“ พลังต่อสู้ 25 ควรเป็นของสภาวะชะตากรรม มังกรเพลิงนรกยังมีทักษะการเคลื่อนย้ายซึ่งเป็นทักษะของสภาวะชะตากรรม”
ซูผิงดีใจมากเกี่ยวกับความคืบหน้าของมังกรเพลิงนรก มีเพียงไม่กี่คนที่จะเชื่อว่าอสูรของเขามีพลังต่อสู้ของสภาวะชะตากรรมทั้งที่ยังอยู่ในระดับเก้า
ฉันเองก็ต้องก้าวหน้าบ้าง ฉันยังอยู่ที่ระดับ 7 และทุกคนเชื่อว่าฉันอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์แล้ว ฉันต้องพิสูจน์ว่าพวกเขาคิดถูก ซูผิงพูดกับตัวเอง
แต่เขาไม่ได้เร่งรีบในการฝึกฝน เขาต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมังกรเพลิงนรกก่อน
ซูผิงไม่กังวลว่ามังกรเพลิงนรกจะทำลายห้องทดสอบ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้มันลองใช้ทักษะทั้งหมด ทักษะในตำนานบางอย่างทำให้เขาประหลาดใจ
หนึ่งในทักษะทางสายเลือดของมังกรเพลิงนรก ลมหายใจมังกรเลือดม่วงนั้นค่อนข้างน่ากลัว มันมีความรุนแรงเพียงพอที่จะเผาและละลายอากาศ
หนึ่งลมหายใจดังกล่าวสามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่ำกว่าสภาวะชะตากรรมได้
หลังจากพอจะเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถในปัจจุบันของอสูร เขาจึงนำมังกรเพลิงนรกออกจากห้องทดสอบ และบอกให้มันนอนพักในคอกเลี้ยงดู ในระหว่างนั้นซูผิงบอกถังยู่หรานให้ข้ามถนนไปหาตระกูลใหญ่ทั้งห้า และบอกให้ผู้นำตระกูลมาที่นี่ ซูผิงใช้แต้มพลังงานที่เหลือเกือบทั้งหมดในการคืนชีพที่อาณาจักรมังกรเลือดม่วง เขาต้องหาเงิน
วิธีที่ดีที่สุดสำหรับเขาในการบ่มเพาะคือไปที่สนามบ่มเพาะเมื่อเขาไปฝึกอสูรของลูกค้า ด้วยวิธีนี้เขาสามารถสร้างรายได้และก้าวหน้าได้เร็วขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ต้องกังวลว่าการบ่มเพาะของเขาจะผิดปกติ หากมีบางอย่างเกิดขึ้นเขาก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ด้วยการฆ่าตัวตาย ช่างเป็นวิธีการบ่มเพาะที่ไร้ที่ติ
หลังจากนั้นไม่นานถังยู่หรานก็กลับมา ผู้นำตระกูลไม่ได้ตามเธอมา ผู้อาวุโสของตระกูลมาแทน
รัฐบาลและผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งห้าต่างยุ่งเหมือนผึ้งเพื่อเร่งการฟื้นฟู ผู้อาวุโสอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนเพื่อจับตาดูร้านค้าของซูผิงเผื่อว่าเขาจะตัดสินใจขายราชาอสูรร้ายอีกครั้ง พวกเขาต้องมาที่นี่ซื้ออสูรเหล่านั้นให้ทันเวลา
“คุณซูมีอะไรให้พวกเราช่วยหรอครับ?”
“ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณซู”
ผู้อาวุโสกล่าวกับซูผิงด้วยความเคารพ
ซูผิงสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองหลังจากการต่อสู้กับราชาสวรรค์ต่างโลก
ผู้อาวุโสของตระกูลไม่กลัวซูผิงเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป พวกเขาเกรงใจและความเคารพแทน
ผู้อาวุโสในตระกูลเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่ซูผิงทำที่หอคอย และการตัดสินใจของฉินตู้หวง ตระกูลฉินเข้าใจว่าในเมื่อฉินตู้หวงผู้นำตระกูลของพวกเขามาถึงระดับตำนานและไม่ได้เข้าร่วมหอคอย จากนั้นเป็นต้นมาตระกูลฉินก็จะต้องเคียงบ่าเคียงไหล่กับซูผิง
ถ้าหอคอยตัดสินใจที่จะตามล่าตระกูลฉิน พวกเขาจะต้องขอความช่วยเหลือจากซูผิง
ซูผิงเข้าประเด็น “ ผมเชื่อว่าคุณทุกคนค่อนข้างตระหนักถึงคุณภาพการฝึกอสูรของร้านของผม สงครามเพิ่งสิ้นสุดลงและนักรบอสูรจำนวนมากยังคงต้องจัดการกับปัญหา ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะมาฝึกอสูรได้ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจของผม ไปบอกใครก็ได้ในตระกูลของคุณที่ต้องการฝึกอสูรให้มาที่ร้านของผม อสูรที่ต่ำกว่าระดับราชาอสูรร้ายผมสามารถฝึกได้ทั้งหมด”
ผู้อาวุโสของตระกูลไม่คิดเลยสักนิดว่าซูผิงจะขอโอกาสทางธุรกิจจากพวกเขา ยังคงมีซากศพอสูรป่านอนอยู่รอบนอกเมืองฐานซึ่งยังคงไว้ทุกข์ ธุรกิจทุกประเภทได้รับผลกระทบ รวมถึงร้านขายอสูร
“ผมเข้าใจครับ คุณซูคุณคงจะอยากช่วยนายน้อยของเราฝึกอสูรของพวกเขาเพื่อให้ตระกูลของเราฟื้นตัวได้เร็วขึ้น คุณซูใจดีมากจผมพูดไม่ออกเลยครับ”
ผู้อาวุโสตระกูลคิดว่าพวกเขาเข้าใจเจตนาของซูผิง และขอบคุณเป็นอย่างมาก พวกเขาเคารพซูผิงขนาดไหน
แต่ซูผิงกลับพูดไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว