจึงอยากหาเงินหรือฝึกฝนพลังดวงดาว ด้วยวิธีนี้เมื่อพวกเขามีอสูรที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาจะสามารถสร้างสัญญาได้ทันที”
ซูผิงพูดไม่ออกดังนั้นจึงเป็นเหมือน “เงินเลวไล่เงินดีออก”? ซูผิงเชื่อว่าคำอธิบายนี้เป็นเหมือนเรื่องตลก มันด้านเดียวเกินไป
แต่ในทางหนึ่งเขาสามารถเข้าใจเหตุผลส่วนหนึ่งได้:ค่าใช้จ่ายในการฝึกฝนผู้ฝึกทักษะทางกายภาพนั้นมหาศาลมาก!
มีอสูรร้ายมากมายบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินมนุษย์ต้องฝึกฝนนักรบอสูรมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อปกป้องเมืองฐาน และพรมแดน ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะลงทุนทรัพยากรจำนวนมากเพื่อฝึกฝนผู้ฝึกทักษะทางกายภาพ
หลังจากคำสอนจากเทพแท้จริงในหลุมศพกึ่งเทพซูผิงก็ตระหนักว่าการพัฒนาทักษะทางกายภาพจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ต้องฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง และใช้สมุนไพรระดับสูงเพื่อปรับปรุงร่างกาย ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าการสร้างนักรบอสูรหนึ่งคน อย่างไรก็ตามฉันเป็นผู้ฝึกทักษะทางกายภาพ ซูผิงคิด
เขาไม่เคยเรียนรู้ทักษะทางกายภาพอย่างจริงจังและทักษะการต่อสู้ที่เขาได้รับมานั้นมาจากการต่อสู้ชีวิตและความตาย
แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาได้เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับการใช้อาวุธจากเทพแท้จริงและเทพสวรรค์ในหลุมศพกึ่งเทพ
เขาสามารถถือดาบและกระบี่ได้เหมือนกัน
แน่นอนว่าสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือ“หมัดขับไล่วิญญาณ” ที่เขาได้รับจากระบบ นั่นควรนับเป็นทักษะทางกายภาพลับ
มันมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ
บนเวที
หลังจากฉินเส้าเทียนยอมรับความพ่ายแพ้ทั้งเขาและหยานปิงเยว่ก็ลงจากเวที
ฉินเส้าเทียนเดินกลับไปที่ที่นั่งของเขาเขายังคงก้มหน้า ไม่มีใครบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไร เขาเอาแต่ลูบดาบในอ้อมแขน
ผู้คนไม่จำเป็นต้องถามก็รู้ว่าความมั่นใจของเขาถูกบดขยี้
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถฟื้นตัวจากความพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่ในที่ที่เขาคิดว่าเป็นที่ของเขา
หยานปิงเยว่ยังคงเฉยชาเหมือนเดิม;ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใช้พลังมากนักในระหว่างการต่อสู้ หลังจากที่เธอนั่งลงแล้ว เธอก็พูดกับฉินตู้หวงว่า“ ขอโทษ”
มันเหมือนเป็นการเหน็บแนมมากกว่าการขอโทษ
ฉินตู้หวงหน้าตึงอย่างไรก็ตามหญิงสาวดูเหมือนจะไม่ได้สนใจ ฉินตู้หวงขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าผู้คนจากสถานที่นั้นคงโดนปลูกฝังมาตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็ก และพวกเขาคงขาดภูมิปัญญาทางโลก ด้วยความคิดนั้นฉินตู้หวงจึงตอบกลับด้วยเสียงเบาว่า “อืม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว