คลื่นหมัดแผดเผามาจากฟากฟ้า!
เปลวไฟสีน้ำเงินเหมือนอุกกาบาต เผาทุกสิ่งที่ขวางหน้าและฉีกมิติลึกที่เปิดกว้างทิ้งร่องรอยสีดำไว้ข้างหลัง พลังกระจายที่ขอบของรัศมีหมัดเปิดมิติชั้นห้าแล้ว!
“วิชาหมัดนั่นน่ากลัวอะไรขนาดนี้!”
”เหลือเชื่อ! ฉันรู้สึกเหมือนตาฉันกำลังจะไหม้”
“ทวีปนั้นจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
บางคนถึงกับวิตกเมื่อคิดว่าภูมิภาคอันกว้างใหญ่อาจไม่สามารถทนต่อหมัดนั้นได้
หมัดนั้นน่ากลัวเกินไป มันให้ความรู้สึกเหมือนกับหมัดที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ของเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่จะทำลายท้องฟ้า!
”คุณซู!”
“ท่านลอร์ด!” “เขาไม่อาจต้านทานได้ มันจบแล้ว…”
บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินมีเสียงอุทานทั่วทุกที่ ผู้คนนับไม่ถ้วนหน้าซีด ชาวโลกทุกคนในเมืองฐานลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
พวกเขารู้ว่าซูผิงมีพลังวิเศษ แต่หมัดที่เขาเผชิญอยู่นั้นน่ากลัวมากจนดูเหมือนว่ามันกำลังจะกวาดล้างทุกชีวิตในโลก
พวกเขาไม่รู้ว่าสภาวะเทพดวงดาวจะดำเนินการอะไรหรือไม่ ถ้าไม่ ซูผิงก็จะตายในการแข่งขันนี้ เหมือนกับราชินีแห่งท้องทะเล!
ซูผิงเป็นกระดูกสันหลังของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน เมื่อเขาจากไปแล้ว ดาวเคราะห์ดวงนี้อาจลอยไปได้ทุกเมื่อ เหมือนเรือลำเล็กที่แล่นฝ่าพายุ!
”พี่!”
บนยอดเขา—ซูหลิงเยวี่ยสูญเสียความเยือกเย็นและใบหน้าของเธอก็ซีด แม้แต่เธอก็สามารถบอกได้ว่าหมัดนั้นน่ากลัวแค่ไหน แม้ว่าเธอจะดูมันจากบนหน้าจอเท่านั้น แต่เธอก็รู้สึกเหมือนร่างกายของเธอถูกไฟไหม้ ไม่ยากเลยที่จะอนุมานว่าหมัดนั้นมีวิถีที่สมบูรณ์อยู่แล้ว!
…
คลื่นหมัดนั่นอยู่ตกลงมาจากท้องฟ้าและดันอากาศทั้งหมดออกไป ช่องว่างที่มองไม่เห็นแตกเป็นชั้นๆ
ซูผิงเงยหัวขึ้น กฎที่กระจายออกไปในสายลมที่แผดเผาก็เพียงพอที่จะฆ่าใครบางคนในสภาวะชะตากรรมได้มากกว่าพันครั้ง
สิ่งที่เขาเห็นคือหมัดขนาดมหึมาที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนดูเหมือนท้องฟ้าจะถล่มลงมา!
น่ากลัวมาก!
รูขุมขนของซูผิงเปิดออกทั้งหมด เขาไม่เคยอยู่ในวิกฤตเช่นนี้มาก่อน แต่เขาไม่ได้ตื่นตระหนก เขากลับรู้สึกว่าเลือดกำลังเดือด
“ขอยืมดาบกระดูกของนายหน่อย” ซูผิงพูดเบา ๆ
ดาบกระดูกแหลมยื่นออกมาจากมือของโครงกระดูกทันที
ซูผิงยืนอยู่บนที่สูง จ้องมองขึ้นไปด้วยดวงตาที่เจิดจ้าราวกับกำลังเจาะทะลุท้องฟ้า!
”ทำลาย…
”เดี๋ยวนี้!!!”
ซูผิงก้าวออกไป เซลล์หลายพันล้านเซลล์ในร่างกายของเขาสั่นสะเทือนขณะที่พวกมันปล่อยพลังที่น่าตกใจ ซึ่งรุนแรงมากจนดูเหมือนว่าสามารถทำลายดาวเคราะห์ได้
อากาศสั่นสะเทือนเมื่อซูผิงเคลื่อนไหว และมิติชั้นห้าก็ถูกเปิดออก ขณะที่เขายืนอยู่กลางช่องว่างที่แตกร้าว ซูผิงแหงนมองหมัดเทพฟีนิกส์ที่ใกล้เข้ามา ราวกับว่าเขาเป็นเทพที่กำลังจะถูกทำลาย
แต่ซูผิงกลับโจมตีกลับ พลังแห่งกฎพุ่งออกมาจากแขนของเขา และถูกรวบรวมไว้บนดาบกระดูก
ดาบกระดูกนั้นแข็งแกร่งมากจนสามารถทนต่อแรงกดดันของกฎทั้งหมดได้ ในชั่วพริบตา แปดสิบ เก้าสิบ ร้อย… และมันก็ดำเนินต่อไป จนกระทั่งถึงกฎข้อที่ 110 ดาบกระดูกสั่น และราชาโครงกระดูกผู้ยิ่งใหญ่ก็ปรากฏขึ้นข้างหลังของซูผิง
ราชาโครงกระดูกยกดาบกระดูกยักษ์ขึ้น เลียนแบบการเคลื่อนไหวของซูผิงและฟันดาบพร้อมกัน!
ปัง!!!
ทั่วทั้งทวีปสั่นสะเทือน!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวถูกพัดออกไป อากาศลดฮวบ และเงาของมิติชั้นหกก็เริ่มปรากฏขึ้น เสียงกระซิบที่คลุมเครือดูเหมือนจะกระจายออกไป แต่จู่ๆ พวกมันก็หายไป ราวกับถูกตัดขาดจากบางสิ่ง
เปลวไฟสีน้ำเงินที่ลุกโชนพุ่งออกมาราวกับผีเสื้อกางปีก คลื่นดาบที่ควบแน่นอย่างล้ำลึกได้ตัดคลื่นหมัดไร้เทียมทานที่อยู่ตรงกลางออก!
เปลวไฟถูกแบ่งออก และซูผิงก้าวไปข้างหน้าด้วยแสงสีทองส่องออกมาจากดวงตาของเขา เกราะของเขาแตกและร่างกายส่วนบนของเขาถูกเปิดเผย เผยให้เห็นร่างกายกำยำ
“เป็นไปไม่ได้!”
ข้างบน—ซูจินเอ๋อหรี่ตาลงอย่างไม่เชื่อ เธอไม่คาดคิดว่าซูผิงจะสามารถทนต่อการโจมตีซึ่งมีพลังสูงสุดที่เธอสามารถปลดปล่อยได้โดยไม่ต้องใช้ไพ่ตายของเธอ!
ซูผิงกำลังเข้าใกล้เปลวไฟ เพราะพวกมันไปไม่ถึงเขา และไม่สามารถทำร้ายเขาได้ ดาบที่ปกคลุมร่างกายของเขาได้ปล่อยพลังแห่งความมืดออกมาเพื่อชดเชยและกลืนกินพลังงานที่อยู่ใกล้เคียง เขาโผล่ออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!
“สองคนนั่นเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหน!”
”ให้ตาย!”
นอกสนามรบ—จักรพรรดิมังกร, โอเอซิส เกรย์ และคนอื่นๆ ตกใจกับการโจมตีนั้น พวกเขาต่างหวาดกลัวจากใจจริง! พลังที่ทั้งสองปลดปล่อยออกมานั้นไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับของพวกเขาเลย พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าพวกเขาเป็นนักรบสภาวะชะตากรรมจริงหรือเปล่า
พวกเขาทั้งหมดคิดว่าพวกเขามาถึงขอบเขตของสภาวะชะตากรรมแล้ว แต่กลับเป็นว่าพวกเขายังห่างไกลจากมัน ตัดสินจากความสามารถของสองคนนั้น!
หลิงหู่เจี้ยนและฮายาลิมก็ตกใจเช่นกัน พวกเขารู้ว่าผู้เข้าแข่งขันสองคนนั้นแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งขนาดนั้น โดยเฉพาะซูจินเอ๋อ—ผู้ไม่เคยทิ้งความประทับใจอันยิ่งใหญ่อะไรไว้—แต่กลับปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่มีใครต้านทานได้!
พวกเขาคงจะเป็นเหมือนเค้กชิ้นหนึ่งสำหรับเธอ!
หลังจากที่พวกเขาคิดว่าซูผิงจะแพ้อย่างแน่นอน แต่หลับยิ่งไม่น่าเชื่อมากกว่าเดิม ไม่เพียงแต่เขาเข้าใจกฎร้อยข้อเท่านั้น เขายังรวมกฎเหล่านั้นเข้าด้วยกันอีกด้วย ซึ่งจำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกฎ การควบคุมที่แม่นยำ และพลังดวงดาวจำนวนมหาศาลเป็นเชื้อเพลิง
ทว่าซูผิงได้ครอบคลุมปัจจัยเหล่านั้นทั้งหมดแล้ว!
สัตว์ประหลาดสองตัวนั่นโคตรจะน่ากลัว!
ทั้งคู่รู้สึกโชคดีที่อยู่นอกสนามรบ และได้รับการคุ้มครองจากม่านพลัง มิฉะนั้นพวกเขาอาจถูกฆ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ!
”ฉันยอมแพ้!”
ในสนามรบ—ซูจินเอ๋อกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเห็นซูผิงเคลื่อนไหวในมิติชั้นห้า
ซูผิงช้าลงและหยุดรอเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เขาจะไม่หยุดถ้าเขาอยู่ในป่า เพราะเขาไม่รู้ว่ามันเป็นอุบายหรือเปล่า แต่พวกเขากำลังอยู่ในการแข่งขัน และเธอไม่สามารถกลับคำพูดของเธอได้
“มีสภาวะเทพอมตะสนับสนุนนายหรือเปล่า?” ซูจินเอ๋อพูดขึ้นทันที เธอมองไปที่ซูผิงอย่างสงสัย เธอไม่คิดว่าจะมีเด็กคนไหนที่สูสีกับเธอ เว้นแต่พวกเขาจะมีสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับเธอ แต่ซูผิงดูไม่เหมือนจะเป็นหนึ่งในนั้น
ไม่มีสภาวะเทพดวงดาวคนไหนที่เธอรู้จักเหมือนซูผิง เธอเดาได้เพียงว่ามีสภาวะเทพดวงดาวเป็นอาจารย์หรือเป็นคนในตระกูลของซูผิง นั่นเป็นคำอธิบายเดียวสำหรับสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวอย่างเขา!
”เธอคิดว่าไงล่ะ?”
ตอนนี้เขาชนะแล้ว ซูผิงละทิ้งเจตนาฆ่าของเขาและนำดาบกระดูกส่งคืนให้โครงกระดูกน้อย และซ่อนรัศมีของเขา
เขาใช้พลังของภาพร่างดวงดาวระหว่างการระเบิด ซึ่งทำให้เขาได้รับความเสียหายอย่างไม่ควร เจตนาฆ่าที่ล้นเหลือและพลังดวงดาวก็ถูกดึงกลับเช่นกันหลังจากที่เขาซ่อนรัศมีของเขา เขาไม่ได้ดูพิเศษอีกต่อไป
”จริงหรอ?” คำตอบของซูผิงทำให้เธอขมวดคิ้ว
ถ้าซูผิงโกหกสภาวะเทพอมตะจะไม่รู้สึกขุ่นเคืองและฆ่าเขาหรอ?
ซูผิงไม่รู้ว่าซูจินเอ๋อคิดอะไรอยู่ในใจ เขาไม่ได้แก้ตัว เพราะส่วนหนึ่งเขาต้องการแกล้งจริงๆ แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าความเสี่ยงที่จะถูกสภาวะเทพอมตะโจมตีจะทำให้เขาตาย
ท้ายที่สุดแม้ว่าสภาวะเทพอมตะจะแข็งแกร่งในสายตาของเขา แต่พวกเขาก็จะไม่ทำตัวโหดร้าย ฆ่าทุกคนที่พูดถึง เขาเคยเห็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าพวกเขามาแล้ว อย่าง ผู้อาวุโสอีกาทองคำ
ไม่ต้องพูดถึงบรรพบุรุษอีกาทองคำซึ่งน่ากลัวกว่าเทพอมตะอย่างแน่นอน
“ฉันไม่คิดว่าจะเจอคนแบบนาย ดี ฉันไม่ต้องการแหล่งมิติเวลา สำหรับฉันการเป็นเจ้าดวงดาวนั้นง่ายเหมือนการดื่มน้ำ ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ ”
ซูจินเอ๋อถอนหายใจด้วยความเสียใจ มันน่าผิดหวังที่ไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้หลังจากใช้ท่าไม้ตาย
“…”
ซูผิงไม่รู้จะพูดอะไร เธอจะหยุดเย่อหยิ่งหลังจากแพ้ม่ได้หรอ? ‘ง่ายเหมือนดื่มน้ำ’? มันจะราบรื่นราวกับผายลมสำหรับฉัน!
โดยไม่พูดอะไร ซูผิงยกเลิกการหสานและส่งทั้งโครงกระดูกน้อยและมังกรเพลิงนรกกลับไปที่พื้นที่สัญญา เขาใช้พละกำลังของเขาเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นในการต่อสู้ครั้งก่อนและคลังอาวุธเกือบทั้งหมดของเขา ยกเว้นร่างอีกาทองคำและร่างเทพผู้วิเศษที่เขาปลุกขึ้นมาตอนไปที่โลกอีกาทองคำ
โครงกระดูกน้อยและมังกรเพลิงนรกหมดแรงทั้งคู่ พวกมันซุบซิบกับซูผิงก่อนจะจากไป
… ไอรีนโนเวล
“พวกเขามีศักยภาพของสภาวะเทพดวงดาว!” “เด็กสองคนนั้น…”
ในวิหารเหนือทวีป ไฮถัวกับคนอื่นยังรู้สึกทึ่ง การต่อสู้เกินกว่าความคาดหมาย แชมป์ของกาแล็กซี่พวกเขาแค่เทียบได้กับหลิงหู่เจี้ยนในปีแรก หรืออาจแข็งแกร่งกว่า แต่ทว่า เด็กสองคนเหล่านั้นกลับฆ่าผู้สืบทอดของเทพแห่งดาบได้ทันที
ยังมีช่องว่างให้พัฒนา
“แค่ประกาศซะ ฉันจะต้องได้ตัวเด็กสาวคนนั้น”หญิงสาวจากวังฟีนิกส์ดำพูด
ดวงตาของคนอื่นเป็นประกาย โหยวหยิงหัวเราะและพูด”บังเอิญจริง ฉันชอบศิษย์ผู้หญิงเหมือนกัน”
ฮวนเลี่ยเซินยิ้มและพูด”บังเอิญจริง ๆ ฉันก็ด้วย”
นักสู้เฒ่าหัวเราะ”ฉันด้วย’
หญิงสาวจากวังฟีนิกส์ดำกลายเป็นโกรธและพูด”หยุดเล่นลิ้นกันได้แล้ว!งั้นก็เอาเธอไปเลย ฉันจะเอาตัวชายหนุ่มคนนั้นไปแทน!” “อืม สงสัยจะบังเอิญอีก ฉันเองก็ขาดศิษย์ชาย”โหยวหยิงยิ้ม
ฮวนเลี่ยเซินหัวเราะ”ถูกต้อง หนุ่มหล่อมักเป็นหัวข้อให้พูดคุย”
นักสู้เฒ่าแค่นเสียง”วิชาหมัดในภูเขาหมัดสวรรค์เป็นที่รู้ดีถึงความดุร้ายและความเหมาะสมแก่ผู้ชาย”
“นาย..”
หญิงสาวจากวังฟีนิกส์กัดฟัน คนเหล่านี้ไม่เต็มใจมอบเด็กคนไหนให้เธอเลย
ไฮถัวไม่สนใจการโต้เถียงนี้ เขาพูดด้วยสีหน้าแปลกๆ”ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกใคร ฉันหวังว่าพวกนายจะไม่โกรธ ทั้งคู่คืออัจฉริยะที่โตในซิลวี่ และก็จะสร้างคุณภาพให้กาแล็กซี่เราในอนาคต นอกจากนี้ ชายแดนของจักรวาลยังอยู่ในช่วงสงคราม และก็ขาดคนมีพรสวรรค์”
คนอื่นเลิกคิ้วแต่เงียบ พวกเขารู้ว่าไฮถัวกังวลว่าพวกเขาจะทำอะไรร้ายแรงถ้าไม่ได้ตัวศิษย์
พวกเขาจะไม่ทำงั้น เพราะระหว่างพวกเขาไม่ได้มีความขุ่นเคืองอะไรฝังลึก
“เอาล่ะ ฉันจะไปมอบรางวัล”ไฮถัวยิ้มและไป
…
ตอนนี้ ด้านนอกสนามรบ
เจ้าดวงดาวประกาศว่าซูผิงเป็นผู้ชนะหลังเห็นว่าซูจินเอ๋อยอมรับความพ่ายแพ้ และทั้งคู่ก็หยุดสู้กัน
พายุแห่งความร้อนที่ร้อนระอุราวกับผิวดวงอาทิตย์พัดกระจายออกทันทีที่สนามพลังรอบสนามรบถูกถอนออก หลินหู่เจี้ยน จักรพรรดิมังกรและคนอื่นรีบคลุมตัวเองด้วยพลังดวงดาว ทั้งหมดตกใจ
พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของการต่อสู้จนกระทั่งตอนนี้ เนื่องจากสนามพลังทำงานได้ดี ผลพวงนั้นร้อนพอ มันไม่ยากจะจินตนาการว่าการโจมตีก่อนหน้ารุนแรงแค่ไหน
ซูจินเอ๋อกับซูผิงกลับมาแล้ว คนอื่นรู้สึกประหม่า ทั้งสองคือผู้แข็งแกร่งสุด
น่าเสียดาย ซูจินเอ๋อแพ้ แต่หมัดของเธอก็ทำให้เธอเป็นอันดับสอง ไม่มีใครกล้าไปท้าทายเธออีก!
เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีผู้แข่งขันคนไหนปรารถนาความตาย!
พวกเขาติดร้อยอันดับแล้ว มีสิทธิ์สู้ในนามกาแล็กซี่พวกเขา ทำไมถึงต้องเสี่ยง?
นี่คือพลังของชายที่ปีนร้อยชั้นของอนุสรณ์ทุกสาย..หลิงหู่เจี้ยนกับศิษย์คนอื่นของห้าสถาบันทั้งตกใจและตกตะลึง เขาแข็.แกร่งกว่าพวกเขา แข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะสภาวะชะตากรรมทั่วไปมาก
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเราเป็นอัจฉริยะจริงเหรอ?
พวกเขาแค่ปานกลางเมื่อเทียบกับพวกเขา! ซูจินเอ๋อหันกลับมาและมองซูผิงด้วยแสงแปลกๆในตา เธอถามผ่านกระแสจิต”เห้ ฉากในสนามพลังนายเป็นจริงเหรอ?นายเห็นมันที่ไหน?”
ฉากทั้งหมดในสนามพลังต้องเป็นของจริงจึงจะสร้างได้ นั่นเป็นความรู้ทั่วไป แต่ทว่า เธอยังรู้สึกว่าต้องถาม สิ่งที่เธอเห็นนั้นน่ากลัวมาก
“ชื่อของฉันไม่ใช่’เห้’”ซูผิงตอบ
ทำไมฉันต้องตอบคำถามเธอ?
ซูจินเอ๋อพูดอย่างโกรธๆ”นายไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย ไม่ต้องบอกถ้าไม่อยากบอก!”
ซูผิงกลอกตาโดยไม่พูดอะไร เธอมาหาสุภาพบุรุษอะไรที่นี่?
ซูผิงรู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะตอบ เขารอรางวัลอย่างอดทน
หลังผ่านไปไม่กี่วินาที ซูจินเอ๋อก็อดถามอีกไม่ได้”ก็ได้ ซูผิง คุณซู นายเห็นฉากนั้นมาจากไหน?มีสถานที่เช่นนั้นในจักรวาลเราด้วยเหรอ?ฉันไม่คิดว่าฉันเคยได้ยินมาก่อน”
“..”ซูผิงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เธอยังถามอีก?มันเห็นได้ชัดว่าฉันไม่อยากบอกเธอ
“ในสถานที่ที่ไกลมาก เธออยากรู้จริงเหรอ?ฉันสามารถพาเธอไปได้ถ้ามีโอกาส”ซูผิงพูดอย่างผ่อนคลาย
เธอคืออัจฉริยะชั้นนำ ซูผิงไม่อยากสร้างศัตรูโดยไม่มีเหตุผล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว