ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 904

มีวังวนอันน่าสะพรึงกลัวอยู่บนหน้าอกของชายผู้นั้น มันหมุนเหมือนหลุมดำ กลืนกินและบิดกฎกับพลังงาน
  อัจฉริยะสามคนที่ต่อสู้กับเขานั้นตกตะลึง เพราะพวกเขาเคยได้ยินแต่วิธีการนี้จากในนิทานเท่านั้น มีเพียงกายาขั้นสูงเท่านั้นที่สามารถปลุกความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้!
  ”ไปกันเถอะ!”
  พวกเขาอ่อนแอลงหลังจากต่อสู้อยู่พักหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะหนีด้วยความโกรธ
  …
  ”เขาคือใคร? แข็งแกร่งมาก!”
  “เขาต่อสู้กับสามคนนั้นและบดขยี้พวกเขา คนเหล่านั้นแข็งแกร่งเท่ากับเรา…”
  ที่ขอบสนามรบ ผู้คนจำนวนมากสังเกตเห็นจากมิติลึกด้วยความประหลาดใจ
  ซูผิงและอู่หลินฉวนที่เพิ่งมาถึงเมื่อไม่นานนี้มองไปที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ทั้งสองหยุดชะงัก เขาตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าจะมีผู้เข้าแข่งขันคนใดจะแข็งแกร่งขนาดนี้
  “เขาปลุกเทคนิคที่สืบทอดมาจากร่างเทพของเขา.. กายานั้นจะต้องเป็นหนึ่งในกายาที่ดีที่สุดแน่!”
  “โคตรน่ากลัว ผู้ชายแบบนี้ไปได้ทุกที่ที่ต้องการ เขาสามารถหลุดพ้นจากการล้อมจับได้อย่างง่ายดาย ไม่มีใครหยุดเขาได้!”
  อู่หลินฉวนและคนอื่น ๆ ที่มีความหวังว่าจะไปถึงสภาวะเทพดวงดาวต่างตกใจ พวกเขาคิดว่าซูผิงเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่ดีที่สุดที่พวกเขาเคยเจอมา แต่จู่ๆก็มีอีกคนปรากฏตัวขึ้น
  มันเป็นเทคนิคที่สืบทอดมาจากร่างเทพหรือเปล่า?
  ซูผิงก็เฝ้าดูการต่อสู้เช่นกัน ดวงตาของเขาเป็นประกาย
  ซูจินเอ๋อที่อยู่ใกล้ๆ กระซิบอย่างเคร่งขรึมว่า “ถ้าการเดาของฉันถูกต้อง เขาต้องเป็นคนที่ทุกคนพูดถึง เขามีกายเทพชั้นนำ!”
  ชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตา หลิงหู่เจี้ยน และคนอื่นๆ ต่างตกตะลึงกับสิ่งนี้ ชายคนนั้นอยู่ในสภาวะชะตากรรม แต่แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก!
  ทันใดนั้นจู่ๆพวกเขาก็เห็นอกเห็นใจกับอัจฉริยะทั่วไปที่โดนพวกเขาเหยียบหน้ามาโดยตลอด
  บูม!
  จากนั้นชายคนนั้นก็ปลดปล่อยพลังของเขาหลังจากเอาชนะยอดฝีมือระดับสูงสามคนและเอาชนะอัจฉริยะคนอื่นๆ ที่ไม่สามารถหลบหนีได้ทันเวลา เขาถือหอกและมองไปรอบ ๆ ราวกับว่าสังเกตเห็นคนที่ซ่อนตัวอยู่ในมิติลึก
  “เสือจะเดินลำพัง มีแค่มดเท่านั้นที่อาศัยกันเป็นกลุ่ม แกก็เป็นแค่ไก่ อยากจะไปให้ถึงร้อยอันดับแรกอย่างนั้นหรอ? แต่ก็นั่นแหละ จะเป็นไปได้หรอ?”
  เขาเยาะเย้ยไม่ปิดบังความดูถูกของเขาเลยแม้แต่น้อย “ออกจากการแข่งขันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าพวกแกทุกคน!”
  เขาครอบงำ!
  ทุกคนตกใจและโกรธ แต่พวกเขาก็อดกลั้นเมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมา พวกเขาตัวสั่นราวกับเพิ่งอาบน้ำด้วยน้ำเย็น
  …
  ที่ระเบียงด้านนอกของสภาเทพอมตะ—
  มียอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวหลายคนเฝ้าสังเกตการต่อสู้ ยังมีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่หลายร้อยคน ร้อยอันดับแรกจะถูกเลือกในไม่ช้า
  “ตามที่คาดไว้จากหนึ่งในเก้าร่างเทพ เขาอัจฉริยะมากจนปลุกเทคนิคที่สืบทอดมาจากร่างเทพทั้งที่อยู่แค่สภาวะชะตากราม!”
  “กายาของเขาเกี่ยวข้องกับการกลับชาติมาเกิดหรือเปล่า? ว่ากันว่าใครก็ตามที่มีกายาดังกล่าวสามารถเกิดใหม่ได้แม้ว่าจะถูกฆ่าตายก็ตาม ปกติพวกเขาจะจำชีวิตก่อนหน้านี้ของพวกเขาได้ตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยวิธีนี้การบ่มเพาะของพวกเขาจะราบรื่น!”
  “ไม่เพียงแค่นั้น ทักษะที่สืบทอดมาสามารถทำลายพลังดวงดาวและกฎของผู้อื่นได้ มันเกือบจะไร้เทียมทานเมื่อต่อสู้กับคนในระดับเดียวกัน!”
  สภาวะเทพดวงดาวตาเป็นประกาย ในแง่ของความสามารถ ชายคนนี้มีโอกาสที่ดีที่จะขึ้นสู่สภาวะเทพดวงดาว และมีโอกาสที่จะกลายเป็นสภาวะเทพดวงดาวชั้นนำ
  ต้องอย่าลืมว่าสภาวะเทพดวงดาวอยู่ใต้สภาวะเทพอมตะเท่านั้น
  สภาวะเทพดวงดาวชั้นนำก็ค่อนข้างน่ากลัวเช่นกัน ท้ายที่สุดสภาวะเทพดวงดาวเองก็ไม่ได้มีเยอะมากมาย
  ทำไมอัจฉริยะแบบนี้ถึงไม่เกิดในซิลวี่? ไคโรเฝ้าดูการต่อสู้ด้วยความเสียใจ แต่เขาล้มเลิกความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากซิลวี่โชคดีแล้วที่มีอัจฉริยะระดับสูงสองคนทั้งซูผิงและซูจินเอ๋อ กาแล็กซีอื่น ๆ อีกหลายแห่งไม่มีแม้แต่คนเดียว
  การต่อสู้ที่วุ่นวายเกิดขึ้นในทวีปในมิติลึก
  ชายหนุ่มที่มีร่างเทพอาละวาด กลุ่มที่เหลือก็ต่อสู้กันเอง บางคนถูกเขาบดขยี้ ในขณะที่บางคนถูกซูผิงและอู่หลินฉวนบดขยี้
  กลุ่มอื่นบางกลุ่มก็ถูกซุ่มโจมตี สถานการณ์ค่อนข้างวุ่นวาย
  “ฮึ่ม มาดูพวกแกหักหลังกันเองดีกว่า!”
  อัจฉริยะชั้นนำที่คู่หูถูกกำจัดออกไปยืนมองอยู่ที่ขอบสนามรบอย่างเยือกเย็น และปฏิเสธความคิดที่จะเข้าร่วมกลุ่มอื่น เห็นได้ชัดว่ามีคนมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ยังรอดชีวิต และบางคนก็จะต้องถูกทอดทิ้ง
  พวกเขาไม่กลัวที่จะถูกล้อม ถ้าพวกเขาตั้งใจจะหนี ชายหนุ่มที่มีร่างเทพก็ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้
  ครึ่งวันผ่านไป
  ผู้รอดชีวิตจากหลายร้อยคนเหลืออยู่ไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบคน ชายหนุ่มที่มีร่างเทพโจมตีหลายกลุ่ม และรู้สึกเบื่อๆ เขาจึงหยุดโจมตี
  ซูผิงและอู่หลินฉวนกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มอื่นที่รวมกลุ่มกัน
  ”นายคิดว่ายังไง? ฉันแนะนำว่าเราแต่ละคนควรละทิ้งบางคน คนที่ยังรอดเหลืออยู่ไม่มากนัก ถ้าเราละทิ้งสมาชิกยี่สิบคน เกมจะจบลง”
  ฝั่งตรงข้าม กลุ่มอัจฉริยะรวมตัวกันอยู่บนยอดเขา พวกเขายืนอยู่ด้วยกันราวกับดวงดาวและมองซูผิงอย่างเย็นชา
  ซูผิงและอู่หลินฉวนกำจัดอัจฉริยะไปมากมายในระหว่างการต่อสู้ พวกเขามีสมาชิกแปดสิบคน แต่มีอัจฉริยะชั้นนำเพียงหกคนรวมถึงซูจินเอ๋อ หนึ่งในนั้นอู่หลินฉวนเป็นคนชวนเข้าร่วมเพราะเพื่อนร่วมกาแล็กซีของเขาถูกกำจัดไปหมดแล้ว
  ในฐานะหมาป่าเดียวดาย เขาตั้งใจจะอยู่คนเดียว แต่อู่หลินฉวนชักชวนให้เขาเข้าร่วมกลุ่ม โดยสัญญาว่าจะมอบรางวัลมากมายให้
  “น้องซู คุณคิดยังไง?”
  อู่หลินฉวนไม่ตอบ เขาหันกลับไปมองซูผิง
  เขาได้เห็นการโจมตีครึ่งหลัง เริ่มจากที่เพื่อนของเขาพ่ายแพ้ซูผิง ซูผิงแข็งแกร่งมากในหมู่อัจฉริยะชั้นนำ แม้แต่เขาไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะซูผิงได้ แม้ว่าเขาจะมีไพ่ตาย แต่ใครจะรู้ว่าซูผิงมีหรือไม่มี?
  เขาโยนคำถามกลับไปหาซูผิง และทุกคนก็จับตามองเขา
  ฟางฮานเสวี่ย อิเบตาลูน่าและคนอื่น ๆ มีจิตใจที่หนักอึ้ง พวกเขาอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม และจะต้องถูกทอดทิ้งก่อนอย่างแน่นอน
  ซูผิงส่ายหัวและพูดว่า “เพื่อนร่วมทีมของผมต่อสู้เคียงข้างผมมาตลอดทาง ผมไม่ต้องการให้พวกเขาถูกกำจัดแบบนี้”
  อู่หลินฉวนขมวดคิ้ว อันที่จริงเขาก็อยากจะเห็นด้วยกับซูผิง แต่เขาเหนื่อยจากการต่อสู้ และหวังว่าจะได้ออกไปเร็วๆ
  “น้องชาย คุณเป็นคนใจอ่อนจริงๆ!”
  ฝั่งตรงข้าม ผู้นำหนุ่มพูดอย่างเย็นชาว่า “แม้ว่านายจะได้ไปถึงร้อยอันดับแรกกับเพื่อน ๆ ของนายแล้วจะเป็นยังไงต่อ? พวกเขาจะแพ้ และจะยิ่งแย่ลงไปอีกหากกฎเกณฑ์รุนแรงขึ้น!”
  ซูผิงมองเขาอย่างเฉยเมยและตอบว่า “ยังไงมันก็เป็นแค่เกม พวกเขาจะไม่ถูกฆ่าตราบใดที่พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ทันเวลา”
  “พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ว่ายังไงนายก็จะให้พวกเขาเข้าไปใน 100 อันดับแรกให้ได้ใช่ไหม?” ชายหนุ่มพูดอย่างโมโห “คนอื่น ๆ บอกฉันว่านายแข็งแกร่งมาก นายเอาชนะอัจฉริยะระดับสูงหลายคน แต่อย่าคิดว่านายจะสามารถปกป้องคนอื่นได้ นายไม่ใช่ไอ้บ้านั่น!”
  คนบ้า เขาหมายถึงชายหนุ่มที่ปลุกเทคนิคที่สืบทอดมาจากร่างเทพ
  ”นายพูดว่าไงนะ?”
  ในขณะนี้ชายหนุ่มที่มีร่างเทพกำลังพักผ่อนอยู่ในมิติลึก เขาเบิกตากว้างอย่างเย็นชา
  ผู้นำหนุ่มตกตะลึง เขาเปลี่ยนการแสดงออกและกล่าวว่า “ไม่มีอะไร ผมขอโทษ”
  “มาจบเรื่องนี้กันเถอะ ไอ้พวกขี้แพ้!” Aileen-novel
  ชายหนุ่มที่มีร่างเทพสูดลมหายใจ แต่ไม่ได้ลงมือใด ๆ เห็นได้ชัดว่าซูผิงและคนอื่นๆ จะฉวยโอกาสหากเขาโจมตีชายคนนั้น
  เขาโกรธกับสิ่งที่ซูผิงพูด เขาไม่ต้องการโดนเอาเปรียบ
  ผู้ชายคนนั้นเป็นคนงี่เง่าที่คิดว่าเขามีความสามารถที่จะปกป้องผู้อื่นได้!
  คนอ่อนแอควรอยู่ในโคลน พวกเขาจะทำให้คนอื่นเปื้อนไปด้วยหากอยู่ใกล้!
  ผู้คนทั้งสองฝ่ายเปลี่ยนการแสดงออกหลังจากได้ยินเสียงตะโกนดังลั่น เนื่องจากเป็นอัจฉริยะที่น่าภาคภูมิใจจึงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาถูกสาปแช่งแบบนี้
  อย่างไรก็ตามพวกเขาทำได้เพียงกลั้นไว้เพราะพวกเขารู้ว่าชายคนนี้แข็งแกร่งเพียงใด
  ซูผิงไม่ได้โกรธที่ต้องเผชิญกับผู้ชายคนนี้ เขามองไปยังผู้นำหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆ และพูดว่า “หยุดพูด เรามาสู้กันจนกว่าจะเหลือแค่ร้อยคนดีกว่า”
  “คุณต้องการเริ่มการต่อสู้จริงๆหรอ?”
  ชายหนุ่มพูดอย่างหมดหวัง “ก็ได้ อย่าคิดว่าเรากลัว มาดูกันว่าแกเก่งแค่ไหน!”
  ทางด้านซูผิง—ชิลี่และคนอื่นๆ แสดงสีหน้าที่ซับซ้อน พวกเขาไม่ได้คิดว่าซูผิงจะปกป้องพวกเขาจนถึงที่สุด มันเป็นความกรุณาที่ยิ่งใหญ่เกินไป
  คนบ้าพูดถูก พวกเขาจะล้มเหลวไม่ช้าก็เร็วแม้ว่าพวกเขาจะไปถึงร้อยอันดับแรก อย่างไรก็ตามตำแหน่งหนึ่งในร้อยอันดับแรกนั้นมีค่ามาก มันสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับพวกเขาได้
  อู่หลินฉวนที่อยู่ใกล้เคียงพูดไม่ออกเมื่อเห็นว่าซูผิงยุติการเจรจาด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ อย่างไรก็ตามเขาต้องโจมตีซูผิงในขณะนี้ ชื่อเสียงของเขาจะโดนย่ำยีถ้าเขาไล่หรือละทิ้งสมาชิกที่อยู่เคียงข้างเขา ลอร์ดสูงสุดน่าจะกำลังดูอยู่
  ทันใดนั้นเขาก็สงสัยว่าซูผิงดื้อดึงเพราะเขาคิดอย่างนั้นเหมือนกันหรือเปล่า
  พวกเขาไม่รู้ว่ามาตรฐานของลอร์สูงสุดคืออะไร แต่ยอดฝีมือสภาวะเทพอมตะบางคนชอบคนที่มีจิตใจดี
  ช่างเถอะ
  อู่หลินฉวนแอบส่ายหัวหยุดความคิดนั้น เขาต้องจบการต่อสู้ครั้งนี้
  บูม!
  ในไม่ช้าการต่อสู้ก็ปะทุขึ้น การเจรจาที่ล้มเหลวหมายความว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้
  ฟางหานเสวี่ย และคนอื่น ๆ มีสมาธิเต็มที่ พวกเขาไม่ต้องการทำลายโอกาสที่ซูผิงมอบให้พวกเขา พวกเขาจะต้องโทษตัวเองว่าอ่อนแอเกินไปหากพวกเขาถูกกำจัดในการต่อสู้
  ซูผิงและซูจินเอ๋อแทบจะไม่ทันทำอะไรก็มีหลายคนวิ่งเข้ามาหาพวกเขา ผู้หญิงคนหนึ่งเดินตรงไปหาซูจินเอ๋อ เธอดูราวกับนางฟ้า และดวงตาของเธอสะท้อนผ่านกาลเวลานับไม่ถ้วน
  เหลือบมองเพียงแวบเดียวก็เพียงพอแล้วที่ซูจินเอ๋อจะตื่นตระหนก โดยรู้ว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับใครบางคนที่เหมือนกับเธอ
  อีกด้านหนึ่งชายสามคนบินไปทางซูผิง
  มีผู้ชายสองคนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มที่เจรจากับเขาก่อนหน้านี้ ทั้งคู่เป็นอัจฉริยะชั้นนำที่ซูผิงเคยเอาชนะมาก่อนหน้านี้
  “ในเมื่อแกเลือกเอง เราจะเริ่มที่ตัวแกก่อน!” พวกเขาเข้าหาซูผิงอย่างดุดัน
  หนึ่งในนั้นหัวเราะเยาะและพูดว่า “แกจำฉันได้ไหม แกกำจัดคนจากจากกาแล็กซี่ของฉันทั้งหมด ถึงคราวของแกที่จะลิ้มรสความพ่ายแพ้บ้าง!”
  ซูผิงเลิกคิ้วขึ้นโดยไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่เรียกมังกรเพลิงนรกและผสานเข้ากับมัน จากนั้นปลดปล่อยพลังของเขาออกไป
  บูม!
  ชายสองคนเริ่มใช้เทคนิคลับอันทรงพลังของพวกเขาในทันที แต่ซูผิงไม่ได้สนใจ เพียงโจมตีใส่ชายที่พูดก่อนหน้า
  รอยยิ้มเย็นชาของชายคนนี้ถูกแทนที่ด้วยความโกรธในทันที เขาจะกำจัดฉันแล้วหรอ?
  “เจ้าหนู แกร้องหาความตายเองนะ!”
  เขาสูญเสียพลังดวงดาวไปอย่างรวดเร็วขณะที่เขาพยายามต่อต้านดาบหมัดของซูผิง เขาต้องหนีผ่านมิติชั้นห้าในการต่อสู้ครั้งก่อน แต่ตอนนี้เขาวิ่งหนีไม่ได้แล้ว เพราะทุกคนต่างจับตามองอยู่
  นี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้าย และลอร์ดสูงสุดอาจกำลังดูอยู่!
  ซูผิงต่อยโดยไม่พูดอะไร พลังดวงดาวภายในร่างกายของเขานั้นยิ่งใหญ่ราวกับมหาสมุทร เซลล์ทั้งหมดของเขาเป็นเหมือนดวงดาวที่ควบแน่นซึ่งเต็มไปด้วยพลังดวงดาวปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวและทำลายล้าง
  ชายอีกสองคนตระหนักถึงเจตนาของซูผิงและโจมตีด้วยกำลังเต็มที่ พยายามจะทำร้ายซูผิง อย่างไรก็ตามพวกเขาต่างต้องประหลาดใจ ซูผิงใช้พลังของกฎนับร้อยซึ่งสามารถต้านทานการโจมตีของพวกเขาได้
  นอกเหนือจากการโจมตีด้วยกฎหแล้ว พลังธาตุในเทคนิคลับของพวกเขาไม่ได้ทำให้เกิดร่องรอยอะไรกับซูผิงเลย
  “เขาแข็งแกร่งจนน่าตกใจ!”
  “ร่างกายของเขาแข็งแกร่งราวกับอสูรปีศาจระดับดวงดาวขั้นสูง!”
  ยิ่งต่อสู้กันนานก็ยิ่งน่าตกใจ
  ชายหนุ่มที่ซูผิงมุ่งเป้าถอยหลังเรื่อยๆจากแรงกดดัน ขณะที่เขามองการโจมตีอย่างต่อเนื่องของเพื่อนเขา เขาพูดด้วยความโกรธว่า “แกยังไม่พยายามเต็มที่อีกหรอ? ฉันจะถูกกำจัดถ้าแกไม่ช่วยหยุดเขา!”
  “!!”
  ทั้งสองคนเงียบ เต็มที่? พวกเขาใช้กำลังเต็มที่แล้ว ยกเว้นไพ่ตาย ใครจะคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะยังไม่เป็นอะไร?
  ทำไมมีสัตว์ประหลาดเยอะแบบนี้? โชคดีที่เขาไม่มีกายาชั้นยอดหรือเทคนิคที่สืบทอดมา!
  ทั้งคู่ดูแย่มาก ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าทำไมซูผิงถึงไม่เต็มใจที่จะยอมรับข้อตกลง
  เขาไม่จำเป็นต้องยอมรับในเมื่อเขาแข็งแกร่งขนาดนี้
  พวกเขากำลังโจมตีซูผิงด้วยกัน แต่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะซูผิงได้ การต่อสู้ได้รับความสนใจอย่างมาก ในไม่ช้าหลิงหู่เจี้ยนและซูจินเอ๋อที่ตอนแรกตั้งใจที่จะช่วย แต่หลังจากเห็นว่าซูผิงจัดการได้ก็เลือกคู่ต่อสู้ของตัวเอง
  อู่หลินฉวนตกตะลึงเมื่อเห็นว่าซูผิงแข็งแกร่งแค่ไหน อย่างไรก็ตามในไม่ช้าเขาก็พบว่าการโจมตีจากชายอีกสองคนนั้นดูน่ากลัว แต่ไม่มีผลเลย สองคนนั้นแค่แกล้งทำเป็นโจมตีหรอ?
  มันเป็นความจริงที่พันธมิตรชั่วคราวไม่น่าไว้ใจ!
  เขาโล่งใจ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจซูผิงอีกต่อไป เขาจะไม่เป็นไรแม้ว่าซูผิงจะถูกกำจัดจริงๆ พวกเขาไม่ได้เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว
  ในมิติชั้นลึก ชายหนุ่มที่มีร่างเทพก็สังเกตเห็นสถานการณ์เช่นกัน และดูเหมือนกระตือรือร้นที่จะต่อสู้ “ฮะ? เด็กคนนั้นค่อนข้างน่าสนใจ เขาไม่ได้ไร้ค่าเหมือนคนอื่นๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว