ตอนที่ 472 กฏใหม่
ซูผิงอ่านคำอธิบาย
สัญญาทาส(ขั้นต่ำ):
สัญญาที่ให้ท่านสามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์และท่านจะเป็นนายคนเดียว คู่สัญญาไม่สามารถทำร้ายเจ้านายได้ หรือสร้างพันธะอารมณ์กับเจ้านาย หรือเข้าพื้นที่สัญญาของเจ้านาย
ระยะเวลา:หนึ่งเดือน
ขอบเขตการใช้งาน:อะไรก็ตามที่ต่ำกว่าระดับดวงดาว
ราคา:หนึ่งหมื่นแต้มพลังงาน
“ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน” ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ สัญญาทาสดีกว่าสัญญาอสูรดวงดาวทั่วไป เป็นเรื่องปกติที่นักรบอสูรจะกังวลว่าอสูรของพวกเขาจะทำร้ายพวกเขาเมื่อพวกมันได้รับบาดเจ็บ จะไม่มีข้อกังวลดังกล่าวกับสัญญาทาส
เนื่องจากไม่สามารถพัฒนาพันธะทางอารมณ์ได้…
โดยทั่วไปแล้วไม่มีนักรบอสูรคนใดสนใจเรื่องนี้อสูรเป็นเพียงตัวช่วยให้กับนักรบอสูร ใครจะสนใจเกี่ยวกับความผูกพันทางอารมณ์?
สิ่งหนึ่งที่ไม่สะดวกเกี่ยวกับสัญญาทาสคือไม่สามารถนำอสูรไปไว้ในช่องสัญญาได้กล่าวคืออสูรที่เป็นทาสจะต้องอยู่ร่วมกับนักรบอสูรตลอดเวลา
นั่นจะทำให้นักรบอสูรเข้าถึงสถานที่บางแห่งในเมืองฐานได้ยากนอกจากนี้ยังจะเป็นการแจ้งเตือนศัตรูเมื่อนักรบอสูรออกรบออกไปล่าอสูร
“มาตอนนี้ก็ช่วยไม่ได้!”
ซูผิงเลิกคิ้วเขาแค่คิดว่าจระเข้สงครามเป็นภาระที่ไร้ประโยชน์ และจากนั้นเขาก็ได้สัญญาทาสนี่ มันมาถูกเวลากว่า
แต้มพลังงานหมื่นแต้มสำหรับการใช้ราชาอสูรร้ายหนึ่งเดือน
นั่นเป็นข้อตกลงที่ดีนั่นคือราชาอสูรร้ายซึ่งเป็นขั้นสูงของสภาวะสมุทร เข้าใกล้สภาวะว่างเปล่ามากขึ้น แม้แต่นักรบอสูรในตำนานก็ไม่สามารถเอาชนะราชาอสูรร้ายเช่นนี้ได้!
ซื้อมัน!
ซูผิงออกคำสั่ง
แต่เขาไม่ได้เร่งรีบในการใช้สัญญาทาสที่จะมีผลเพียงหนึ่งเดือนอย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการมันในขณะที่เขาอยู่ในร้าน
นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่เขาจะได้รับราชาอสูรร้ายที่ดีกว่าความคิดผุดขึ้นในใจของเขาและมันทำให้เขาตื่นเต้น
ด้วยความที่โจแอนนาเป็นคนในหลุมศพกึ่งเทพซูผิงสามารถขอให้เธอไปหาราชาอสูรร้ายขั้นสูงสุดของสภาวะสมุทรได้ ด้วยวิธีนี้เขาจะไม่มีศัตรูที่ต่ำกว่าระดับดวงดาวอีกต่อไป!
“แจ้งเตือน เจ้าของไม่สามารถใช้สัญญาทาสกับอสูรที่พบในสนามบ่มเพาะได้” ระบบเด้งเข้ามา เห็นได้ชัดว่าระบบแอบฟังความคิดของเขาอีกแล้ว
“ทำไมไม่ไปนรกซะ!” ซูผิงอดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลงที่ความฝันของเขาถูกบดขยี้
เสียงของระบบเรียบเฉยเมื่ออธิบายว่า“สัญญาทาสเป็นสัญญาในปัจจุบันซึ่งเป็นโลกแห่งความเป็นจริง อสูรร้ายจากสนามบ่มเพาะถูกทำเครื่องหมายด้วยกฎของสนามบ่มเพาะ สัญญาทาสคุณภาพต่ำแบบนี้ไม่สามารถลบล้างนั่นได้ มีเพียงสัญญาอสูรโบราณที่เจ้าของใช้เท่านั้นถึงสามารถลบล้างกฎเหล่านั้นได้”
ซูผิงพูดไม่ออกก่อนหน้านี้ ตอนเขาต้องการขอให้โจแอนนาจับอสูรร้ายจากหลุมศพกึ่งเทพและขายที่ร้าน แต่ระบบปฏิเสธเขาและอ้างถึงกฎของโลก กฎคืออะไร?
“นอกจากนี้แม้ว่าเจ้าของจะสามารถใช้สัญญาทาสในสนามบ่มเพาะได้ แต่เจ้าของจะไม่สามารถนำอสูรที่ทำสัญญากลับมาที่ร้านได้” ระบบพูดต่อ “ อสูรภายใต้สัญญาทาสไม่สามารถนำเก็บไว้ในพื้นที่สัญญาได้ ระบบจะรับผิดชอบในการพาเจ้าของไปและกลับจากสนามบ่มเพาะเท่านั้น ระบบจะไม่รับผิดชอบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นใดที่ไม่รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของร้านค้า”
ซูผิงเม้มปาก
ทำไมระบบถึงฟังดูภาคภูมิใจ?
ซูผิงถอนหายใจและยกเลิกสัญญาทาสอย่างไรก็ตามสัญญาทาสมีค่าใช้จ่ายเพียงหนึ่งหมื่นแต้มพลังงาน
ซูผิงเดินกลับไปที่หน้าร้านและปล่อยให้ระบบประเมินราคาของวัตถุดิบที่เขาเพิ่งซื้อมาราคาขายเท่ากับราคาซื้อ จริงอยู่…เขาไม่สามารถใช้ประโยชน์จากความต่างของราคาที่พ่อค้าคนกลางมักจะใช้กัน หรือพูดตามตรงคือเขาไม่เคยเป็นคนกลาง
ช่าง…
“คำเตือนครั้งที่หนึ่ง!”
“ช่างเป็นระบบที่น่าทึ่งจริงๆ…”
ซูผิงตัดสินใจที่จะไม่ท้าทายระบบที่ไม่ตลกด้วยเขาไม่สนใจที่จะขาย ท้ายที่สุด เขาไม่สามารถทำเงินได้เลย ทำไมเขาจะเอาตัวเองเข้าไปเจอปัญหาที่มากขึ้น?
เขามีอสูรของตัวเองที่สามารถใช้ทักษะไฟได้ด้วยตัวเอง
มังกรเพลิงนรกเป็นทั้งมังกรและอสูรตระกูลไฟ
นอกจากนี้เนื่องจากระบบได้ปฏิเสธไม่ให้เขามีโอกาสทำเงินจากวัตถุดิบนั้นหากเขาไม่มีมังกรเพลิงนรก เขายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้อาหารแก่สุนัข!
“ออกมาเถอะมังกรพ่นไฟ…ไม่สิมังกรเพลิงนรก”
ซูผิงพูดในใจวังวนมืดมิดและลึกล้ำปรากฏขึ้นข้างหลังเขา มังกรเพลิงนรกที่อาบไปด้วยไฟก็ก้าวออกมาจากวังวน
มังกรเพลิงนรกสูงมากจนมันเกือบจะถึงเพดาน
ฉากที่คุ้นเคยของร้านโพล่งเข้ามาในดวงตาของมันมังกรเพลิงนรกเก็บกลิ่นอายดุร้ายเพราะรู้ว่าซูผิงไม่ได้เรียกมันเพื่อออกมาต่อสู้
”อยู่นี่เอง”
ซูผิงโยนใบหญ้าสีแดงเลือดที่เขาใช้แต้มพลังงานหนึ่งแสนสองหมื่นไปให้มังกรเพลิงนรก
มังกรเพลิงนรกกลืนใบหญ้าทั้งหมดในขณะที่กระพริบตาด้วยความสับสนอาหารเย็นมีแค่นี้หรอ ทำไมน้อยจัง
มังกรเพลิงนรกรู้สึกราวกับว่ามันเพิ่งกินอากาศซูผิงสงสัยว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร การปล่อยให้มังกรมังกรขนาดใหญ่ยืนอยู่ในร้านค้าจะไม่สะดวก ซูผิงบอกมังกรเพลิงนรกให้ไปที่คอกเลี้ยงดูและย่อยวัสดุ
มันจะขึ้นอยู่กับชะตากรรมมาดูกันว่าความเข้าใจของมังกรเพลิงนรกจะสามารถพัฒนาได้ไหม
ในเวลาเดียวกันจงหลิงถงผู้ที่กำลังพูดคุยกับถังยู่หรานบนโซฟากำลังงุนงง
ที่เธอเห็นนั่นอะไร?
มังกรเพลิงนรก!
หนึ่งในสามที่หายากที่สุด?
เธอใช้เวลานานมากกว่าจะกลับมาได้สติเธอหันไปมองซูผิง อยากจะถาม
แม้ว่าเธอจะเกิดในเมืองฐานศักดิ์สิทธิ์ที่มีอสูรหายากและมีชื่อเสียงจำนวนมากแต่จงหลิงถงมีโอกาสน้อยที่จะได้เห็นมังกรหายากเช่นนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเคยเห็นมังกรเพลิงนรก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธออยู่ใกล้กับมัน!
นอกจากนี้เจ้าของมังกรเพลิงนรกเป็นอาจารย์ของเธอ!
”อาจารย์คะ… ”
เมื่อซูผิงเดินเข้ามาจงหลิงถงก็ไม่สามารถควบคุมความอยากรู้ของเธอได้อีกต่อไป
”ว่า?”
”คือ… นั่นคือมังกรเพลิงนรกของคุณหรือเปล่า”
”ไม่ใช่”
”ไม่”จงเหลิงถงไม่สามารถเชื่อได้ว่า “แต่มันเพิ่งออกมาจากพื้นที่สัญญาของคุณ!”
”โอ้เธอเห็นนิแล้วจะถามทำไม? ”
ปากของจงหลิงถงอ้ากว้างแต่เธอไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้
ถังยู่หรานยิ้มอยู่ในใจในที่สุดเธอก็สามารถหาเพื่อนเพื่อรับความรู้สึกว่าผู้ชายที่น่ารังเกียจเป็นยังไง
ซูผิงไม่พูดอะไรกับสองสาวอีกเขาไปที่ชั้นวางเพื่อจัดอาหารอสูร การใช้สระวิญญาณเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ เพราะฉะนั้นเมื่อเขาไปเยี่ยมหลุมศพกึ่งเทพ เขาจะต้องหาอาหารอสูรกลับมาให้ได้มากขึ้น
การพึ่งพาการฝึกอสูรเพียงอย่างเดียวไม่สามารถสร้างรายได้ที่เร็วพอเมื่อคิดถึงหลุมศพกึ่งเทพ ซูผิงพุ่งไปดูที่ห้องอสูร
ในคอกเลี้ยงดูในห้องอสูรโจแอนนาลืมตา เธอรู้สึกว่าเธอเพิ่งได้รับการกำหนดเป้าหมายจากบางสิ่งบางอย่าง
เลือดของเธอ… กำลังแข็งตัว
มีบางอย่างผิดปกติกับการบ่มเพาะหรือเปล่า?
เธอหลอนหรอ?โจแอนนาขมวดคิ้วขณะที่เธอไตร่ตรองเกี่ยวกับมัน ในที่สุดความรู้สึกนั้นก็หายไป และเธอก็ให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะ
ลูกค้าสามารถรับการฝึกทั่วไปได้โดยที่โจแอนนาดูแล ซูผิงจะใช้ผู้ฝึกซ้อมเหล่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องดูแลการฝึกทั่วไปด้วยตัวเอง
เช่นนี้ในตอนบ่ายและตอนกลางคืนซูผิงจึงไม่ได้ทำอะไรนอกจากการฝึกที่ร้าน
ในตอนกลางคืนซูผิงกลับบ้านกับโจแอนนา,ถังยู่หรานและเด็กใหม่ที่กินเก่ง เขาขอบคุณแม่สำหรับอาหารค่ำ ในขณะที่ทานอาหาร เขาพูดถึงเรื่องนี้กับแม่ว่าเธอควรจ้างแม่ครัวเพื่อที่เธอจะได้ไม่เหนื่อย
หลี่ฉิงรู่รีบปฏิเสธแบบไม่คิดเหตุผลก็คือเธอไม่มีอะไรทำที่บ้าน และการจ้างแม่ครัวจะเสียเงินเยอะไป
ซูผิงย้ำว่าเงินไม่ใช่ปัญหาแต่หลี่ฉิงรู่ก็ยังยืนกราน เธอเตรียมที่จะทำอาหารด้วยตัวเอง และไม่ใช้เงินโดยไม่จำเป็น ซูผิงยอมแพ้
ซูผิงหาห้องให้จงหลิงถงในคืนนั้นหลังจากนั้นเขาก็ไปที่ห้องนอนของเขา บ่มเพาะชั่วโมงนิดๆ และเข้านอน
กลางคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาทานอาหารเช้าที่บ้านในเช้าวันรุ่งขึ้นมีหลายคนยืนรออยู่หน้าประตูร้าน ซูผิงไม่กังวลเกี่ยวกับลูกค้า และธุรกิจของเขาอีกต่อไป ร้านของเขาจะเต็มในทุกวัน
เขาจำได้ว่าสิ่งที่ถังยู่หรานบอกเขาเมื่อวันก่อนเกี่ยวกับคนที่ขายตำแหน่งในแถวให้คนอื่นเขามองไปที่ฝูงชน และสังเกตเห็นบางคนที่ไม่ได้เป็นนักรบอสูร
แค่ยืนต่อแถวก็กลายเป็นธุรกิจได้
ซูผิงสงสัยว่าเขามีส่วนร่วมในอัตราการจ้างงานของเมืองฐานหรือเปล่า?
ฝูงชนตื่นเต้นเมื่อสังเกตเห็นการปรากฏตัวของซูผิงในเวลาเดียวกันพวกเขาก็อึดอัดเพราะเขาเช่นกัน ลูกค้าที่กล้าหาญทักทายเขา “สวัสดีตอนเช้าคุณซู!”
”คุณซู!”
ซูผิงเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยมากมายเขาจำชื่อทั้งหมดไม่ได้ แต่เขาพยักหน้ากับคนที่เขาจำได้
เขาเปิดประตูเขาพูดอะไรบางอย่างก่อนที่จะต้อนรับลูกค้าที่มาร้าน“ ผมได้ยินมาว่ามีใครบางคนในแถวที่ขายที่ในแถวให้คนอื่นแลกกับเงิน คนเหล่านั้นไม่ได้มาเพื่อรับการฝึกอสูร ลูกค้าจริงๆจะต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อให้อสูรได้รับการฝึกฝนที่นี่ …
“ด้วยเหตุนี้ผมจึงขอประกาศ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่มาต่อแถวแลกเปลี่ยนตำแหน่งได้ หากคุณจำเป็นต้องออกจากแถวก็ไม่เป็นไร แต่คุณไม่สามารถให้คนอื่นมายืนต่อแถวแทนคุณได้ หากผมพบการขายตำแหน่งกันหรือเปลี่ยนตำแหน่ง ทั้งคนที่ซื้อและขายจะอยู่ในบัญชีดำของร้าน!”
ฝูงชนเงียบลงเล็กน้อยหลายคนเริ่มมองหน้ากัน แปลกใจ ประหม่า และรู้สึกผิด ลูกค้าทุกคนทราบดีว่าซูผิงนั้นเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่เก่งมาก การที่เขาพูดคำเหล่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะควบคุมฝูงชนได้!
“ตอนนี้คนที่ต่อแถวให้คนอื่นหรือยังไงก็ตาม ผมขอให้รีบออกไป ผมจะให้อภัย” ซูผิงพูดอย่างใจเย็น เขาเดินกลับเข้าไปข้างใน โดยไม่มองไปที่ฝูงชนอีกหลังจากพูดจบประโยค
บางคนดิ้นรนมีคนก้าวออกจากแถวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ลูกค้าที่อยู่ด้านหลังแถวเขยิบมาข้างหน้าพวกเขาเคยคิดว่าจะไม่มีวันนี้ ถึงกระนั้นเมื่อมีผู้คนจำนวนมากจากไป ตำแหน่งของพวกเขาในแถวก็ขยับขึ้นมาข้างหน้ามากขึ้น
ซูผิงเตรียมตัวอยู่ในร้านเขาบอกให้ถังยู่หรานและจงหลิงถงไปรับลูกค้าด้วยกัน
จงหลิงถงรู้สึกประหลาดใจที่รู้ว่าเธอต้องทำเช่นนี้ฉันไม่ใช่ศิษย์เหรอ?
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่สามารถขัดอาจารย์ของเธอได้ไม่มีทางเลือกอื่น เธอเดินไปที่ประตูกับถังยู่หราน
ไม่นานลูกค้าก็เข้ามาเหมือนปกติซูผิงเขียนข้อมูลของพวกเขา สำหรับคนที่มารับอสูร เขาจะขอให้โจแอนนาช่วยพาพวกเขาไป สำหรับคนที่มาเพื่อฝึกอสูรเขาจะรับเงิน และขอให้โจแอนนาเอาอสูรไปเก็บไว้ด้านหลัง
ลูกค้าเก่าๆบางคนจะบอกลาซูผิงและจากไปทันทีที่พวกเขาได้อสูรพวกเขาจะไม่ทดสอบอสูรที่นี่
แต่กับลูกค้าใหม่เพื่อความปลอดภัยพวกเขาจะทดสอบผลลัพธ์ในร้าน แน่นอนผลลัพธ์จะทำให้พวกเขาประหลาดใจ การฝึกดีกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้มาก
”คุณซู”
ทันใดนั้นซูผิงก็ได้ยินเสียงที่อบอุ่นจนสามารถละลายน้ำแข็งได้
ซูผิงมองไปที่เธอเธอดูคุ้นเคย
“ฉันชื่อสวี่หยิงเสวี่ย พี่สาวคนโตของสวี่คัง” หญิงสาวพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอได้พบกับซูผิงด้วยตัวเองเธอแทบไม่สามารถห้ามใจไม่ให้เต้นรัวได้เลย เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่ซูผิงทำที่ลีกนักรบ และกับคนที่มาที่ร้านของเขา เธอไม่รู้รายละเอียด แต่การได้เห็นสิ่งที่เขาทำในช่วงลีกนักรบก็
เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอตะลึง
เขาอยู่ในจุดที่เธอไม่สามารถเข้าถึงได้!
เธอจำได้ว่าเธอทะเลาะกับซูผิงและตั้งคำถามกับร้านของเขาในครั้งแรกที่เธอมาที่นี่ ด้วยความคิดนั้นสวี่หยิงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะกลัวเล็กน้อย กังวลว่าซูผิงเอาคืนเธอ
สิ่งต่างๆ ในขณะนี้ ร้านนี่ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด เธอจะไม่สามารถแบกรับผลที่ตามมาได้ หากซูผิงต้องการที่จะเอาคืนสิ่งที่เธอเคยทำ
”โอ้สวัสดี”
ซูผิงจำเธอได้“ คุณมาที่นี่เพื่อฝึกอสูรใช่ไหม?”
สวี่หยิงเสวี่ยรู้สึกโล่งใจที่พบว่าซูผิงดูเหมือนจะไม่รู้สึกติดใจอะไรเธอพยักหน้าทันที “ใช่ ฉันมาหลายครั้งแล้ว แต่คุณไม่อยู่ ฉันอยากจะลองฝึกฝนมืออาชีพ แต่หญิงสาวที่นี่บอกฉันว่าเธอทำไม่ได้หากคุณไม่อยู่ที่ร้าน” “ เธอพูดถูกแล้ว ผมกลับมาแล้ว คุณต้องการฝึกฝนมืออาชีพใช่ไหม? อสูรของคุณอยู่ในระดับไหน”
“ระดับ 7”
สวี่หยิงเสวี่ยมีคำพูดอื่นที่อยากจะพูดแต่ลังเล ในที่สุดเธอก็เรียกความกล้าและพูดว่า “นอกเหนือจากการฝึกอสูรฉันมาที่นี่เพราะน้องชายของฉันขอให้ฉันส่งข้อความหาคุณ เขาได้ออกจากเมืองฐานหลงเจียงเพื่อศึกษาต่อที่สถาบันผู้กล้าเขาอยากมาบอกลาคุณด้วยตัวเอง แต่คุณไม่อยู่ที่นี่ เขาฝากฉันว่ามาบอกคุณว่าเขาจะไม่สามารถมาแวะเวียนที่ร้านของคุณได้สักพัก ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว