ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 429

ตอนที่ 429 การโจมตีอย่างกระทันหัน
  ในขณะที่ชายชรายื่นข้อเสนอหลายคนก็หันมาสนใจซูผิงที่แต่งตัวซอมซ่อและดูมอมแมม
  ผู้โดยสารบางคนถึงกับเริ่มอิจฉาซูผิงแน่นอนว่าเขาเจอกับโชคร้าย และเกือบตกเป็นเหยื่อของสุนัขภูตแดงที่บ้าคลั่ง อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ และจากนั้นก็ยังจะได้รับเงินเป็นจำนวนมาก
  เงินหมื่นไม่ใช่จำนวนน้อยๆเกือบเท่ากับสิ่งที่คนงานธรรมดาต้องทำงานเป็นเดือน สำหรับชายหนุ่มที่แต่งตัวไม่ดีคนนี้ เงินนี่จะต้องเป็นเงินจำนวนมหาศาล
  ทั้งจี้ซานถังและหลานสาวของเขาขมวดคิ้วพวกเขารู้สึกได้ว่าชายชราในชุดสูทกำลังจะทำให้พวกเขาขายหน้า
  ในขณะที่ทุกคนคาดหวังว่าชายหนุ่มจะรับเงินซึ่งจะทำให้เรื่องนี้จบลง แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น “ การให้เงินผมนั้นไม่จำเป็น มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่คุณควรขอบคุณผู้หญิงคนนี้จริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ คุณคงได้เห็นเลือดเมื่อมาถึงที่นี่ และถ้ามีคนบาดเจ็บ เงินจะไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นได้” ซูผิงกล่าว
  คำตอบของเขาทำให้ทุกคนตกตะลึง
  รอยยิ้มของชายชราหายไปทันทีขณะที่เขาจ้องมองชายหนุ่มด้วยความงุนงงข้อแรกชายหนุ่มปฏิเสธที่จะรับเงิน อีกข้อคือเขากำลังให้ความรู้กับเขา?
  น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูสงบแต่ความสงบในน้ำเสียงของเขาทำให้ชายชรารู้สึกอึดอัดอย่างน่าประหลาด
  เลือด?
  มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่แม้ว่าแกจะถูกกัดจนตายสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือคดีความ และสิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการใช้เงินจ่าย
  หนุ่มนี่อยากได้มากกว่าหนึ่งหมื่นหรือเปล่า?
  ชายชราในชุดสูทดูเหมือนจะไม่พอใจมากจี้ซานถังสามารถโต้เถียงกับเขาได้ และนั่นเป็นเพราะจี้ซานถังนั้นเท่าเทียมกัน แต่เด็กนี่กล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง? ชายชรายอมรับความอัปยศนี่ไม่ได้
  เขาค่อยๆเริ่มปลดปล่อยพลังของเขาชายชราในชุดสูทจ้องมองซูผิงอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าจะมีภูเขาสูงตระหง่านอยู่เหนือไหล่ของเขาสองลูกซึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปหาซูผิงพร้อมกับการจ้องมองของเขา เขาอยากจะทำให้ชายหนุ่มก้มลงกับพื้น คุกเข่า และบอกว่าขอโทษ! “ หึ คนแก่รังแกเด็ก!”
  จี้ซานถังยิ้มเยาะเขาก้าวข้ามไปก่อนที่ใครจะสังเกตเห็น เขามองซูผิงด้วยความชื่นชม จากนั้นกล่าวกับชายชราในชุดสูทว่า“ เขาไม่ได้รับเงินของคุณ และเขาไม่ผิด คุณรู้ไหม หากมีคนเสียชีวิตคุณจะไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นด้วยเงินได้ คุณคิดว่าคุณจะจัดการกับเขายังไง? ”
  ขณะที่เขาพูดคำเหล่านั้นจี้ซานถังก็ก้าวไปข้างหน้าซูผิงเพื่อปกป้องเขาจากการคุกคามของชายชรา
  ชายชราในชุดสูทเหล่ตาและใบหน้าของเขาก็ขุ่นมัว
  ในขณะที่พลังระหว่างชายชราสองคนทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้น มันคือประตูโลหะที่เปิดออก ทีมคนที่สวมชุดเกราะสีเขียวมาถึง คนเหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่ และพวกเขาอยู่ในระดับสูงตัดสินจากชุดเกราะที่พวกเขาสวมใส่ และสายสะพายไหล่
  ทั้งห้าเป็นนักรบอสูรขั้นสูง
  “รถไฟกำลังจะออกจากสถานี กลับไปที่ห้องของคุณ และอย่ามีปัญหา!” หัวหน้าทีมเป็นชายวัยกลางคน เขากล่าวเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะรู้สึกกลัวเล็กน้อยจากพลังงานที่ออกมาจากจี้ซานถังและชายชราในชุดสูท
  เจ้าหน้าที่เหล่านั้นเป็นข้าราชการจากรัฐบาลพวกเขาไม่กลัวเพราะใครก็ตามที่กล้ารุกรานพวกเขาจะกลายเป็นศัตรูกับรัฐบาล!
  ชายชราในชุดสูทหายใจแรงหลังจากเจ้าหน้าที่เข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยเขาไม่พูดอะไรและไปหาคุณหนูของเขา ก่อนที่เขาจะจากไป เขามองไปที่ซูผิงอีกครั้ง เขามุ่งมั่นที่จะจำชายหนุ่มไว้ในความทรงจำ
  จี้ซานถังสังเกตเห็นสายตาของชายชราคนนั้นซึ่งทำให้จี้ซานถังขมวดคิ้ว
  ฝูงชนกลับไปที่ห้องของแต่ละคนตามคำสั่งเจ้าหน้าที่ในไม่ช้ามีแค่จี้ซานถัง,จี้ฉิวเยว่และซูผิงที่ยืนอยู่ที่โถงทางเดิน
  “เฮ้ห้องของเราอยู่ตรงนั้น นายสามารถมามาหาฉันได้ทุกเมื่อหากมีอะไรเกิดขึ้น”จี้ซานถังกล่าวกับซูผิงอย่างใจดี
  ซูผิงไม่อธิบายใดๆและพยักหน้ารับ
  เขาเองก็สังเกตเห็นเจตนาฆ่าที่ชายชราในชุดสูทส่งมาหาเขาแต่ซูผิงไม่สนใจ ชายชราคนนั้นโชคดีแล้วที่ไม่สร้างปัญหาใด ๆ ถ้าเขาทำเช่นนั้นซูผิงจะทำให้เขากลายเป็นฝุ่น
  จี้ฉิวเยว่ไม่ได้พูดอะไรกับซูผิงตั้งแต่ซูผิงไม่รับเงิน เธอก็มองเขาดีขึ้นมากๆ แต่ก็แค่นั้น
  จี้ซานถังไม่ได้พูดอะไรกับซูผิงท้ายที่สุดพวกเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้า เขาพาหลานสาวไปที่ห้องของพวกเขา
  หลังจากพวกเขาออกไปซูผิงก็หยิบกุญแจห้องของเขาออกมา และเสียบเข้าไปในช่อง ประตูเปิดออกเผยให้เห็นห้องเล็ก ๆ ที่มีขนาดเพียงเจ็ดถึงแปดตารางเมตร มีห้องน้ำ เตียง และพื้นที่แคบๆในการเดินไปรอบ ๆ
  แน่นอนว่าการมีห้องแบบนี้บนรถไฟนั้นถือว่าน่าทึ่งมากแล้ว
  ซูผิงวางกระเป๋าเป้ของเขาไว้บนโต๊ะและนั่งลงบนเตียง
  เขากำลังเดินทางไปยังเมืองแสงศักดิ์สิทธิ์
  สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ฝึกสอนทุกคนแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นเมืองฐานคลาส A หรือที่คนมักพูดกันว่าเมืองฐานระดับหนึ่ง
  จากกว่าร้อยเมืองฐานในเขตอนุทวีปมีสามระดับคือคลาส A, B และ C มีเพียงเจ็ดเมืองฐานเท่านั้นที่เป็นเมืองฐานคลาส A!
  เมืองฐานคลาสA เหนือกว่าเมืองฐานอื่น ๆ ในทุกๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความปลอดภัย แม้แต่ราชาอสูรร้ายก็ไม่สามารถทำลายเมืองฐานคลาส A ได้!
  ในเขตอนุทวีปทั้งหมดมีนักรบอสูรในตำนานเพียงสองคนซึ่งเทียบได้กับราชาอสูรร้ายตามที่กล่าวไว้มนุษย์สามารถได้รับสิ่งสมบัติบางอย่าง และพัฒนาอาวุธบางอย่างที่สามารถยับยั้งราชาอสูรร้ายหลายตัวได้
  แม้แต่ในเมืองฐานคลาสB ผู้คนก็สามารถต่อสู้กลับภายใต้การโจมตีของราชาอสูรหรืออย่างน้อยก็สู้รอจนกว่าเมืองฐานอื่น ๆ จะมาช่วย!
  ระยะทางไปยังเมืองแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นไกลมากซูผิงเห็นว่ามีเขียนไว้บนตั๋ว การเดินทางจะใช้เวลาสองวันหนึ่งคืน! นั่นเป็นการเดินทางข้ามครึ่งหนึ่งของเขตอนุทวีป!
  ซูผิงเอนตัวพิงเตียงและจ้องมองผ่านกระจก เขาสามารถมองเห็นรางด้านนอกผ่านกระจก
  หลายขบวนกกำลังวิ่งขนานกันด้านนอกรางเป็นกำแพงหินที่เห็นได้ชัดว่าสร้างขึ้นโดยอสูรตระกูลหิน อุโมงค์ใต้ดินเป็นเหมือนถ้ำสำหรับอสูรร้าย
  ด้านข้างของรถไฟมีแสงไฟหลายแถวเมื่อมองจากระยะไกลรถไฟก็เหมือนตะขาบตัวใหญ่ที่เคลื่อนที่ไปตามใต้ดิน
  ซูผิงจ้องมองก้อนหินผ่านกระจกเขาสนใจในตอนแรก แต่เขาก็ค่อยๆเบื่อขึ้นเรื่อย ๆ เขาตัดสินใจหลับตาและพักสมอง
  เวลาผ่านไป
  รถไฟจะหยุดทุกสอง-สามชั่วโมง
  จะมีคนลงรถไฟเขาได้ยินเสียงคนเดินไปมา
  ซูผิงเริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะขณะที่รถไฟแล่น ซูผิงสามารถบอกได้ว่าพลังดวงดาวในอุโมงค์นั้นเหมาะสำหรับอสูรตระกูลหิน
  แต่เขาไม่มีอสูรเช่นนั้น
  แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการอสูรตระกูลหินเพราะสุนัขมังกรทองเป็นโล่ที่ดีที่สุดของเขา
  หนึ่งวันผ่านไป
  ซูผิงเริ่มหิวเขาหยุดบ่มเพาะและมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารบนรถไฟ
  มีร้านอาหารอยู่ไม่ไกลจากห้องโดยสารที่เขาอยู่ว่ากันว่าอาหารในร้านนั้นดีมาก และหลากหลายกว่าอาหารที่มีในห้องอาหารสำหรับเบาะนั่งแบบแข็ง เขาเคยได้ยินมาว่าห้องโดยสารส่วนตัวจะมีพ่อครัวรออยู่ภายในห้อง
  ราคาหนึ่งล้านสำหรับตั๋วใบเดียวและสามารถสั่งอะไรก็ได้ที่ต้องการ
  ซูผิงได้เจอกับจี้ซานถังและหลานสาวของเขาที่ร้านอาหาร
  พวกเขากล่าวทักทายกัน
  ซูผิงหยิบจานและนั่งลงคนเดียวเพื่อกินอาหารของเขา
  แม้ว่าพวกเขาจะเคยเจอกันแต่เขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องสนทนากัน เนื่องจากพวกเขาไม่คุ้นเคยกัน และไม่สามารถค้นหาหัวข้อสนทนาไหนมาคุยกันได้
  ซูผิงทานอาหารได้ครึ่งหนึ่งตอนที่จี้ซานถังและหลานสาวของเขาทานเสร็จ ขณะที่พวกเขาเดินผ่านโต๊ะของซูผิง จี้ซานถังกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“ ดีใจที่ได้พบนาย ไว้เจอกัน”
  จี้ฉิวเยว่แค่มองไปที่ซูผิงเธอไม่ใช่คนช่างพูด
  “อืม” ซูผิงพยักหน้าและตอบ
  จากนั้นไม่นานเขาก็ทานอาหารเสร็จและกลับไปที่ห้องของเขา
  เขายืดบิดตัวเล็กน้อยในห้องที่คับแคบก่อนจะนั่งลงบนเตียงอีกครั้งเพื่อบ่มเพาะ
  คราวนี้หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงจู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงโหยหวนที่สร้างความรำคาญให้กับหู ในระหว่างนั้นรถไฟทั้งขบวนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนซูผิงถูกเหวี่ยงตกจากเตียง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว