ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 456

ตอนที่ 456 วิวัฒนาการ
  ซูผิงเลือกตระกูลปีศาจเขาสนใจอสูรร้ายชนิดนี้เป็นอย่างมาก มันสามารถเทียบเท่ากับมังกรได้
  รองประธานไม่แปลกที่เห็นว่าซูผิงเลือกอสูรตระกูลปีศาจความมั่นใจที่ซูผิงแสดงออกมาตลอดทาง ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าซูผิงเป็นผู้ฝึกสอนระดับปรมาจารย์
  รองประธานเชื่อว่าการทดสอบครั้งนี้เป็นเพียงพิธีและไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับซูผิง
  ท้ายที่สุดซูผิงเป็นผู้ฝึกสอนที่สามารถช่วยให้มังกรจันทราเหมันต์ก้าวหน้าได้อย่างก้าวกระโดดเขาเป็นมากกว่าผู้ฝึกสอนระดับปรมาจารย์ ถ้ารองประธานรู้ว่าซูผิงใช้เวลานานแค่ไหนในการฝึกฝนมังกรจันทราเหมันต์ เขาก็สามารถคำนวณได้ว่าซูผิงอยู่ไกลจากการเป็นผู้ฝึกสอนชั้นนำแค่ไหน ในไม่ช้ารองประธานก็ส่งอสูรร้ายตระกูลปีศาจออกมา
  นี่คือจิตวิญญาณหมอกเลือดระดับเจ็ด!
  อสูรร้ายตัวนี้มีทักษะในการโจมตีทางวิญญาณแต่อ่อนแอในการโจมตีทางกายภาพ จิตวิญญาณหมอกเลือดสามารถสร้างภาพลวงตาโจมตีวิญญาณอื่น และทักษะพิเศษของพวกมันซึ่งก็คือการครอบงำวิญญาณ จิตวิญญาณหมอกเลือดสามารถรุกรานอสูรร้ายตัวอื่น และทำลายวิญญาณของอสูรร้ายได้
  นั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยากในการต่อสู้ท่ามกลางอสูรร้ายระดับเจ็ดทั้งหมด
  ในทางกลับกันจิตวิญญาณหมอกเลือดมีศัตรูตามธรรมชาติมากมายยกตัวอย่างเช่นอสูรตระกูลสายฟ้า ตระกูลเทพและมังกรที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ทักษะปีศาจหรือเทพ
  ฟ่อ!
  จิตวิญญาณหมอกเลือดเริ่มแสดงท่าทางคุกคามทันทีที่มันถูกปลดปล่อยออกมา
  มันใหญ่มากแต่มองไม่เห็นส่วนล่าง มีเพียงหัวขนาดใหญ่และน่ากลัวที่มีหมอกสีแดงเลือดอยู่ด้านบน มีแขนขาแปลก ๆ อยู่ใต้หัว
  มีข่าวลือว่าสายพันธุ์นี้มีวิวัฒนาการมาจากลมหายใจเหม็นๆของราชาปีศาจขุมนรกข้อมูลนี่ได้รับการส่งต่อโดยสหพันธ์ และไม่มีใครสามารถตรวจสอบข้อมูลเฉพาะได้ อย่างไรก็ตามเรื่องราวนี้ยังคงรวมอยู่ในภาพรวมอสูรของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
  ผู้เฝ้าสังเกตการณ์ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับโอกาสที่อสูรร้ายจะสูญเสียการควบคุมเพราะจ้าวแห่งไฟและดาวโดดเดี่ยวอยู่ที่นี่พวกเขาอยู่ข้างหลังและสังเกตอย่างเงียบ ๆ
  ตรงกลางห้องมีโล่พลังงานที่ปิดล้อมเฉพาะซูผิงและจิตวิญญาณหมอกเลือดไว้ข้างใน
  อยู่ในกรงเดียวกันกับสัตว์ประหลาด
  แต่ทว่าซูผิงเป็นสัตว์ประหลาดไม่ใช่จิตวิญญาณหมอกเลือด
  โฮก!
  จิตวิญญาณหมอกเลือดส่งเสียงร้องขณะพุ่งเข้าหาซูผิง
  ซูผิงเหลือบมองไปที่จิตวิญญาณหมอกเลือดอย่างไม่แยแสและเผยให้เห็นสนามพลังส่วนเล็ก ๆ ของเขา สิ่งที่หลั่งไหลออกมาจากสนามพลังนั้นเป็นความเย็น และความดุร้ายที่ทำให้พื้นที่ทั้งหมดภายในโล่พลังงานเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดฉุน
  จิตวิญญาณหมอกเลือดที่ชั่วร้ายก่อนหน้านี้หยุดอย่างกะทันหันความกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่น่าเกลียด และบิดเบี้ยวของมัน
  กลิ่นที่ฟุ้งกระจายทำให้อสูรร้ายรู้สึกว่ามันกำลังเผชิญกับความกลัวที่อยู่ลึกที่สุดในใจ
  นอกโล่พลังงานผู้สังเกตการณ์ต่างตกใจมากจนไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้แม้แต่คำเดียว
  ผู้ฝึกสอนมักจะต้องใช้ทักษะการฝึกฝนเพื่อกักขังอสูรป่าเถื่อนเช่นนี้อย่างไรก็ตามซูผิงไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการแสดงพลังของเขา และเขาก็ฝึกอสูรร้ายได้สำเร็จ
  ทงทงและเจิ้นเซียงจำมังกรดำซากศพได้จากนั้นพวกเธอก็เข้าใจว่าซูผิงเป็นสาเหตุที่ทำให้พฤติกรรมของมันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทงทงและเจิ้นเซียงเฝ้าดูอย่างตั้งใจมากขึ้น พยายามคิดว่าซูผิงจะผ่านการทดสอบระดับเจ็ดได้ยังไง
  พวกเธอติดการทดสอบนี้บางทีพวกเธออาจได้รับแรงบันดาลใจจากเขา
  ซูผิงก้าวไปข้างหน้าอย่างสงบและวางมือของเขาไว้บนหัวของมัน
  ไม่มีร่องรอยของความดุร้ายอีกต่อไปบนใบหน้าของจิตวิญญาณหมอกเลือดสิ่งเดียวที่แสดงออกมาคือความกลัว มวลกายของจิตวิญญาณหมอกเลือดกระตุก และหมอกก็สั่นเช่นกัน
  ซูผิงตัดสินใจที่จะใช้วิธีง่ายๆนั่นคือการใช้กฎสายฟ้าเบื้องต้น
  การทำให้จิตวิญญาณหมอกเลือดเชี่ยวชาญทักษะใหม่จากกฎสายฟ้าก็ถือได้ว่าผ่านการทดสอบ
  ซูผิงบุกโจมตีจิตใจของจิตวิญญาณหมอกเลือดด้วยจิตวิญญาณของเขาและสำรวจไปรอบ ๆ ซูผิงพบจิตสำนึกที่น่ากลัวนั้นทันที
  ซูผิงจ้องมองไปที่จิตวิญญาณหมอกเลือดในขณะที่เขาแยกแยะส่วนหนึ่งของกฎสายฟ้าเบื้องต้น และมอบส่วนนั้นให้กับจิตวิญญาณหมอกเลือด
  ความกลัวในดวงตาของจิตวิญญาณหมอกเลือดเลือนหายไป
  เนื่องจากจิตวิญญาณหมอกเลือดไม่สามารถต่อสู้กลับได้จึงต้องยอมรับสิ่งที่ซูผิงกำลังส่งต่อให้ข้อมูลจำนวนมากซึมเข้าสู่สมองของมัน เมื่อได้รับข้อมูลนี้แล้วจิตวิญญาณหมอกเลือดก็เห็นบางสิ่งที่มันกลัว สายฟ้า! สายฟ้าของเทพสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายทั้งหมด และควรนับจิตวิญญาณหมอกเลือดไว้ในรายชื่อ อย่างไรก็ตามในขณะนี้จิตวิญญาณหมอกเลือดได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับแหล่งที่มาของสายฟ้า
  จิตวิญญาณหมอกเลือดรู้สึกว่ามันถูกล้อมรอบด้วยสายฟ้านับไม่ถ้วน
  มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของสายฟ้า
  ความกลัวและความตกใจ … รวมเข้าด้วยกัน!
  ฟ่อ!!
  ทันใดนั้นจิตวิญญาณหมอกเลือดก็ส่งเสียงร้องโหยหวนดังออกมา
  ผู้สังเกตการณ์ที่ยืนอยู่ด้านนอกโล่พลังงานต่างก็ตกใจมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?
  สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้พวกเขาทั้งหมดตกตะลึง
  จิตวิญญาณหมอกเลือดซึ่งหัวอยู่ภายใต้มือของซูผิงก่อให้เกิดหมอกเลือดหนาซึ่งปะทุขึ้นทั่วร่างกายหมอกกำลังสั่น เติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันกำลังจะเตลิด!
  แต่แล้วก็มีเสียงครืดคราดดังมาจากภายในหมอกโลหิต!
  สายฟ้าแลบ!
  สายฟ้าดังก้องในหมอกเลือดสีแดงราวกับพายุที่กำลังโหมกระหน่ำ!
  และใบหน้าที่น่าเกลียดของจิตวิญญาณหมอกเลือดก็จมอยู่ใต้หมอกเลือดที่เดือดร่างกายของมันขยายออกหลายครั้ง กลายเป็นเมฆฝนสีเลือด
  ”นี่มัน…”
  รองประธานถึงกับผงะ
  ปรมาจารย์ไป่ซึ่งยืนอยู่ข้างๆรองประธานหน้าซีดในทันที
  นี่เป็นสัญญาณของวิวัฒนาการใช่ไหม?!
  เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้นหมอกโลหิตที่มีสายฟ้าอยู่ข้างในกำลังเต้นรัวราวกับหัวใจ หดตัวและขยายตัวอย่างรวดเร็ว เสียงร้องโหยหวนค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงต่ำ และกลายเป็นเสียงของสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิม ฮึ่ม!
  แขนขนาดมหึมาสองแขนงอกออกมาจากหมอกโลหิต!
  พวกมันเป็นแขนสองข้างที่แข็งแกร่งมากและมีเส้นเลือดปรากฏให้เห็น นอกจากนี้ยังมีเส้นสีดำฝังอยู่บนแขนซึ่งคล้ายกับสายฟ้า หมอกโลหิตหดตัวกลับอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นใบหน้าของจิตวิญญาณหมอกเลือด
  นั่นเป็นรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากเมื่อก่อน!
  แขนขาที่บิดเบี้ยวจำนวนมากที่ห้อยอยู่ใต้หัวหายไปเปลี่ยนเป็นสองแขนที่แข็งแกร่ง
  ร่างกายส่วนล่างของจิตวิญญาณหมอกเลือดกลายเป็นหางที่ประกอบไปด้วยหมอกเลือดหางเป็นเหมือนเปลวไฟลากพื้นจากแรงโน้มถ่วง
  ใบหน้าที่น่าเกลียดเริ่มขยายกว้างขึ้นความน่าเกลียดของใบหน้านั้นถูกแทนที่ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม! มีแสงวาบที่มองเห็นได้ท่ามกลางหมอกโลหิต ซึ่งแทบจะเป็นหัวของจิตวิญญาณหมอกเลือด!
  จิตวิญญาณหมอกเลือดยืนอยู่ตรงหน้าซูผิง
  ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ
  จิตวิญญาณหมอกเลือดพัฒนา…ในเวลาไม่นาน!
  วิวัฒนาการนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน!! ซูผิงทำอะไร?!
  สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือซูผิงวางมือของเขาไว้บนจิตวิญญาณหมอกเลือดเขาไม่ได้ใช้ทักษะที่เป็นที่รู้จัก และยังสามารถทำบางสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงได้อีกด้วย!
  วิวัฒนาการ!
  นี่มันคือวิวัฒนาการ!
  นั่นไม่ใช่อสูรขั้นต่ำแต่เป็นอสูรร้ายระดับเจ็ด เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาทีจากวินาทีที่ซูผิงวางมือของเขาบนจิตวิญญาณหมอกเลือดจนถึงช่วงที่มันพัฒนา!
  เขายกมือขึ้นและอสูรร้ายก็วิวัฒนาการ!
  เมื่อกี้คืออะไร?!
  มันน่าตกใจมากที่แม้แต่รองประธานและปรมาจารย์ไป่ก็ไม่สามารถเชื่อได้ การทำให้อสูรขั้นสูงวิวัฒนาการเป็นสิ่งที่มีเพียงผู้ฝึกสอนชั้นนำเท่านั้นที่ทำได้!
  อย่างไรก็ตามซูผิงใช้ทักษะนั้นในการทดสอบระดับเจ็ด
  นอกจากนี้กระบวนการวิวัฒนาการยังเกิดขึ้นเร็วมาก!
  สำหรับรองประธานและปรมาจารย์ไป่จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการกระตุ้นวิวัฒนาการทั้งสองคนไม่สามารถทำได้เหมือนซูผิง!
  ติงเฟิงชุนมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
  เขาเป็นผู้ฝึกสอนระดับปรมาจารย์มานานกว่ายี่สิบปีและเขาไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้ เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาพยายามสร้างแรงบันดาลใจให้อสูรขั้นสูงวิวัฒนาการ โดยการรวมพลังของสายฟ้าในการฝึก
  เขายังคงทดลองอยู่ในขณะนี้
  แต่ซูผิงทำได้แล้วและง่ายดายขนาดนี้!
  ผู้ฝึกสอนระดับปรมาจารย์?
  ไม่!ซูผิงน่าจะเป็นผู้ฝึกสอนชั้นนำ !!
  ติงเฟิงชุนรู้สึกว่าพลังทั้งหมดของเขาถูกดูดออกไปเขาไม่สามารถหยุดร่างกายไม่ให้สั่นได้
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์… และผู้ฝึกสอนชั้นนำ!
  เขาจะเป็นยังไงต่อไป?
  ผู้ฝึกสอนทั้งหมดที่ยืนอยู่ที่นี่ต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก
  จ้าวแห่งไฟและดาวโดดเดี่ยวต่างก็ตกตะลึงเหมือนคนอื่นๆ
  พวกเขาเป็นนักรบอสูรไม่ใช่ผู้ฝึกสอนดังที่กล่าวมาพวกเขาอยู่กับผู้ฝึกสอนมานานพอที่จะรู้ว่าพวกเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง
  ทั้งสองคนทำงานที่สำนักงานใหญ่เป็นเวลานานพูดคุยกับรองประธานและปรมาจารย์ไป่มาตลอด จ้าวแห่งไฟและดาวโดดเดี่ยวมีความเข้าใจในทักษะการฝึกฝนอยู่บ้าง
  การทำให้อสูรขั้นสูงวิวัฒนาการเป็นทักษะที่มีเพียงผู้ฝึกสอนชั้นนำเท่านั้นที่จะทำได้
  แน่นอนว่าผู้ฝึกสอนระดับปรมาจารย์ที่โดดเด่นบางคนก็สามารถทำได้เช่นกันแต่ก็ต้องใช้ … เวลาที่ยาวนาน
  อย่างน้อยสามถึงห้าปี!
  เวลาเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญในการประเมินคุณค่าของทักษะการฝึกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกสอนในระดับเดียวกัน
  ถ้าคุณใช้เวลาสามปีในการทำสิ่งที่คนอื่นทำได้ในสามเดือนจะถือว่าคุณอ่อนแอเกินไป
  หากเวลาไม่ใช่ปัญหาแม้แต่ผู้ฝึกสอนระดับหกบางคนก็สามารถทำให้อสูรขั้นสูงมีวิวัฒนาการได้ ตราบเท่าที่ผู้ฝึกสอนดูแลอสูรตั้งแต่ยังเด็กโดยให้คำแนะนำตลอดเวลา
  แต่นั่นอาจนานกว่าทศวรรษ!
  เมื่อถึงเวลาที่อสูรจะพัฒนามันก็สายเกินไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว