ตอนที่ 374 ผลลัพธ์สุดท้าย
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์จากรัฐบาลรู้สึกโล่งใจหลังซูผิงยอมเขาบอกหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทันทีให้ไปเอาอุปกรณ์ใหม่มา
หัวหน้าเรียกให้คนของเขาไปรับอุปกรณ์โดยไม่รอช้า
ในขณะที่ผู้คนกำลังรอเครื่องมาในสถานที่จัดงานก็เงียบแปลก ๆ
ผู้ชมที่ตกตะลึงและพูดไม่ออกก่อนหน้านี้เริ่มกระซิบกันเอง
การแข่งขันระหว่างหยานปิงเยว่และซูหลิงเยวี่ยหยุดลงเนื่องจากการแทรกแซงของซูผิง แต่ตามสถานการณ์ก่อนการแทรกแซง ซูหลิงเยวี่ยแพ้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนกังวลในตอนนี้เพราะความสนใจของทุกคนอยู่ที่ซูผิง พวกเขากระตือรือร้นที่จะค้นหาสาเหตุของผลลัพธ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะอุปกรณ์เสียหรือสาเหตุอื่น ๆ
สิ่งที่ทุกคนสนใจคือซูผิงใช้วิธีลับเพื่อซ่อนความแข็งแกร่งของเขาหรือเปล่า
แต่ก็ไม่มีใครเคยได้ยินทักษะลับเช่นนี้ท้ายที่สุดหากมีทักษะดังกล่าว อุปกรณ์และการทดสอบดังกล่าวควรได้รับการพัฒนา มิฉะนั้นการทดสอบจะไม่ยุติธรรม
“คุณหนูหยาน ขออนุญาตค่ะ”
เสี่ยวจูสาวใช้ของหยานปิงเยว่มาหาหยานปิงเยว่
”อืม”หยานปิงเยว่พยักหน้าความเย็นชาบนใบหน้าของเธอจะหายไปเล็กน้อยเมื่อเธอคุยกับสาวใช้
เสี่ยวจูวางมือของเธอเหนือข้อมือของหยานปิงเยว่ทันทีพลังดวงดาวซึมออกมาจากมือของเสี่ยวจู ข้อมือที่ถูกตัดขาดของหยานปิงเยว่เริ่มสร้างเนื้อเยื่อขึ้นใหม่
หยินเฟิงเซียวมองไปที่บาดแผลของหยานปิงเยว่“คุณหนูหยานความผิดของผมไม่สามารถชดใช้ได้แม้จะด้วยความตาย!”เขาพูดหน้าตาบูดบึ้ง
หยานปิงเยว่กระพริบตา“ ลุงหยินไม่เป็นไร เรามาจัดการเรื่องนี้กันก่อน”
หยินเฟิงเซียวพยักหน้าให้เธอจากนั้นหันกลับมาและจ้องที่ชายหนุ่ม
ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีอุปกรณ์ใหม่ก็ถูกส่งมายังสถานที่จัดงาน
เมื่อมาถึงนักรบอสูรกิตติมศักดิ์จากรัฐบาลก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในขณะที่ยืนอยู่ข้างหลังซูผิง เขารู้สึกกดดันและหายใจถี่ เหนือสิ่งอื่นใด เขาและซูผิงไม่คุ้นเคยกัน เขาจะไม่กล้าเริ่มการสนทนาใด ๆ และบรรยากาศระหว่างพวกเขาก็น่าอึดอัดมาก
”คุณซูมาถึงแล้วครับ” ชายคนนั้นพูดกับซูผิงด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันก็โบกมือส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่นำเครื่องขึ้นมาบนเวที
ซูผิงสงบสติอารมณ์ขณะที่เจ้าหน้าที่แกะอุปกรณ์ใหม่ต่อหน้าต่อตาเขา
เจ้าหน้าที่ที่ช่วยใส่อุปกรณ์กล่าวกับซูผิงด้วยความเคารพว่า“ท่านโปรดปล่อยพลังดวงดาว”
ซูผิงมองไปที่ชายคนนั้น;เขาปลดปล่อยพลังดวงดาวแบบเดียวกับครั้งก่อน
ไม่นานไฟแสดงบนอุปกรณ์ก็เริ่มสว่างขึ้น
ทุกคนจ้องตาไม่กะพริบ
ไฟริบหรี่มากขึ้นเรื่อยๆ ในไม่ช้าไฟหกดวงก็สว่างขึ้นและไม่เพิ่มอีกต่อไป สีเริ่มเปลี่ยนและหยุดที่สีส้ม
แค่นั้นนี่คือผลลัพธ์สุดท้าย
ชายจากรัฐบาลตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
หยินเฟิงเซียวและจ้าวอู่จื่อยืนนิ่งเหมือนท่อนไม้
เบื้องหลังพวกเขาการแสดงออกของหยานปิงเยว่เปลี่ยนไปและความไม่เชื่อก็เต็มสองตาของเธอ
พวกเขาสามารถอ้างว่าอุปกรณ์เสียในครั้งแรกแต่ไม่สามารถอ้างแบบเดียวกันเป็นครั้งที่สองได้!
กล่าวได้ว่าชายหนุ่มคนนี้อยู่ในระดับหกขั้นกลางพวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลย!
นั่นไม่น่าเป็นไปได้อย่างสิ้นเชิง!
เหล่าหัวหน้าตระกูลและผู้อาวุโสต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
ใน5 อันดับแรก สวี่คังและฉินเส้าเทียนจ้องมองพร้อมกับอ้าปาก ความประหลาดใจฉาบอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
การทดสอบครั้งที่สองให้ผลลัพธ์เดียวกันคราวนี้พวกเขาไม่สามารถโน้มน้าวตัวเองได้ว่าเครื่องเสียอีกต่อไป
ดังนั้นผลลัพธ์จึงเป็นจริง!
แต่ช่างแปลกประหลาดเกินบรรยายจริงๆ!
ซูผิงทรงพลังมากทั้งๆที่อยู่ในระดับหกขั้นกลางเขาเป็นมนุษย์หรือเปล่า?
”ไม่มีทาง!!”
จ้าวอู่จื่อตะโกนออกมาในทันทีด้วยความโกรธที่ครอบงำดวงตาของเขาเขากรีดร้อง“ อุปกรณ์ต้องผิดปกติแน่ หรือแกต้องทำให้อุปกรณ์รวนแน่ๆ แกไม่มีทางเป็นระดับหกได้!”
เขาไม่เชื่อผลลัพธ์ว่าชายหนุ่มที่เจาะผนึกจะเป็นนักรบอสูรระดับหก!
ขณะที่จ้าวอู่จื่อกำลังกรีดร้องหยินเฟิงเซียวก็ค่อยๆควบคุมความประหลาดใจ เขามีแววตาแปลก ๆ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
เสียงตะโกนของจ้าวอู่จื่อดึงคนจากรัฐบาลกลับมาสู่ความจริงพูดตามตรงคือจิตใจของเขายุ่งเหยิง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผลจะเหมือนเดิม อุปกรณ์ทดสอบมีราคาแพงมาก และราคาก็คือเจ็ดหลัก
ไม่น่าเป็นไปได้ที่อุปกรณ์ราคาเช่นนี้จะผิดพลาดนับประสาอะไรกับสองครั้งออกผลแบบเดียวกัน
ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นเครื่องใหม่เอี่ยมและเพิ่งแกะออกจากกล่อง
ซูผิงจ้องมองจ้าวอู่จื่อที่ยังคงกรีดร้องมองราวกับว่าชายคนนั้นเป็นวัตถุที่ไม่มีชีวิต ซูผิงไม่ได้โกรธ เขากล่าวกับชายคนนั้นจากรัฐบาล “ ต้องทำอีกไหม?”
ชายคนนั้นจ้องไปที่ซูผิงอย่างว่างเปล่า
อีกครั้งหรอ?
จะเป็นยังไงหากผลลัพธ์ยังคงเหมือนเดิมชายจากรัฐบาลคิด ทันใดนั้นความคิดก็เกิดขึ้นในหัว เขาบีบยิ้มและเสนอว่า“ คุณ ซูโปรดยกโทษให้ผม ผมต้องการใช้อุปกรณ์ทั้งสองนี้เพื่อทดสอบผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ หากผลลัพธ์ถูกต้องก็จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าอุปกรณ์ต่างๆไม่เสีย และผลลัพธ์ของคุณก็ถูกต้อง” ซูผิงมองเขาจากมุมหางตาและพยักหน้า
ชายคนนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอกเขาโบกมือและพูดกับฉินเส้าเทียนและคนอื่น ๆ ใน 5 อันดับแรก “ มาตรงนี้สักครู่”
สวี่คังและฉินเส้าเทียนมองหน้ากันพวกเขาทุกคนได้ยินสิ่งที่ชายจากรัฐบาลพูดกับซูผิง ท้ายที่สุดพวกเขาไม่ใช่พลเรือน พวกเขาสามารถได้ยินการสนทนานั้นได้
หึพวกเขากลายเป็นหนูทดลอง
สวี่คังวิ่งขึ้นไปบนเวทีโดยไม่ลังเลฉินเส้าเทียนขมวดคิ้วครู่หนึ่ง แต่ก็ตัดสินใจตามเขาไป
เย่หลงเทียนและมู่หยวนโส้วเดินตามพวกเขาไปในขณะที่ยังอยู่ในอารมณ์ที่ซับซ้อน
ในไม่ช้าทั้งสี่ก็มาถึง
ชายจากรัฐบาลสั่งให้“ทดสอบทีละคน” เขาหันไปหาผู้ชม และดูเหมือนว่ากำลังมองหาใครบางคน ในไม่ช้าเขาก็เลือกคนหลายคน เขาพูดบางอย่างกับเจ้าหน้าที่ และขอให้เชิญคนเหล่านั้นขึ้นมาบนเวที ไม่นานนอกจากสวี่คังและคนอื่น ๆ แล้วยังมีคนอีกสามคนขึ้นมาบนเวที ทั้งหมดเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบ
ในขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำการทดสอบสวี่คังและคนอื่นๆ
เริ่มจากสวี่คังและฉินเส้าเทียนผู้ที่ได้รับเชิญขึ้นมาบนเวทีจะถูกทดสอบทีละคน สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือสวี่คังอยู่เพียงระดับหกขั้นต่ำเท่านั้น!
ฉินเส้าเทียนอยู่ที่ระดับหกขั้นสูงสุดหลงเทียนและมู่หยวนโส้วก็เช่นกัน!
ผลลัพธ์ที่ได้สะท้อนความเป็นจริงในระดับของพวกเขาทั้งสี่คนได้ทำการทดสอบแล้ว จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองซูผิงด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเห็นผลลัพธ์ของทั้ง4 ชายจากรัฐบาลก็มีท่าทีขมขื่น จากนั้นเขาก็ขอให้เจ้าหน้าที่ทดสอบผู้ชมสามคน
ผลลัพธ์แตกต่างกันไปตั้งแต่ระดับสามจนถึงระดับสี่
หลังจากการทดสอบเสร็จสิ้นชายจากรัฐบาลและจ้าวอู่จื่อมีท่าที่แตกต่างกัน เบื้องหลังจ้าวอู่จื่อ หยานปิงเยว่ก็เห็นผลลัพธ์แล้วเช่นกัน เธอดูซีดเซียว
”นี้…”
ชายจากรัฐบาลหายใจเข้าลึกๆ ผลลัพธ์อยู่ในความคาดหมายของเขา ทั้งสามคนที่เขาเลือกแบบสุ่มจากผู้ชมนั้นอยู่ในระดับต่ำ และพวกเขาไม่สามารถหลอกเขาได้ อุปกรณ์พิสูจน์แล้วว่าเขาคิดถูก
กล่าวคืออุปกรณ์ได้ผล
”คุณซู…”ชายจากรัฐบาลรวบรวมความกล้าและถามซูผิง“ คุณช่วยลองอีกครั้งได้ไหม?” ซูผิงแปลกใจที่เขาไม่ยอมเชื่อ แม้ว่าซูผิงจะไม่พอใจ แต่ก็ยกมือขึ้นและอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทดสอบต่อไป
แต่นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะให้ความร่วมมือ
ความอดทนของเขามีจำกัดแม้ว่าชายคนนั้นจะมาจากรัฐบาลก็ตาม
ไม่นานผลก็ออกมา
…เหมือนเดิมผลอยู่ที่ระดับหกขั้นกลาง!
เมื่อเห็นผลลัพธ์นั้นทุกคนก็เงียบลง
สวี่คัง,ฉินเส้าเทียนที่เพิ่งเข้ารับการทดสอบจ้องมองซูผิงราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาด
ผู้ชายคนนี้อยู่ในระดับหกขั้นหลางจริงๆหรอ?!
พวกเขารู้สึกว่าสมองของพวกเขากำลังจะระเบิดในตระกูลของพวกเขา พวกเขาคืออัจฉริยะ พวกเขาสามารถเอาชนะคนอื่น ๆ ในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย แต่ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก ความสามารถไม่เพียงพอที่จะอธิบายเขา เขาเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์!
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์จากรัฐบาลจ้องไปที่ผลลัพธ์ด้วยใบหน้าที่หมองคล้ำในขณะนี้เขาไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับอุปกรณ์อีกต่อไป มันทำงานได้ดี ผลลัพธ์เป็นความจริง
ชายหนุ่มคนนี้อยู่ในระดับหกขั้นกลาง!
หัวหน้าตระกูลและผู้อาวุโสตระกูลใหญ่มีสีหน้าสับสนผ่านการทดสอบไปครึ่งทางพวกเขาก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
นักรบอสูรระดับหกสามารถทำลายผนึกได้คนแบบนั้นมีอยู่จริงได้ไง?
แม้แต่แชมป์ในลีคนักรบรุ่นก่อนๆ ก็ไม่สามารถแสดงพลังที่น่ากลัวแบบซูผิงได้!
ฉินตู้หวงหรี่ตาลงไม่มีสิ่งใดบอกว่าเขากำลังคิดอะไร ฉินชูไห่ยังคงตกตะลึง เขาจำได้ว่าเขาและซูผิงเรียกกันว่าพี่น้อง และเขาปฏิบัติต่อซูผิงในฐานะเพื่อนร่วมงาน นักรบอสูรที่เท่าเทียมกันอีกคนหนึ่งในระดับกิตติมศักดิ์ ปรากฎว่าชายหนุ่มคนนี้อยู่เพียงระดับหกขั้นกลาง ไม่ใช่แม้แต่นักรบกิตติมศักดิ์!
จำนวนนักรบอสูรระดับหกไม่ได้มีเยอะจนนับไม่ถ้วนแต่ก็มีจำนวนมากพอ พวกเขาไม่สามารถถือได้ว่าเป็นชนชั้นสูง
“กล่าวคือ ในอาณาจักรลับ…”
หัวใจของฉินชูไห่เต้นรัวเขาจำได้ว่าในอาณาจักรลับ เขาเห็นซูผิงมาและไปหลายครั้ง ทุกครั้งที่ซูผิงกลับมาเขาจะนำแกนอสูรระดับเก้ากลับมา เห็นได้ชัดว่าซูผิงฆ่าอสูรร้ายและเก็บเกี่ยวแกน
นักรบอสูรระดับหกไปยังอาณาจักรลับที่อันตรายและตามล่าอสูรร้ายระดับเก้าจริงหรอ?!
บนเวที
จ้าวอู่จื่อยังคงพบว่ามันไม่สามารถยอมรับได้
เมื่อเขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่างเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ที่มาจากหยินเฟิงเซียวที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
เสียงหัวเราะเบาๆ ของหยินเฟิงเซียวโดดเด่นในสภาพแวดล้อมที่น่ากังวลนี้ ทุกคนหันปมองเขาด้วยความสับสน ทำไมชายชราถึงหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย
“ถ้าอุปกรณ์ใช้ได้คำอธิบายก็ง่ายมาก”
ความหนาวเย็นกลับมาปรากฏบนใบหน้าของหยินเฟิงเซียว“การตั้งค่าผนึกผิดปกติและเขาทำมันแตกได้โดยบังเอิญ หรือเขาใช้วิธีลับบางอย่างเพื่อซ่อนระดับที่แท้จริงของเขา พวกคุณคิดว่ามันคืออย่างไหน?”
คนอื่นๆ ประหลาดใจกับคำพูดของเขา
แต่ไม่นานก็มีคนใกล้เวทีตอบกลับมันคือโจวเทียนหลินหัวหน้าตระกูลโจว!
“มันไม่ใช่ว่าผนึกมีปัญหา!” โจวเทียนหลินชี้
หยินเฟิงเซียวรู้สึกตกใจกับความมั่นใจของโจวเทียนหลินเนื่องจากหยินเฟิงเซียวไม่เคยมองว่าหัวหน้าตระกูลคนนี้มีความสำคัญ เขาจึงขมวดคิ้ว “ คุณหมายความว่าไง?” โจวเทียนหลินไม่พูดอะไร; เขาเพียงชี้ไปที่พื้นข้างเวทีใต้ผนึก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว