ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 372

ตอนที่ 372 เข้าร่วม
  “ไม่ต้องห่วง มันจะไม่เป็นไร” ซูผิงพูดกับซูหลิงเยวี่ย
  เมื่อทราบผลแล้วดวงตาของซูหลิงเยวี่ยที่ลุกลี้ลุกลนจนทำอะไรไม่ถูกก็หายไป ความสุขและความหวังเปล่งประกายออกมาจากดวงตาของเธอ เธอถามเขาอีกสองสามครั้งเพื่อยืนยันผล และเขาก็พยักหน้าให้เธออย่างจริงจัง เธอไม่แน่ใจ เธอสงสัยว่าเขาแค่ปลอบเธอหรือเปล่า
  “ก้อนน้ำแข็ง…”
  ซูหลิงเยวี่ยเดินไปและลูบอุ้งเท้าของก้อนน้ำแข็ง“ฉันจะไม่ขอให้เธอทำในสิ่งที่ไม่ชอบอีกแล้วนะ” เธอกล่าวด้วยความรู้สึกเสียใจ และรู้สึกผิด
  การหายใจของมังกรจันทราเหมันต์สงบลงมันพยักหน้าให้เธอด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
  ซูผิงมีความสุขที่มังกรจันทราเหมันต์ปลอดภัยวินาทีต่อมาความเย็นชาก็กลับมาที่ใบหน้าของเขา และเขาก็ระเบิดจิตสังหารออกมา!
  โห่!
  ในระหว่างนั้นคนสองคนก็รีบขึ้นมาบนเวทีตรงที่หยานปิงเยว่อยู่มันคือหยินเฟิงเซียวและจ้าวอู่จื่อ
  พวกเขากังวลและประหม่าเมื่อพวกเขาเห็นว่าหยานปิงเยว่สูญเสียมือ ทั้งสองก็ประหลาดใจซึ่งในไม่ช้าก็กลายเป็นความโกรธเกรี้ยว! “กล้าดียังไง?!”
  ”ไอสารเลว!”
  หยินเฟิงเซียวกำลังเดือดด้วยความบ้าคลั่งเนื่องจากชายหนุ่มยังคงยืนอยู่ตรงนี้โดยหันหลังให้เขา หยินเฟิงเซียวจึงยกมือขึ้นและสร้างมือพลังงาน และคว้าออกไป
  โฮก!
  ซูผิงไม่หันกลับไปดูสุนัขมังกรดำสังเกตเห็นการโจมตีที่เข้ามา มันจึงร้องแล้วปล่อยลูกบอลไฟออกมา
  ปัง!
  ลูกไฟนั้นกระแทกเข้ากับมือพลังงานทำให้เกิดคลื่นกระแทกในอากาศ พลังของทั้งสองหยุดซึ่งกันและกัน
  หยินเฟิงเซียวไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายซูผิงเขาแค่ต้องการดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มและบังคับให้เขาหันกลับมา เขาต้องการคำตอบ แน่นอนเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าสุนัขมังกรดำจะกระโดดออกมา
  หยินเฟิงเซียวมองไปที่สวี่คังในระยะไกลพร้อมกับการแสดงออกที่มืดมนบนใบหน้าของเขา
  เมื่อหยินเฟิงเซียวกำลังจะทำการเคลื่อนไหวอีกครั้งนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสามจากรัฐบาลก็รีบขึ้นมาบนเวที หลังจากที่พวกเขาสังเกตเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังเกิดการควบคุม พวกเขาก็มาอยู่ตรงหน้าหยินเฟิงเซียว
  พวกเขาทั้งสามมาเพื่อหยุดเขาเมื่อตระหนักถึงความตั้งใจของพวกเขาใบหน้าของหยินเฟิงเซียวก็ขุ่นมัว “ นี่เป็นวิธีการทำงานในเมืองฐานหลงเจียงของพวกคุณ? นักรบอสูรกิตติมศักดิ์กลั่นแกล้งนักรบอสูรระดับหกเนี่ยนะ? ผู้ใหญ่กลั่นแกล้งผู้เยาว์โดยการทำผิดกฎของการแข่งขันเนี่ยนะ?” เขาร้อง
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สามคนจากรัฐบาลต่างก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพวกเขาหันกลับไปมองด้านหลังของชายหนุ่มด้วยความกลัว ความจริงที่ว่าชายหนุ่มสามารถทำลายผนึกได้ด้วยหมัดเดียว ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว
  ผนึกควรจะสามารถต้านทานการโจมตีจากนักรบอสูรในตำนานได้!
  แน่นอนว่านักรบอสูรในตำนานที่แท้จริงมีพลังพอจะทำลายผนึกได้
  ชายหนุ่มต้องออกแรงเต็มที่เมื่อเขาชกออกมาด้วยความโกรธแต่ความจริงที่ว่ามีรูปรากฏบนผนึกก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าความแข็งแกร่งของชายหนุ่มว่าใกล้เคียงกับระดับตำนานมาก
  เขาอาจจะเป็นชายชราระดับเก้าขั้นสูงสุดที่สวมภาพลักษณ์ชายหนุ่ม!
  เขาอาจเป็นหนึ่งในผู้ที่ทรงพลังที่สุดที่ระดับเก้าขั้นสูงสุด!
  หนึ่งในสามจากรัฐบาลพยายามที่จะทำให้หยินเฟิงเซียวสงบลงโดยเร็ว“คุณหยินนี่เป็นอุบัติเหตุ ได้โปรดสงบความโกรธของคุณ เรามีผู้คนมากมายที่นี่ … คุณจะทำให้ที่นี่พังไม่เป็นท่าถ้าคุณต่อสู้ที่นี่”
  ”เขาพูดถูกทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ ให้เราคุยแทนกันก่อนนะครับ” อีกคนหนึ่งกล่าวเสริม
  หยินเฟิงเซียวหัวเราะออกมาด้วยความโกรธสุดขีด
  เข้าใจผิด?
  หากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มกำลังยุ่งอยู่กับการรักษามังกรเขาก็นึกไม่ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น!
  ถ้าหยานปิงเยว่ต้องตายที่นี่นั่นจะเป็นความผิดของเขา
  หยินเฟิงเซียวไม่คิดว่าทั้งสามจากรัฐบาลซึ่งเคารพพวกเขาอย่างมากและเข้าใจภูมิหลังของพวกเขาจะพูดปกป้องชายหนุ่มคนนั้นในขณะนี้
  พวกเขากังวลเกี่ยวกับการต่อสู้ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาว่าจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่นี่?
  หยินเฟิงเซียวกัดฟันเขาเข้าใจว่าถ้าเขาต้องต่อสู้กับชายหนุ่ม ผลกระทบของการต่อสู้อาจจะทำลายสถานที่จัดงาน
  นอกจากนี้ชายหนุ่มก็ไม่ได้อ่อนแอวิธีที่ชายหนุ่มทำลายผนึกด้วยหมัดเดียวยังคงชัดเจนต่อหน้าต่อตาของหยินเฟิงเซียว ชายหนุ่มคนนี้น่าเกรงขาม หยินเฟิงเซียวไม่มั่นใจว่าเขาจะเอาชนะชายหนุ่มได้
  ”คุณ…”
  หยินเฟิงเซียวหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมตัวเองและระงับความขุ่นเคือง “ บอกมาว่าคุณจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?คุณหนูหยานโดนทำร้ายทั้งที่ไม่สมควรได้รับ คุณต้องให้คำอธิบายกับเรา!”หยินเฟิงเซียวกัดฟัน ทั้งสามจากรัฐบาลยิ้มฝืน ๆ
  พวกเขาเหลือบมองเหล่าหัวหน้าตระกูลโดยหวังว่าพวกเขาจะเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยระหว่างสองฝ่ายที่กำลังทะเลาะกันแต่กลับเห็นว่าพวกเขาทั้งหมดนั่งอยู่ที่นั่นอย่างสบาย ๆ ราวกับว่าไม่มีเรื่องใดเกี่ยวข้องกับพวกเขา
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สามจากรัฐบาลกำลังปวดหัวพวกเขามาเพื่อหยุดการโต้เถียง และเข้าข้างชายหนุ่มเพราะพวกเขารู้ว่าชายหนุ่มเป็นเจ้าของร้านนั้น … หรืออย่างน้อยก็เป็นเจ้าของที่ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนจนถึงตอนนี้
  มีบางอย่างที่น่าสยดสยองเกิดขึ้นในร้านนั้น
  ข้อมูลของเหตุการณ์นั้นถูกเก็บไว้เป็นความลับและไม่มีใครกล้าพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ หน่วยงานระดับสูงในรัฐบาลกลัวว่าเจ้าของร้านจะตำหนิพวกเขาที่ปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหล
  ที่ถูกคือในฐานะนักรบอสูรกิตตมศักดิ์ที่ได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลทั้งสามคนรู้ว่ามีใครบางคนที่น่าเกรงขามปกป้องร้านค้าและอาจมีนักรบอสูรในตำนานเข้ามาเกี่ยวข้อง
  นั่นคือเหตุผลที่ทั้งสามต้องก้าวออกมาและหยุดการต่อสู้ในกรณีที่เจ้าของร้านค้าอายุน้อยและหยินเฟิงเซียวกลายเป็นศัตรูกันไม่ว่าฝ่ายใดจะโชคร้ายมันจะเป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับเมืองฐานหลงเจียง! “ ไม่จำเป็นต้องคุย หนี้เลือดต้องชำระด้วยเลือด!”จ้าวอู่จื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสามหันไปมองจ้าวอู่จื่อโดยไม่พูดอะไรนั่นคือคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับกิตติมศักดิ์ เป็นคนที่สามารถเข้าถึงระดับตำนานได้? ทำไมคนอย่างเขาถึงจะมาขอโทษคุณหนูหยาน??
  ทั้งสามรู้ว่าจ้าวอู่จื่อพูดแบบนั้นเพื่อกดดันพวกเขา
  “โปรดรอที่นี่ผมจะไปคุยกับเขา” หนึ่งในสามคนจากรัฐบาลทำหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ
  จากนั้นเขาก็บินไปอีกด้านอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาพยายามเข้าใกล้ชายหนุ่ม สุนัขมังกรดำก็เห่าเขา และปฏิบัติกับเขาเหมือนศัตรู
  ชายคนนั้นหยุดห่างออกไปกว่าสิบเมตรและพูดกับซูผิงว่า“ คุณ…ต้องเป็นคุณซูเจ้าของร้าน คุณคิดว่าเราควรทำยังไงกับเรื่องนี้ครับ? ”
  ชายคนนี้ใช้ถ้อยคำของเขาอย่างระมัดระวังและรู้สึกกระอักกระอ่วน
  หากชายหนุ่มคนนี้อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับกิตติมศักดิ์เขาจะถูกปราบได้อย่างง่ายดาย ท้ายที่สุดเขาอยู่เพียงขั้นกลางของระดับกิตติมศักดิ์; เขาต้องปฏิบัติต่อชายหนุ่มด้วยความสุภาพ
  เมื่อเสียงของเขาจางหายไปความเงียบก็คงอยู่สองสามวินาที
  ซูผิงค่อยๆหันกลับมาจ้องมองชายคนนั้นอย่างไร้อารมณ์ จากนั้นก็เหลือบมองไปที่คนสองสามคนในระยะไกลที่กำลังรอการตอบกลับของเขา “คุณคิดยังไง??”
  ชายจากรัฐบาลสั่นสะท้านภายใต้การจ้องมองของซูผิงชายคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น“ อืม…เนื่องจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นระหว่างการแข่งขัน คุณซู การแทรกแซงของคุณนั้นผิดกฎ”
  “กฎ?”
  ซูผิงมองไปที่เขา“ พวกคุณปฏิบัติตามกฎงั้นเหรอตอนให้ผู้เข้าร่วมคนที่หกเข้ามาโดยไม่ได้แจ้งให้ใครรู้?นอกจากนี้ มันเห็นได้ชัดว่าเธอมีโอกาสที่จะชนะ เธอสามารถทำให้ซูหลิงเยวี่ยหมดสติเพื่อเอาชนะได้ทันที แต่เธอกลับดูถูกคู่ต่อสู้ของเธอ!” ในขณะที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ จิตสังหารของเขาก็ยิ่งรุนแรง
  ในระยะไกลหยินเฟิงเซียวและจ้าวอู่จื่อตัวสั่นด้วยความขุ่นเคือง
  ซูผิงแสดงเจตนาว่าจะไม่ขอโทษ!
  “คุณหนูหยานเข้าร่วมเป็นคนที่หกแล้วไง? เธอมีคุณสมบัติ!”จ้าวอู่จื่อแสดงความโกรธ “ หากนักรบอสูรระดับหกจากเมืองฐานของนายสามารถแข่งขันกับคุณหนูหยานได้ เรายินดีให้พวกเขาต่อสู้กัน ถ้าคุณหนูหยานแพ้เราจะยอมแพ้!”
  ”ใช่!”
  หยินเฟิงเซียวหัวเราะเยาะ“ เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของคุณหนูหยาน หากเธอผ่านกระบวนการทั้งหมดจากการคัดเลือกจะมีคนได้รับบาดเจ็บจากเธอมากขึ้น คุณหนูหยานไม่ได้เริ่มต้นแบบนั้น และนั่นช่วยให้ผู้เข้าร่วมหลายคนหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเร็วเกินไปในเกมได้! “
  ”เรากำลังให้โอกาสคนอื่น ๆ ในลีกนักรบ!”
  ชายที่ไปเจรจากับซูผิงตกที่นั่งลำบากเขามองซูผิง โดยพื้นฐานแล้วการแสดงออกของเขาบอกว่า “ดูสิคุณซูพวกเขามีเหตุผล”
  “เป็นอย่างนั้นเหรอ”
  ซูผิงเหล่ตา“ ถ้าเป็นเช่นนั้น งั้นฉันก็ขอร่วมสนุกด้วย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว