ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 699

ตอนที่ 699 จิตวิญญาณดวงดาว
  ซูผิงดีใจที่ได้พบเพื่อนเก่าเช่นกัน “ผมดีใจที่พวกคุณยังปลอดภัยดี”
  เขาจำได้ว่าเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ไกล มันไม่ได้เป็นหนึ่งในเก้าเมืองฐานในแนวป้องกัน พวกเขาต้องถูกบังคับให้ย้ายมาที่นี่
  “นี่ร้านคุณเหรอ?”
  เจิ้นเซียงและทงทงสนใจร้าน พวกเขาคิดว่าร้านของเขาดูเล็กกว่าที่คิด
  ในฐานะผู้ฝึกสอนชั้นนำ พวกเขาคิดว่าร้านของซูผิงควรจะใหญ่พอๆ กับสวนสนุก!
  ”ใช่”
  ซูผิงยิ้มให้สองสาวที่ไร้เดียงสาและน่ารัก
  รองประธานลู่ฉิวมีสีหน้าลำบากใจ
  เขามองไปที่ซูผิง เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นนับตั้งแต่ชายหนุ่มออกจากเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ ตัวอย่างเช่นการทำลายทั้งทวีปเหนือและมหาสมุทรตะวันตก เหตุการณ์เหล่านั้นไม่น่าเชื่อ แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว
  ครั้งหนึ่งจุดจบของโลกดูเหมือนจะมีอยู่ในฝันร้ายเท่านั้น… แต่จุดจบของโลกกำลังมาถึงพวกเขาในชีวิตจริง!
  ลู่ฉิวไม่ได้มองว่าซูผิงเป็นผู้ฝึกสอนชั้นนำอีกต่อไป
  ซูผิงจัดการอสูรสภาวะว่างเปล่าได้อย่างง่ายดายระหว่างที่เขาไปเยือนเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของเขา ต่อมาเขาได้ฆ่าอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมที่แนวป้องกันซิงจิงซึ่งช่วยเมืองฐานระดับ A เอาไว้ กองกำลังขนาดใหญ่จำนวนมากได้เห็นวิดีโอนั้นแล้ว ซูผิงมีเกียรติมากกว่านักรบอสูรในตำนานส่วนใหญ่เสียอีก
  ด้วยสถานะของเขาในฐานะรองประธานสมาคมผู้ฝึกสอน ลู่ฉิวรู้ดีว่าสภาวะชะตากรรมหมายถึงอะไร นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการพบซูผิงอีกครั้งจึงเป็นเรื่องยาก
  ซูผิงยิ้มให้พวกเขาอย่างเป็นมิตร ลู่ฉิวจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ เขารู้สึกเสียใจ เขาควรจะเป็นมิตรกับซูผิงก่อนหน้านี้ “ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้ง คุณซู” ลู่ฉิวทักทายเขาด้วยความเคารพ
  ชือหาวจื่อและลูกสาวสองคนของเขาไม่เข้าใจว่าทำไมลู่ฉิวถึงทำตัวสุภาพในทันที
  พวกเขาค่อนข้างยุ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สมาคมผู้ฝึกสอนได้รับลูกค้าจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลานึกถึงข่าวล่าสุด พวกเขารู้เพียงว่าโลกทั้งโลกอยู่ในภาวะวิกฤติ แม้แต่ค่าธรรมเนียมที่สมาคมผู้ฝึกสอนเรียกเก็บก็ลดลงเหลือน้อยที่สุด โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาทำงานฟรี
  ซูผิงโบกมือ “เราเป็นเพื่อนกัน ทำตัวตามสบายเหมือนเป็นบ้านคุณเอง มานั่งนี่สิ”ลู่ฉิวรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจของเขา “คุณซูผมได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ ผมได้พบกับเด็กๆ ที่มากับคุณด้วย”
  ซูผิงพยักหน้า เขาไม่ได้ดูแลคนหนุ่มสาวเหล่านั้นด้วยตัวเอง เขาขอให้ฉินตู้หวงช่วยหาที่ให้พวกเขาปักหลัก
  “ทุกคนจากเมืองเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ของคุณย้ายมาที่นี่หรือเปล่า?” ซูผิงถาม
  ลู่ฉิวพยักหน้าแล้วส่ายหัว เขาฟังดูประหม่า “สมาชิกของสมาคมผู้ฝึกสอนมีความสำคัญมากในช่วงนี้ เราได้รับมอบหมายให้ประจำอยู่ที่เมืองฐานเก้าแห่งภายในกำแพงเพื่อให้บริการฝึกสอนสำหรับนักรบอสูร เรากำลังพยายามทำให้อสูรของพวกเขาก้าวหน้าก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้น!”
  ซูผิงพยักหน้า “ดี คุณทำได้ดีมากจริงๆ”
  “มันเป็นงานของเรา คุณต่างหาก คุณซู คุณมีส่วนสนับสนุนอย่างมาก นักรบอสูรในตำนานที่สมรภูมิรบล้วนเป็นวีรบุรุษ” ลู่ฉิวโบกมือ เขาหน้าแดงเล็กน้อย
  คำพูดของเขาทำให้ชือหาวจื่อและลูกสาวของเขาตกตะลึง ตำนาน? ซูผิง?
  ซูผิงอยู่ในระดับตำนาน?
  และเขาก็เป็นผู้ฝึกสอนชั้นนำ!
  เจิ้นเซียงและทงทงกำลังหอบ ผู้ชายคนนี้อยู่ในระดับตำนาน?
  ชือหาวจื่อเข้าใจทันทีว่าทำไมลู่ฉิวจึงทักทายซูผิงด้วยความเคารพเช่นนั้น
  เธอจำได้ว่าซูผิงถูกหยุดที่ประตูสมาคมผู้ฝึกสอนในการมาเยี่ยมครั้งแรก ใครจะคิดว่าชายหนุ่มที่หลายคนดูถูกอยู่ในระดับตำนาน!
  นั่นไม่ใช่ระดับของผม… ซูผิงต้องการอธิบาย แต่เขาจำคำตอบได้ ช่างเถอะ ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เพื่อแก้
  ต่าง
  “ผมดีใจที่คุณมาที่หลงเจียง มาที่ร้านหากกำแพงทั้งสองพังและผนังด้านนอกแตก” ซูผิงกล่าวกับพวกเขา
  ลู่ฉิวดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความกลัว ซูผิงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่พวกเขาคิดใช่ไหม?
  ”คุณซู… เราจะตายในการโจมตีครั้งนี้ไหม?” ลู่ฉิวถาม
  ซูผิงพยักหน้า “มันเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามไม่มีทางเลือกอื่น เราต้องสู้และนั่นเป็นทางเดียวที่เราจะรักษาความหวังเอาไว้ได้”
  ลู่ฉิวสูญเสียคำพูด ชือหาวจื่อและลูกสาวของเขายิ่งงงงันมากขึ้นไปอีก
  ตอนนั้นเองที่ถังยู่หรานและจงหลิงถงเข้ามาในร้าน
  ”อะไร? เรามีลูกค้า?”ถังยู่หรานประหลาดใจที่เห็นผู้คนในร้าน พนักงานสาวสวมรอยยิ้มของเธอขณะที่เธอรีบเข้ามาทำหน้าที่ของตัวเอง “ยินดีต้อนรับ คุณกำลังมองหาอะไรคะ? เราฝึกอสูรได้ หรือจะซื้ออสูรและอาหารอสูรก็ได้!”
  เจิ้นเซียงและทงทงหันกลับมา สาวสวยอีกคน?
  สำหรับจงหลิงถง พวกเธอจำเธอได้ในทันที
  ลู่ฉิวเบิกตากว้างเมื่อเห็นถังยู่หราน… ผู้นำตระกูลถังคนปัจจุบัน?! เขาไม่อยากจะเชื่อ
  ตระกูลถังเปลี่ยนไป เหตุการณ์เมื่อตระกูลถังทำลายตระกูลโบราณอีกสองตระกูลทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาว สมาคมผู้ฝึกสอนได้รวบรวมข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น
  ประชาชนทั่วไปเริ่มได้ยินเกี่ยวกับผู้นำตระกูลที่อายุน้อย ไม่มีใครสามารถประมาทเธอได้
  เพื่อสะท้อนถึงสถานะล่าสุดของพวกเขาในฐานะตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในทวีป ตระกูลถังได้ใช้บริการสมาคมผู้ฝึกสอนสำหรับนักรบอสูรของพวกเขาเป็นจำนวนมาก ตระกูลถังและสมาคมผู้ฝึกสอนทำงานร่วมกันอย่างสนิทสนมและ…
  ผู้นำตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของทวีปอยู่ในร้านของซูผิง!
  เธอ… ดูเหมือนว่าจะทำงานที่นี่
  ผู้นำตระกูลทำงานที่นี่?!
  ลู่ฉิวยังคงมึนงงในขณะที่เขาจ้องไปที่ถังยู่หราน จากนั้นเสียงก็ดัง “ยินดีที่ได้พบค่ะท่านรองประธาน และอาจารย์ ชือ”
  ลู่ฉิวหันไปมองและเห็นจงหลิงถง ใบหน้าของเธอดูอวบอิ่มกว่าเดิม เธอ… จะต้องมีชีวิตที่สะดวกสบายที่นี่
  ลู่ฉิวรู้สึกโล่งใจ ในที่สุดเขาก็จะได้มีโอกาสพูดคุยกับคนที่เขาไม่ต้องกลัว
  “อ่า ถง…” ลู่ฉิวยิ้มอย่างใจดี “เธอเป็นลูกศิษย์ของคุณซู เธอต้องใกล้จะเป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกสอนแล้วอย่างแน่นอน”
  ชือหาวจื่อและลูกสาวสองคนของเขาตกใจ
  ปรมาจารย์ผู้ฝึกสอน?
  ใกล้?! จงหลิงถงหน้าแดง เธอก้มหน้าลงและพูดอย่างเขินอายว่า “ฉันยังมีอะไรอีกมากที่ต้องเรียนรู้จากอาจารย์ของฉัน เขาบอกว่าฉันทำได้แค่ช่วยให้อสูรเรียนรู้ทักษะของตระกูลสายฟ้าเท่านั้น ฉันเป็นแค่ผู้ฝึกสอนระดับเก้าเท่านั้นเอง ฉันต้องเรียนรู้อีกมากก่อนที่จะสามารถเป็นผู้ฝึกสอนจิตวิญญาณเทวะ…”
  อะไรนะ?!
  ลู่ฉิวและชือหาวจื่อมองเธอด้วยความงุนงง
  แค่ผู้ฝึกสอนระดับเก้า? แค่?!
  ซูผิงไม่คิดว่าจงหลิงถงจะพูดอะไรที่ไม่เหมาะสม เขาสอนกฎพื้นฐานสายฟ้าให้กับเธอ เมื่อไปถึงขั้นกลางของกฎสายฟ้า เธอสามารถช่วยอสูรให้เรียนรู้ทักษะของตระกูลสายฟ้าที่ต่ำกว่าระดับตำนาน เธอเป็นผู้ฝึกสอนระดับเก้าตามการให้คะแนนของสมาคมผู้ฝึกสอน
  ถึงกระนั้นเธอจะต้องรู้วิธีสอนการตรัสรู้ให้อสูรก่อนเพื่อที่จะได้เป็นผู้ฝึกสอนจิตวิญญาณเทวะ
  เขาไม่ได้วางแผนที่จะสอนเธอในตอนนี้ เนื่องจากซูผิงเชี่ยวชาญทักษะว่องไวพื้นฐานเท่านั้น
  ลู่ฉิวกลืนน้ำลาย “เธอช่วยให้อสูรเรียนรู้ทักษะระดับเก้าได้”
  จงหลิงถงพยักหน้าและเสริมว่า “แต่แค่ตระกูลสายฟ้าค่ะ”
  พวกเขาพูดไม่ออก
  เธอหมายความว่าไง แค่?
  เธอกำลังคิดที่จะสร้างอสูรที่เรียนรู้ทักษะระดับเก้าของทุกตระกูลได้หรือยังไง? นั่นยากกว่าการเป็นผู้ฝึกสอนจิตวิญญาณเทวะ!
  ดังนั้น… การอยู่กับคนประหลาดจะทำให้เธอกลายเป็นคนประหลาด! ลู่ฉิวคิดกับตัวเอง
  ครั้งหนึ่งเขาเคยทำข้อตกลงกับซูผิงว่าศิษย์ของพวกเขาจะแข่งขันกันเองเมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง แต่… ไม่จำเป็นต้องมีการแข่งขัน
  “ผมดีใจที่คุณอยู่ที่นี่” ซูผิงพูดกับลู่ฉิวแล้วหันไปหาจงหลิงถง “ผมไม่มีเวลาสอนพื้นฐานให้เธอ (เพราะผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร) ไปช่วยคุณลู่ฝึกอสูรที่จะไปที่สนามรบ เรียนรู้และซึมซับจากการฝึกฝน…” จงหลิงถงกล่าวด้วยความยินดี “ค่ะ ขอบคุณค่ะ!” เธอเบื่อเกินไปตั้งแต่อยู่ที่นี่
  เธอใช้เวลาทั้งหมดของเธอในการทานอาหาร และเดินเล่นไปรอบๆ แต่บางครั้งเธอก็ช่วยทำความสะอาดร้าน เธอไม่ต้องทำอะไรอีก และซูผิงแทบจะไม่คุยกับเธอ
  สำหรับการเรียน… เธอต้องพึ่งพาตัวเอง เธอยังคงรู้สึกอยากจะถามคำถามกับซูผิง บางครั้งเธอก็หาเขาไม่เจอ เมื่อเธอเจอเขา เขาจะบอกให้เธอค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง
  ในที่สุดเธอก็สามารถฝึกฝนกฎสายฟ้าแปลกๆ นี่กับอสูรได้!
  ลู่ฉิวขดริมฝีปากของเขา ผู้หญิงคนนี้… เธอเป็นผู้ฝึกสอนระดับแนวหน้าตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้ สมาชิกสมาคมผู้ฝึกสอนรู้ข่าวนี้คงสะเทือนใจ!
  “พี่ลู่ ผมรบกวนให้คุณดูแลเธอด้วย” ซูผิงกล่าว
  ลู่ฉิวกลับมารู้สึกตัว และพยักหน้า
  ชือหาวจื่อและลูกสาวของเขาสับสน พวกเขามีความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด
  หญิงสาวเป็นผู้ฝึกสอนชั้นนำ นั่นคือเป้าหมายตลอดชีวิตของพวกเธอ!
  ไม่นานหลังจากนั้นชือหาวจื่อ ลูกสาวของเขาลู่ฉิวและจงหลิงถงก็กลับกันออกไป
  ถังยู่หรานยังอยู่ที่ร้าน ซูผิงบอกให้เธอไปถามหาข้อมูลรอบๆ ตัวถ้าเธอไม่มีอะไรทำ ร้านค้าไม่มีธุรกิจในขณะนี้
  ถังยู่หรานไปทำตามภารกิจนั้น
  เธอสามารถยืมความแข็งแกร่งของตระกูลถังได้
  ความมืดมาเยือนอีกครั้ง
  ซูผิงอยู่ในเมืองฐานหลงเจียง เขาจะบินไปเฝ้าสองกำแพงเป็นระยะๆ เขาสังเกตเห็นว่าการย้ายถิ่นฐานใกล้จะเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว
  เขาไม่รู้ว่าเมื่อใดที่อสูรป่าจะมาถึง เขาต้องรอในขณะที่ร้านค้ากำลังเลื่อนขั้นอยู่ และเขาไม่กล้าแม้แต่จะไปยังสนามบ่มเพาะในขณะนี้… จะเป็นอย่างไรถ้าอสูรร้ายโผล่มาในขณะที่เขากำลังสำรวจอยู่?
  เขาไม่ต้องการที่จะช่วยมนุษย์ตอนที่โลกกลายเป็นนรกไปแล้ว เขาไม่เคยต้องการเป็นวีรบุรุษแห่งยุค
  ถึงกระนั้นเขาจะเป็นคนแรกที่ไปแนวหน้าเมื่ออสูรป่ามาถึง
  เขาจะกลับไปพักฟื้นเมื่อเขาไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไปแล้วเขาก็จะกลับไปอีกครั้ง นั่นคือแผนของเขา
  กอบกู้โลกตอนมันกำลังจะจบ? สถานการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นในนวนิยายเท่านั้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะรอดหรือไม่!
  ซูผิงยืนอยู่บนหลังสุนัขมังกรดำ บินอยู่บนท้องฟ้า หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนและละเอียดรอบคอบ เขาก็กดหมายเลข เขากำลังโทรหา…กู่ซือผิง!
  ”คุณว่างไหม? ผมมีคำถามบางอย่างจะถามคุณ”
  ”ฮะ?”
  พวกเขาได้เบอร์โทรศัพท์กันในที่ประชุมเพื่อให้สามารถติดต่อกันได้ อย่างไรก็ตามกู่ซือผิงรู้สึกประหลาดใจที่เป็นเขา กู่ซือผิงไม่ได้รับข้อมูลใด ๆ ของการจู่โจมทวีปอย่างกะทันหัน
  ”อะไรหรอ?”กู่ซือผิงถามอย่างเฉยเมย
  ซูผิงเพิกเฉยต่อทัศนคติที่ไม่ใส่ใจของเขา เขาตรงเข้าประเด็น “มันเกี่ยวกับผู้สังหารสวรรค์และกักสวรรค์!
  “แนวป้องกันใหม่สามารถปกป้องกักสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์ นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ บอกผมที… คุณกำลังวางแผนอะไรอยู่? ผมหวังว่าคุณจะเปิดเผยความลับบางอย่างได้ และผมคิดว่าผมมีคุณสมบัติที่จะรู้!”
  กู่ซือผิงหรี่ตาลง
  “กักสวรรค์? นั่นคืออะไร? ผมไม่เข้าใจ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
  ซูผิงเหล่ตา “อย่าทำเป็นไม่รู้ มันไม่มีประโยชน์ คุณควรรู้ว่าตอนที่ราชาสวรรค์ต่างโลกมาที่หลงเจียง ผมจำได้ว่านายกเทศมนตรีของเราไปขอความช่วยเหลือจากหอคอย แต่คุณปฏิเสธ ทำไม? คุณไม่กลัวหรือว่าเมืองฐานจะถูกทำลายและค่ายกลฐานจะโดนทำลาย?”
  กู่ซือผิงตอบหลังจากเงียบไปไม่กี่วินาที “คุณได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน?” “อย่าให้ผมต้องมาอธิบายเลย ไม่มีเวลาเหลือแล้ว!” ซูผิงรู้สึกรำคาญ เขากดความโกรธลงและพูดต่อ “ผมสงสัยว่าเราควรเปิดกักสวรรค์ไหม ถ้าคุณไม่บอกผม ผมจะลงมือเอง!”
  กู่ซือผิงตะโกนว่า “คุณล้อผมเล่นเหรอ? คุณรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น? ไม่มีใครรู้ว่าพลังดวงดาวที่มีอยู่มากมายเพียงใด อสูรป่าจะพัฒนาและกลายพันธุ์เร็วขึ้นเมื่อเปิดผนึก พวกเราจะตายเร็วขึ้น!”
  ซูผิงเยาะเย้ย “ทำไมคุณไม่ทำเป็นไม่รู้ต่อล่ะ? ผมต้องการทราบว่าทำไมค่ายกลถึงถูกสร้างขึ้นตั้งแต่แรก นอกจากนี้ยังมีค่ายกลผนึกที่ลึกสุดของทางเดิน อะไรคือสิ่งที่ถูกปิดผนึกอยู่ภายใน?
  ”อะไร?”กู่ซือผิงดูสับสน
  “ค่ายกล… ที่ลึกสุดของทางเดิน?” เขาขมวดคิ้ว “คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? คุณไปที่นั่นมาหรอ คุณเจอค่ายกล?”
  ซูผิงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คุณเป็นผู้นำของโลก คุณไม่คิดว่ามันจะเป็นการดูถูกพวกเราทั้งหมดหน่อยหรอถ้าคุณทำเป็นไม่รู้น่ะ?!”
  กู่ซือผิงโกรธมาก “ระวังปากของคุณด้วย ผมค่อนข้างจะอดทนอย่างมาก ใช่ ผมรู้เรื่องกักสวรรค์ นั่นเป็นความลับสุดยอดของหอคอยและเราไม่อยากบอกคุณ แต่ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับค่ายกลอื่นๆภายในทางเดิน คุณแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนั้นไหม?”
  ซูผิงไม่คิดว่ากู่ซือผิงกำลังโกหก
  มันคงไร้ยางอายเกินไปที่จะแสร้งทำ
  ”ช่างเถอะ บอกผมมาเกี่ยวกับกักสวรรค์ ทำไมคุณถึงสร้างมันขึ้นมา?” ซูผิงถาม
  กู่ซือผิงไม่เต็มใจที่จะเป็นมิตรกับซูผิงอีกต่อไป เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันเพิ่งบอกว่ามันเป็นความลับสุดยอดไม่ใช่อะไรที่นายควรจะรู้ นายเพียงแค่ต้องมุ่งความสนใจไปที่วิธีหยุดอสูรป่า ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น!”
  ”นายแน่ใจหรอ? ฉันจะเปิดค่ายกลถ้านายไม่บอกฉัน นายจะต้องเผชิญกับผลที่ตามมา!” ซูผิงขู่กู่ซือผิง
  อวดดี!
  กู่ซือผิงโกรธมาก
  ซูผิงข้ามเส้น!
  ถึงกระนั้นเขายังได้เห็นวิดีโอตอนที่ซูผิงฆ่าราชาอสูรสภาวะชะตากรรม และรู้ว่าชายหนุ่มมีทักษะที่น่าทึ่ง กู่ซือผิงจึงตัดสินใจที่จะระงับความโกรธของเขา “นายไม่สามารถเปิดค่ายกลได้ เมืองฐานเต็มไปด้วยผู้คนในขณะนี้… นายต้องการให้พวกเขาย้ายอีกครั้งหรือไง? นายยินดีที่จะลองหรอ!”
  “ฉันบอกนายแล้วว่าฉันกล้าที่จะเป็นประวัติศาสตร์และเป็นสัญลักษณ์ของความอับอาย!” ซูผิงเยาะเย้ย
  เขาไม่ว่าอะไรที่จะให้ผู้คนย้ายถิ่นฐานอีกครั้งหากการเปิดค่ายกลนั้นสามารถช่วยโลกได้ เขาไม่เคยกลัวการมีชื่อเสียงไม่ดี
  “แก… คนชั่ว!”กู่ซือผิง สาปแช่ง ซูผิงไม่เหมือนนักรบอสูรในตำนาน!
  นักรบอสูรในตำนานทุกคนจะพยายามรักษาภาพลักษณ์ที่ดี แต่ไม่ใช่สำหรับซูผิง เขาเป็นคนบ้าที่ไม่สนใจอะไรเลย! “นายสามารถย้ายพวกเชาได้ แต่นายไม่สามารถเปิดค่ายกลได้โดยไม่ใช้กุญแจ และแม้ว่านายจะทำได้ นายก็ไม่สามารถทำลายทุกเมืองฐานได้!”กู่ซือผิงกล่าว
  ซูผิงตอบว่า “ฉันรู้ แม้แต่นักรบสภาวะชะตากรรมก็ไม่สามารถทำลายค่ายกลด้วยพลัง แต่ฉันรู้ว่ากุญแจคืออะไร ฉันสามารถเปิดค่ายกลได้ ฉันต้องการเลือดของนกเพลิง หัวของเต่าหิน……” ซูผิงท่องรายการวัตถุดิบที่จำเป็นในการเปิดค่ายกล
  กู่ซือผิงหน้าซีด
  การพูดสิ่งหนึ่งอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ซูผิงกล่าวถึงวัตถุดิบทั้งหมด เหลือแค่อย่างเดียว ที่เขาไม่ได้พูด
  แต่เห็นได้ชัดว่าซูผิงรู้รายการ และวิธีการทั้งหมด!
  ผู้ชายคนนี้คือใคร?
  เขาไปถึงระดับตำนานโดยไม่มีใครรู้ และเขารู้วิธีเปิดค่ายกลนี้! ช่างน่ากลัวเหลือเกิน! กู่ซือผิงถอนหายใจ “ใครสอนนาย”
  “ไม่ใช่ธุระอะไรของนาย!”
  กู่ซือผิงกำลังจะเสียสติ เขากัดฟันและตอบกลับไปว่า “ได้ ฉันจะบอกนาย แต่นายไม่สามารถเปิดค่ายกลได้ มิฉะนั้นดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะถึงวาระจริงๆ!”
  “บอกก่อนสิ” ซูผิงสูดลมหายใจ
  “เจ้าหอคอยคนแรกคือผู้สร้างกักสวรรค์ เขาเรียนรู้ค่ายกลจากมรดกโบราณ ค่ายกลนี้สามารถผนึกพื้นที่บางส่วนและหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณดวงดาว เมื่อจิตวิญญาณดวงดาวเติบโตได้สำเร็จ มันสามารถช่วยให้บุคคลไปถึงระดับดวงดาวได้ทันที!”
ตอนที่ 700 อัปเกรดสำเร็จ
  จิตวิญญาณดวงดาว?
  เขางุนงง ซูผิงบอกให้สุนัขมังกรดำพาเขากลับไปที่ร้านทันที
  เขาถามอีกครั้งว่า “ดังนั้นเจ้าหอคอยคนแรกจึงทำเช่นนี้เพื่อตัวเขาเองจะสามารถไปถึงระดับดวงดาวได้ แต่เขาจากไปนานแล้ว ฉันคิดว่ากักสวรรค์นี้จะไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา ทำไมเราไม่เปิดมัน?บางทีจิตวิญญาณดวงดาวได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว นายสามารถดูดซับมันได้ มันจะไม่ให้โอกาสนายไปถึงระดับดวงดาวด้วยเหรอ?”
  กู่ซือผิงเยาะเย้ย
  เขาไม่เชื่อแม้แต่วินาทีเดียวว่าซูผิงเสนอสิ่งนี้เพื่อช่วยเขา
  ซูผิงก็อยู่ในสภาวถชะตากรรมเช่นกัน… หากจิตวิญญาณดวงดาวอยู่ที่นั่นจริง ๆ ซูผิงก็จะคว้ามันมาเพื่อตัวเขาเองอย่างแน่นอน! “ฉันไม่แน่ใจว่าจิตวิญญาณดวงดาวเกิดขึ้นหรือไม่ และฉันจะไม่รับมันหากคำตอบคือใช่ นายรู้เรื่องนี้แล้ว อย่าพูดถึงการทำลายค่ายกลอีก และอย่าพยายามทำลายมันด้วยซ้ำ การลงโทษจะเกิดขึ้นกับเราทุกคนหากพลังดวงดาวภายในไม่เพียงพอที่จะสร้างจิตวิญญาณดวงดาว!”กู่ซือผิงเตือนซูผิง
  ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ
  มีบางอย่างปิดบังอยู่! จิตวิญญาณดวงดาวสามารถช่วยเหลือบุคคลที่สภาวะชะตากรรมให้ไปถึงระดับดวงดาว ทำไมเจ้าหอคอยคนแรกถึงไม่สนใจเรื่องนี้?
  กู่ซือผิงมีวิธีที่จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายในกักสวรรค์ และเขารอให้จิตวิญญาณดวงดาวเติบโตขึ้นหรือไม่?
  นั่นอาจเป็นไพ่ตายที่เขาพูดถึง
  ซูผิงต้องการได้รับจิตวิญญาณดวงดาว แต่มันจะมีประโยชน์กับเขาเพราะเขาไม่ใช่นักรบสภาวะชะตากรรม มีเพียงกู่ซือผิงเท่านั้นที่มีอยู่ในสภาวะชะตากรรม
  ถ้ากู่ซือผิงได้รับมัน อย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถเอาชนะอสูรป่าได้ก่อนคนอื่น ซูผิงไม่สนใจว่ากู่ซือผิงจะกลับมาเอาคืนเขาเมื่ออสูรร้ายถูกโจมตีหมดแล้วหรือไม่ ซูผิงสามารถล่อกู่ซือผิงเข้ามาในร้านของเขาและปล่อยให้ระบบจัดการได้! “มีผู้สังหารสวรรค์กี่คน? ระดับของพวกเขาคืออะไร?” ซูผิงถาม
  กู่ซือผิงดีใจที่ได้ยินว่าหัวข้อค่ายกลไม่ถูกพูดถึงอีก “ผู้สังหารสวรรค์อยู่ในสภาวะว่างเปล่า มักจะมีหนึ่งคนในแต่ละเมืองฐาน อย่างไรก็ตามบางคนเพิ่งเสียชีวิตไป เรามีผู้สังหารสวรรค์เพียงสามหรือสี่คนเท่านั้นในขณะนี้ พวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นเมื่ออสูรป่ามา นายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น”
  ซูผิงถอนหายใจ เขาไม่สามารถพึ่งพาผู้สังหารสวรรค์ได้ บี๊บ!
  กู่ซือผิงประหลาดใจที่ได้ยินเสียงบี๊บ เจตนาฆ่าบิดเบี้ยวบนใบหน้าของเขา
  ไม่เคยมีใครกล้าดูถูกเขาขนาดนี้มาก่อน!
  อดทน!
  เขากำมือแน่นและล้วงโทรศัพท์
  ซูผิงกลับไปที่ร้านของเขา
  เขาไปหาโจแอนนาและถามเธอเกี่ยวกับจิตวิญญาณดวงดาว
  “จิตวิญญาณดวงดาว? อ่าใช่ หากพลังดวงดาวลึกซึ้งเพียงพอภายในพื้นที่ที่ถูกล็อค พวกมันจะค่อยๆ บีบอัดและวิญญาณของพลังดวงดาวจะปรากฎขึ้น!”
  โจแอนนากล่าวต่อว่า “จิตวิญญาณดวงดาวสามารถทำให้นักรบในสภาวะชะตากรรมไปถึงระดับดวงดาวได้ อย่างไรก็ตามการเจาะทะลุโดยอาศัยจิตวิญญาณดวงดาวจะส่งผลให้รากฐานอ่อนแอ กฎเกณฑ์ที่บุคคลดังกล่าวสามารถเรียนรู้ได้นั้นจำกัดเฉพาะสิ่งที่จิตวิญญาณดวงดาวได้เรียนรู้ หากมีโอกาสที่จิตวิญญาณดวงดาวมีความสามารถมากกว่าและสามารถเรียนรู้กฎอันทรงพลังของธรรมชาติ บุคคลนั้นจะกลายเป็นนักรบระดับดวงดาวที่ทรงพลังมากกว่า ในทางกลับกัน หากจิตวิญญาณดวงดาวอ่อนแอ กฎที่สามารถเรียนรู้ได้ก็จะอ่อนแอเช่นกัน“
  “ผลลัพธ์ปกติคือกฎของจิตวิญญาณดวงดาวอยู่ในขั้นปานกลาง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถควบคุมกฎที่ซับซ้อนกว่านี้ได้ แม้แต่เทพสูงสุดก็ยังเต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อจิตวิญญาณดวงดาวพิเศษแบบนั้น” ซูผิงรู้สึกทึ่ง ดังนั้นกู่ซือผิงดูเหมือนจะบอกความจริงกับเขา
  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับจิตวิญญาณดวงดาว “นายต้องเข้าใจมัน” โจแอนนากล่าว “หากนายพิจารณาถึงความมั่งคั่งของพลังดวงดาวในโลกนี้ หนึ่งพันปีไม่เพียงพอที่กักสวรรค์จะสร้างจิตวิญญาณดวงดาว และถึงแม้ว่าจะมีอยู่บ้าง มันก็คงจะเป็นแบบอ่อนแอ ฉันคิดว่านายควรพึ่งพาตัวเองแทนที่จะมุ่งไปที่จิตวิญญาณดวงดาว”
  “ไม่ถึงพันปีเหรอ” ซูผิงรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินเช่นนั้น
  โจแอนนากลอกตาทันที “พันปีไม่มีความหมาย ระดับดวงดาวจะพิจารณาระยะเวลาตั้งแต่หนึ่งหมื่นปีขึ้นไปเท่านั้น เมื่อพวกเขาเข้าใจกฎธรรมชาติแล้ว เหล่านักรบระดับดวงดาวจะสามารถขอความช่วยเหลือจากเทพสูงสุดที่เชี่ยวชาญกฎแห่งกาลเวลาเพื่อยืดอายุขัยของพวกเขา เมื่อถึงตอนนั้น มันง่ายที่จะเพิ่มอายุขัยเป็นหนึ่งแสนปี สิ่งมีชีวิตบางคนในระดับดวงดาวสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นล้านปี!”
  ซูผิงตกตะลึงพูดไม่ออก
  แสนปี? ล้านปี?
  ควรจะมีอยู่แค่ในนิยายเท่านั้น!
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียงสองหรือสามร้อยปีเท่านั้น ระดับตำนานสามารถมีอายุยาวนานนับพันปี
  นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ประหลาดใจ นั่นคือเหตุผลที่ผู้คนเคารพคนที่อยู่ในระดับตำนาน! เขาไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่านักรบดวงดาวสามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายสิบหรือหลายร้อย หลายพันปี! “การไปถึงระดับดวงดาวเป็นก้าวที่แท้จริงสู่โลกแห่งการบ่มเพาะ นาย… นายยังอยู่นอกประตู” โจแอนนาเหลือบมองซูผิง เธอทิ้งบางสิ่งที่ไม่ได้พูดไว้ แม้ว่าเขาจะยังอยู่นอกประตู แต่เขาก็สามารถยื่นมือข้างหนึ่งผ่านมาประตูนั้นได้!
  ท้ายที่สุดความจริงที่ว่าเขามีพื้นฐานในการควบคุมพลังของกฎในขณะที่ยังคงอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งโลกตกใจ
  คำพูดสุดท้ายของโจแอนนาไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง เขากลอกตาและส่ายหัว “ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ชายคนนั้นไม่สนใจ เขาต้องรู้ข้อมูลภายในบางอย่าง”
  จิตวิญญาณดวงดาวไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเขา เขาคงไม่ขัดขวางเจ้าหอคอยถ้าเขากำลังรอจิตวิญญาณดวงดาว
  ห้าชั่วโมงผ่านไป…
  ซูผิงมองดูเวลา เขาออกไปลาดตระเวนอีกครั้ง เขาโทรหาฉินตู้หวงในเพื่อรวบรวมวัตถุดิบที่จำเป็นในการเปิดกักสวรรค์
  เขาจะต้องเตรียมของให้พร้อมล่วงหน้า เผื่อว่าเขาจำเป็นจะต้องเปิดค่ายกลจะได้ดำเนินการได้ทันที
  เวลาผ่านไป
  วันใหม่มาถึง
  ศูนย์บัญชาการสว่างไสว ไม่มีใครนอนหลับ
  ทวีปสายฟ้าคำรามก็ล่มสลายเช่นกัน พวกเขาอยู่ในทวีปสุดท้ายที่เหลืออยู่ ผู้รอดชีวิตอย่างน้อยสองร้อยล้านคนเดินทางมาจากทวีปสายฟ้าคำราม น่าเศร้าที่ประชากรที่เหลือไม่ได้ออกมาจากทวีปสายฟ้าคำราม
  ข่าวนี้น่าเศร้า แต่คราวนี้มีนักรบอสูรในตำนานจำนวนมากเตรียมพร้อม
  พวกเขาตระหนักดีว่าผู้บาดเจ็บล้มตายจะมีจำนวนมากตั้งแต่เริ่มวางแผน ท้ายที่สุดทรัพยากรได้ถูกรวบรวมในทวีปนี้ สำนักงานใหญ่ของหอคอยอยู่ที่นี่ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาเลือกทวีปนี้เป็นสมรภูมิสุดท้าย
  ผู้ลี้ภัยสองร้อยล้านคนจากทวีปสายฟ้าคำรามถูกยัดเข้าไปแนวป้องกัน สามเมืองฐานระดับ A ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของคนเหล่านั้น
  นักรบอสูรในตำนานและกองกำลังหลักต่างประหม่า
  นี่คือทวีปสุดท้าย
  มันเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย พวกเขาไม่แน่ใจว่ามนุษย์บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะอยู่รอดเพื่อเล่าเรื่องได้หรือไม่
  ความรู้สึกเศร้ากระจายไปทั่วเมืองฐานทั้งหมด
  พายุกำลังก่อตัว ประชาชนทั่วไปอยู่ในบ้านของตน เหล่านักรบอสูร—รวมทั้งผู้ที่ต่ำกว่า—กำลังเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้
  ร้านขายอสูรพิกซี่ – เมืองฐานหลงเจียง
  ซูผิงได้รับการแจ้งเตือนจากระบบเมื่อแสงพลบค่ำส่องเข้ามา และเข้าไปในร้านของเขา
  ร้านค้าได้รับการเลื่อนขั้นสำเร็จแล้ว! อสูรป่าไม่ได้มาถึงในช่วง 24 ชั่วโมง จิตใจของซูผิงสงบลงทันทีที่เขาได้ยินเสียงของระบบ
  เขาไม่เคยพบว่าเสียงของระบบน่าพอใจเท่านี้มาก่อน!
  “อืม เสียงของระบบน่าฟังเสมอ! นายควรพัฒนารสนิยมให้ดีขึ้น” ระบบกล่าวกับซูผิง
  อีกครั้งกับการแอบฟัง!
  ซูผิงไม่ได้เถียงกับระบบเพราะเขาอารมณ์ดี “แสดงร้านของนายให้ฉันดู”
  เขาต้องการเลื่อนขั้นร้าน อย่างหนึ่งเขาต้องการเพิ่มอาณาเขตของร้าน อีกอย่างเขาหวังว่าเขาจะได้เครื่องมือหายากจากร้านค้าระดับ 4
  เขาจะสามารถจับอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมได้อย่างง่ายดายถ้าเขาได้รับจับแหวนจับอสูรร้ายเกรดพิเศษได้! ร้านค้าเสมือนจริงปรากฏขึ้นตรงหน้าของซูผิง
  เขาเป็นคนเดียวที่เห็นภาพเสมือนจริง เขาไม่รู้ว่าเขาเห็นมันตรงหน้าหรือเห็นในตาของเขา
  อย่างไรก็ตาม เขาเห็นสามรายการ อย่างแรกคือผลึกสีม่วงเข้ม ผลึกมังกรม่วง!
  มันเป็นไอเท็มที่สมบูรณ์แบบสำหรับมังกรซึ่งจะช่วยเสริมเลือดของพวกมัน พวกมันจะมีโอกาสมากขึ้นที่จะเรียนรู้ทักษะของมังกรเลือดม่วง มังกรเลือดม่วง… พวกมันมีศักยภาพที่จะไปถึงระดับดวงดาว!
  ราคา: 12 ล้านแต้มพลังงาน
  ซูผิงติ๊กผ่านเมื่อเห็นราคา ผลึกมังกรหนึ่งอันมีค่าเท่ากับอสูรสภาวะว่างเปล่าสี่ตัว!
  แพงเกินไป!
  ซูผิงมองไปที่รายการที่สอง ดวงตาของเขาเป็นประกาย
  แหวนจับอสูรร้ายขั้นพิเศษ:
  ความน่าจะเป็นที่จะจับอสูรสภาวะสมุทรได้ 100%! ความน่าจะเป็นที่จะจับอสูรสภาวะว่างเปล่าได้ 100%!
  ความน่าจะเป็นที่จะจับอสูรสภาวะชะตากรรมคือ 80%!
  ความน่าจะเป็นที่จะจับอสูรร้ายระดับดวงดาวคือ 10%!
  โอกาส 10% ที่จะจับสิ่งมีชีวิตระดับดวงดาว!
  ความน่าจะเป็นที่จะจับอสูรสภาวะชะตากรรมคือ 80%! เขาสามารถจับได้หนึ่งตัวหากโชคของเขาไม่เลวร้ายเกินไป!
  ซูผิงมีความสุข เขาดูราคา… แปดล้านแต้มพลังงาน! ระบบโลภชิบ! เขาซื้อทันทีโดยไม่คำนึงถึงราคาที่จ่าย การใช้แหวนจับอสูรพิเศษกับอสูรสภาวะชะตากรรมไม่ถือว่าสิ้นเปลือง มูลค่าที่แท้จริงของสมบัติคือโอกาสในการจับอสูรร้ายระดับดวงดาว
  ”อืม!” ระบบส่งเสียงเย้ยหยัน
  ซูผิงเม้มริมฝีปาก เขาไม่อาจทำลายความภาคภูมิใจของระบบ มิฉะนั้นราคาอาจแพงขึ้น
  ”จะเป็นแบบนั้น” ระบบกล่าว
  อะไร? แอบฟังอีกแล้วเหรอ?
  ซูผิงตรวจสอบรายการที่สาม
  ผลสมุทรสายฟ้า
  มันเติบโตที่ด้านล่างของมหาสมุทรสายฟ้าที่อยู่ในอาณาจักรสายฟ้า ผลไม้ใช้พลังงานจากสายฟ้าเป็นอาหารและมีกฎสายฟ้าตามธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่นำผลไม้นี้ไปมีโอกาสที่จะเรียนรู้กฎสายฟ้า!
  ซูผิงแทบไม่เชื่อ ผลไม้นี้จะช่วยให้ใครบางคนเรียนรู้กฎ?
  มันบอกว่า “น่าจะ” และนั่นเป็นคำพูดที่คลุมเครือ แต่มีโอกาสอยู่ในนั้น!
  มันเป็นของมีค่า!
  แม้แต่ระดับดวงดาวก็ยังต้องการ!
  ท้ายที่สุดหากเข้าใจกฎมากขึ้น ก็สามารถใช้พลังได้มากขึ้น!
  ซูผิงมองราคา จากนั้นรู้สึกราวกับว่าเขาถูกราดด้วยน้ำเย็น
  ราคา: 86 ล้านแต้มพลังงาน
  นั่น… ใกล้เคียงกับที่เขาใช้ในการเลื่อนขั้นร้าน!
  เขามีแต้มพลังงานเหลือน้อยกว่าเจ็ดสิบล้านแต้ม มันเกินความสามารถของเขา… ร้านจะรีเฟรชในหนึ่งสัปดาห์ ฉันต้องทำเงินให้เพียงพอภายในหนึ่งสัปดาห์ ถ้าพลาดครั้งนี้จะพลาดตลอดไป มีเพียงสามรายการเท่านั้นที่จะปรากฏจากการรีเฟรชแต่ละครั้ง นั่นน้อยเกินไป แต่ฉันต้องยอมรับว่าของเหล่านั้นค่อนข้างดี… ซูผิงบ่นในใจ
  ”อืม” ระบบแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
  ซูผิงมองไปที่รายการแรก ผลึกมังกรเลือดม่วงมีราคาแพง แต่ก็มีประโยชน์สำหรับมังกรเพลิงนรกของเขา
  เขาตัดสินใจซื้อมัน เขามีแต้มพลังงานเหลือน้อยกว่าห้าสิบล้านแต้ม
  ข้อดีคือเขายังมีเวลาอีก 1 สัปดาห์ในการหารายได้พิเศษ เขาปิดร้านและเรียกมังกรเพลิงนรก จากนั้นเขาก็นำผลึกออกจากพื้นที่เก็บของของเขา ซูผิงพบว่ามันค่อนข้างผิดปกติ มันค่อนข้างอบอุ่นเมื่อสัมผัส แม้แต่เขารู้สึกว่าเขากำลังจะเรียนรู้อะไรบางอย่าง
  “ผลึกมังกรเลือดม่วง?” โจแอนนาร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าซูผิงจะได้รับของหายากเช่นนี้
  “เธอรู้ไรไหม?” ซูผิงถามขณะที่โยนผลึกให้มังกรเพลิงนรก
  โจแอนนาเม้มริมฝีปากของเธอหลังจากเห็นเขาโยนผลึกแบบสบายๆ เธออธิบายว่า “ผลึกมังกรเลือดม่วงประกอบขึ้นจากเลือดและพลังงานของมังกรเลือดม่วงเมื่อตาย สามารถอนุรักษ์ได้เฉพาะในเงื่อนไขพิเศษเท่านั้น… หากมังกรทั่วไปรับสิ่งนี้ สายเลือดของมันก็จะดีขึ้น แม้กระทั่งการสืบทอดส่วนหนึ่งของสายเลือดมังกรเลือดม่วง มังกรสามารถไปถึงระดับดวงดาวได้!”
  ซูผิงพยักหน้า เขาชื่นชมความมีไหวพริบของโจแอนนา
  โฮ่กกก!
  มังกรเพลิงนรกคำรามหลังจากกินผลึกแล้ว เกล็ดของมันวาววับด้วยแสงสีม่วง สายฟ้าฟาดลงมาใกล้มังกรเพลิงนรก
  มีเปลวเพลิงสีแดงท่ามกลางสายฟ้า กระดูกของมังกรเพลิงนรกกำลังแตก มันเปลี่ยนไปมาก
  ซูผิงสังเกตเห็นว่ามังกรเพลิงนรกกำลังเติบโต ทะลุจากระดับเก้าขั้นกลางไปยังระดับเก้าขั้นสูงสุด อีกก้าวหนึ่งและมังกรจะกลายเป็นราชาอสูร!
  มังกรหยุดโต อย่างไรก็ตามพลังงานของมันหนาแน่นกว่าเมื่อก่อนมาก ซูผิงยังรู้สึกว่าเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้ามังกรสภาวะชะตากรรม ผลของผลึกมังกรเลือดม่วงมีประโยชน์มากกว่าที่เขาคิด
  เขามองอสูร พลังต่อสู้ของมันเพิ่มขึ้นจาก 26 เป็น 38!
  มังกรเพลิงนรกเป็นอันดับสองรองจากโครงกระดูกน้อย! ถึงกระนั้นพลังต่อสู้ก็ยังต่ำกว่าสภาวะชะตากรรมตามระบบพลังต่อสู้ของสภาวะชะตากรรมอยู่ที่ 50 ถึง 100!
  อย่างไรก็ตามพลังต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ และผลึกก็ยังไม่ถูกย่อยอย่างสมบูรณ์ ยังเติบโตได้อีก
  แต้มพลังงาน 12 ล้านแต้มถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่า ซูผิงมีความสุขมาก เขาไปที่ห้องอสูรซึ่งใหญ่กว่าเมื่อก่อนถึงสามเท่า! เขาเห็นเครื่องหมายที่เขียนว่า “เลื่อนขั้น” บนคอกเลี้ยงดู
  ปัจจุบันเขามีคอกเลี้ยงดูระดับกลาง ต้องใช้แต้มพลังงานแสนแต้มเพื่อเลื่อนขั้นเป็นระดับสูง!
  ซูผิงเม้มริมฝีปาก เขาใช้เวลามากเกินไปในการเลื่อนขั้น
  ถึงกระนั้นเขาจะต้องเลื่อนขั้นคอกเลี้ยงดูไม่ช้าก็เร็ว เมื่อคิดดีแล้ว เขาตัดสินใจเลื่อนขั้นคอกเลี้ยงดูห้าคอก
  ลบห้าหมื่นแต้มพลังงาน
  ซูผิงบอกให้มังกรเพลิงนรกเข้าไปในคอกเลี้ยงดู
  เขี้ยวสัตว์รอบคอกใหม่เปลี่ยนไป พบธัญพืชแปลก ๆ บนเขี้ยว
  คอกเลี้ยงดูใหม่เหล่านั้นมีโอกาส 1% ที่จะกระตุ้นความสามารถของอสูร!
  นั่นคือประโยชน์ของการเลื่อนขั้น ความน่าจะเป็นเพียง 1% ก็ดีพอ ไม่ช้าก็เร็วอสูรจะได้รับความสามารถใหม่ๆ หากพวกมันอยู่ในนั้นนานพอ “ดูรูปร่างนั่นสิ…” โจแอนนาจ้องไปที่การเปลี่ยนแปลงเขี้ยว เธอแปลกใจมากที่เธอจำค่ายกลไม่ได้ เธอรู้ว่ามันเป็นค่ายกล แต่มันอาจจะหายไปนานแล้วก็ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว