ซูผิงรู้สึกถึงพลังรุนแรงที่ผลักเข้าหาเขา ซอมบี้ตกลงใส่ราวกับโลกใบเล็ก
แขนของซูผิงรู้สึกหนัก เขาอดไม่ได้ที่จะฉีกช่องว่างและเข้าไปในมิติชั้นสี่
อย่างไรก็ตามซอมบี้ตามเขาเข้ามาในมิติลึกด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์
ซูผิงตกใจ เขาปลดปล่อยพลังเต็มที่ในทันที
เขารวบรวมกฎร้อยข้อใส่ในดาบและเปิดใช้งานกายแสงอาทิตย์ และภาพร่างดวงดาวภายในร่างกายของเขาด้วย จากนั้นเขาก็โจมตีที่หน้าผากของซอมบี้
ซอมบี้ดูเหมือนจะรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น มันจึงเงยหัวขึ้นเพื่อป้องกัน
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจมาก เนื่องจากซอมบี้ก่อนหน้านี้ไม่สามารถป้องกันได้
ดูเหมือนว่าซอมบี้ตรงหน้าเขาจะไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะมันมีสัญชาตญาณที่จะปกป้องจุดอ่อนที่ร้ายแรงของมัน
ดาบฟันเข้าที่แขนของซอมบี้ ทะลุชุดเกราะและฝังอยู่ในกระดูกของมัน
ดาบหายไป มันสร้างขึ้นใหม่ในมือของซูผิงก่อนที่เขาจะใช้มันเพื่อพยายามแทงที่หน้าผากของซอมบี้อีกครั้ง
ซอมบี้ป้องกันการโจมตีอย่างต่อเนื่อง มีรอยแตกปรากฏบนแขนมากขึ้น มันคำรามอย่างโกรธจัดและพุ่งเข้าใส่ซูผิงเมื่อเขาหยุดอยู่ครู่นึง ดูเหมือนพยายามจะจัดการกับเขา
ซูผิงต่อยใส่มัน ทั้งสองถอยไปข้างหลัง แต่ซูผิงถอยไปไกลกว่า มือของเขาชา แต่ดวงตาของเขาเป็นประกาย นี่คือความแข็งแกร่งของเจ้าดวงดาวที่ไม่ใช้พลังแห่งศรัทธาหรอ??
เขาไม่เคยต่อสู้กับเทพนักรบ—ซึ่งเทียบเท่ากับเจ้าดวงดาว— ในหลุมศพกึ่งเทพ
ท้ายที่สุดเขาอ่อนแอเกินไปในตอนนั้น มันคงไร้ประโยชน์ที่จะสู้กับเจ้าดวงดาว
เทพนักรบเหล่านั้นได้เรียนรู้เทคนิคลับที่ซับซ้อนจากโจแอนนา พวกเขาสามารถโจมตีเขาได้อย่างง่ายดายแม้ไม่มีพลังแห่งศรัทธา
ฉันยังไม่ได้ผสานกับโครงกระดูกน้อย ฉันสามารถปราบปรามซอมบี้ได้อย่างง่ายดายถ้าฉันผสาน!
ซูผิงค่อนข้างพอใจกับผลการทดสอบ
ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะมีร่างกายแข็งแรงพอๆ กับเจ้าดวงดาวทั้งที่อยู่แค่สภาวะชะตากรรม!
“เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ”
ซูผิงไม่คิดที่จะปกปิดอะไรอีกต่อไปแม้ว่าจะสภาวะเทพอมตะจะเฝ้าดูอยู่ก็ตาม ท้ายที่สุดเขามีเทพอมตะเป็นอาจารย์ของเขาแล้ว มีโอกาสที่อาจารย์จะให้ผลประโยชน์แก่เขามากขึ้นถ้าเขาแสดงความแข็งแกร่ง
นอกจากนี้เขาจะฝึกอย่างสันโดษหลังจากการแข่งขันจบลง ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้
ปิ้ว!
กระแสลมสีดำกระจายออกจากร่างกายของซูผิง รูม่านตาของเขาดำมากขึ้น และผิวหนังของเขาก็ปล่อยอากาศสีดำออกมาด้วย ในตอนท้ายมิติลึกก็ดูเหมือนจะสกปรกมากขึ้น มันคือร่างเทพผู้วิเศษที่เขาได้มาตอนไปเยือนโลกของอีกาทองคำ!
ซอมบี้ถูกกลืนกินเมื่อสนามพลังของร่างเทพถูกเปิดออก
ความมืดหายไปในไม่กี่วินาทีต่อมา ซูผิงยืนอยู่ที่เดิม แต่เกิดรอยแตกที่หน้าผากของซอมบี้
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ซูผิงก็เห็นโครงกระดูกน้อยต่อสู้กับซอมบี้สองสามตัวอยู่ เขาต้องยอมรับว่าความสามารถจากสายเลือดของราชาโครงกระดูกนั้นยอดเยี่ยมมาก โครงกระดูกน้อยฟื้นตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงแม้ว่ากระดูกของมันจะร้าวก็ตาม
ซูผิงเข้าไปช่วยอย่างไม่ลังเล
ในไม่ช้าการต่อสู้ก็สิ้นสุดลงในมิติชั้นสี่ และซูผิงสะสมแกนศักดิ์สิทธิ์ได้ห้าอัน
ซูผิงและโครงกระดูกน้อยกลับมายังมิติหลัก และพบว่าไม่มีใครอยู่บนกำแพงเมือง เขาเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวังและเห็นซอมบี้หลายสิบตัวอยู่ในอาคารทรุดโทรมข้างหลังกำแพง
จากนั้นเขาก็ขอให้โครงกระดูกน้อยออกไปล่อพวกมันในทันที
โครงกระดูกน้อยรับหน้าที่ลาดตระเวนในสนามบ่มเพาะมาโดยตลอด
ดังนั้นจึงทำได้ดีไม่ว่าจะเป็นการซ่อนตัว ตรวจจับ และล่อ
โครงกระดูกน้อยปล่อยกลิ่นอายของมันและดึงดูดซอมบี้หกตัว ซูผิงจะจัดการพวกมันอย่างรวดเร็วในมิติชั้นสี่หลังจากที่พวกมันออกจากฝูงชน
ซูผิงสะสมแกนศักดิ์สิทธิ์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ กวาดล้างทั้งเมือง
…
ภายในอาณาจักรลับทะเลเทพ—
ท่ามกลางพื้นที่กว้างใหญ่ที่มีอาคารอยู่บนใบหญ้าใบหนึ่ง
มีคนนั่งดูอยู่สองสามคน พวกเขาดูพร่ามัวและถูกปกคลุมไปด้วยแสง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะซ่อนตัวอยู่ในแม่น้ำแห่งกาลเวลา พวกเขาอยู่ที่นั่น แต่ไม่สามารถตรวจพบได้ เว้นแต่พวกเขาจะต้องการให้ตรวจพบ
ที่ใจกลางของวิหารเป็นภาพจำแลงของโลกใบหนึ่ง
“ฉันไม่ได้คิดว่านายจะกวาดล้างอาณาจักรลับนี้ นายจัดการซอมบี้สภาวะเทพอมตะสองตัวที่ซุ่มซ่อนอยู่ที่นี่แล้วหรือยัง?” ชายร่างสูงและดูแข็งแกร่งถามอย่างเฉยเมย
ด้านบน มู่เซินสวมผู้ชุดคลุมสีขาวดูเหมือนคนอ่อนโยนและเข้าถึงได้ง่ายพูดว่า “พวกมันตายไปแล้ว และเหลือเพียงสัญชาตญาณการต่อสู้เท่านั้น พวกมันฉลาดและแข็งแกร่งจริง ๆ ตอนยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกมันตายไปแล้ว”
“นายไม่ได้เรียกเรามาที่นี่เพื่อทดสอบเด็กพวกนั้นใช่ไหม? ฉันได้ยินมาว่าความสงบสุขในจักรวาลกำลังจะหายไปอีกครั้ง ว่ากันว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น จริงหรอ?” ชายชราถามเสียงต่ำ
มู่เซินพยักหน้าและกล่าวว่า “นายก็รู้ว่าอาณาจักรลับทะเลเทพอยู่ใกล้กับแกนกลางของจักรวาลมากที่สุด ฉันได้ยินเสียงสั่นสะเทือนตอนที่กำลังฝึกอย่างสันโดษเมื่อไม่นานมานี้”
“เสียงสั่นสะเทือน?”
”ใช่แล้ว” มู่เซินหรี่ตาและพูดอย่างเคร่งขรึม “มันเป็นเสียงการเต้นของหัวใจ มันมาจากส่วนลึกของจักรวาล การคาดเดาคร่าวๆของฉันคือมันมาจากมิติชั้นเก้า หัวใจทะลุเข้าไปในมิติมากมายและมีทำนองของวิถี ฉันสงสัยว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่บันทึกไว้ในหนังสือโบราณ”
“นายหมายถึง… วิถีสวรรค์?”
“ฉันได้ยินมาว่ายังมีอีกระดับหนึ่งที่เหนือกว่าเรา สภาวะวิถีสวรรค์!”
“มันอยู่ในบันทึกจริงๆ มียอดฝีมือสภาวะวิถีสวรรค์ในสมัยดึกดำบรรพ์ที่เชี่ยวชาญกฎและทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล พวกเขาเป็นเหมือนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่จัดการปัญหาทั้งหมดในจักรวาล รวมถึงความก้าวหน้า การสืบพันธุ์ การกำเนิด การตาย และอื่นๆ”
ผู้บ่มเพาะสภาวะเทพอมตะทุกคนหรี่ตาลง พวกเขามีชีวิตอยู่มายาวนาน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ความลับมากมาย
ทั้งจักรวาลจะต้องตกใจถ้าคำพูดนี้ถูกกระจายออกไป
สภาวะเทพอมตะเป็นระดับสูงสุดในสายตาของคนส่วนใหญ่ ไอลีนโนเวล
มิฉะนั้น พวกเขาจะไม่ถูกเรียกว่า “เทพอมตะ”
“นายเรียกเรามาที่นี่เพราะต้องการให้เราติดตามเสียงในมิติชั้นเก้าร่วมกันอย่างงั้นหรอ?” เซินฮวงซึ่งเป็นอาจารย์ของซูผิงถาม
เขาดูสุภาพและสง่างามในชุดคลุมสีทองราวกับนั่งอยู่บนบัลลังก์
มู่เซินส่ายหัวและพูดว่า “ฉันได้ให้ร่างจุติของฉันไปตรวจสอบ ฉันเรียกทุกคนมาเพราะเรื่องอื่น พี่กู่ขอให้ฉันแจ้งทุกคน”
“พี่กู่?”
ทุกคนดูเคร่งขรึมเมื่อได้ยินอย่างนั้น ชื่อดังกล่าวเป็นข้อห้ามที่แท้จริงในสหพันธ์
“เขาบอกว่ามิติลึกในจักรวาลเริ่มผสานกัน เมื่อพิจารณาจากแนวโน้ม มิติลึกทั้งหมดจะรวมกันในไม่ช้า เราไม่สามารถฉีกช่องว่างเปิดออกได้ และวัตถุทั้งหมดที่อยู่ในมิติลึกก็จะถูกบีบออกมาเช่นกัน!”
มู่เซินกล่าวเสริมอย่างเคร่งขรึม “ทุกคนรู้ดีว่าสิ่งของมากมายที่หลงเหลือจากยุคดึกดำบรรพ์ที่ซ่อนอยู่ในมิติลึกนั้นอันตรายแค่ไหน!”
“การผสานเป็นเรื่องจริงหรอ?” มีคนถามอย่างตกใจ
เขาอดไม่ได้ที่จะพูดต่อ “ฉันก็คิดว่าตัวเองคิดไปเองซะอีก ฉันไปสถานที่หนึ่งในมิติชั้นเก้าก่อนหน้านี้และพบว่ามันเชื่อมต่อกับมิติชั้นแปด หากมิติทั้งหมดรวมกันแล้ว วัตถุโบราณและอสูรร้ายจะไม่ปรากฏออกมาในสหพันธ์หรอกหรอ?”
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในสหพันธ์ คนที่ได้รับความเคารพมากกว่าจักรพรรดิที่แท้จริง แต่ทุกคนรู้สึกหนาวสั่นเมื่อจักรวาลกำลังจะผสานรวมกัน
พวกเขาสำรวจสถานที่ต่างๆ ในมิติลึกมามากมาย พวกเขารู้ว่ามีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวถูกซ่อนอยู่ในจักรวาลมากแค่ไหน
“พี่กู่ได้คาดการณ์ไว้ไหมว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่ช่องว่างจะรวมเข้าด้วยกัน?” หนึ่งในนั้นถาม
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง มู่เซินก็พูดว่า “มากสุดคือหมื่นปี!”
ทุกคนในวิหารเงียบกริบ
หมื่นปีเป็นเวลานานสำหรับคนธรรมดา แต่สำหรับพวกเขา มันเป็นแต่ระยะเวลาในการฝึกฝน
“ไม่น่าแปลกใจที่ศูนย์กลางของสหพันธ์ได้รวบรวมทรัพยากรและพัฒนาเทคโนโลยี พวกเขาจะต้องเตรียมการสำหรับเรื่องนี้”
“ถ้ามิติผสานรวมกันจริงๆ อาณาเขตของเราจะถูกทำลายอย่างรุนแรง มนุษย์ก็อาจตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน พี่กู่เรียกเรามาที่นี่เพราะเขามีวิธีแก้ใช่ไหม?”
มู่เซินกล่าวว่า “ไม่ แต่เขามีวิธีที่จะทำให้มันช้าลง เขาได้สร้างไม้เท้าเทพผสานฟ้าสิบสองอัน เราจำเป็นต้องส่งพวกมันไปในสิบสองที่ในมิติชั้นเก้า ซึ่งช่วยในการขยายระยะเวลาในการผสานของจักรวาลเป็นหนึ่งแสนปี ทำให้เรามีเวลาคิดมากขึ้น”
“ไม้เท้าเทพผสานฟ้า?” มีคนถามด้วยความประหลาดใจว่า “พวกมันจะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าหากพวกมันสามารถชะลอการผสานรวมครั้งใหญ่เช่นนี้ได้ใช่ไหม?”
”ทำไม? นายสนใจสมบัติเหล่านั้นด้วยหรอ? นายไม่มีทางขโมยพวกมันได้” หญิงสาวสสภาวะเทพอมตะกล่าวและเยาะเย้ย
“ศิษย์น้อง เป็นเวลานับล้านปีแล้วตั้งแต่เรื่องนั้น ทำไมเธอยังคงแค้นอยู่อีก? ตอนนี้ฉันเป็นเทพอมตะ ฉันไม่จำเป็นต้องขโมยอะไร” ชายคนนั้นพูดอย่างช่วยไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้นยังคงเยาะเย้ย “ฉันรู้ดีว่านายทำอะไรอยู่ช่วงนี้ และจำไว้ว่าเราไม่เกี่ยวข้องกัน เราเรียนรู้จากอาจารย์คนเดียวกัน แต่เราเดินบนเส้นทางที่ต่างกัน อย่าเรียกฉันว่าศิษย์น้อง”
เทพอมตะคนอื่นๆ เหลือบมองพวกเขา มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่มีอาจารย์คนเดียวกัน อย่างไรก็ตามอาจารย์ของพวกเขาเสียชีวิตไปนานแล้ว และพวกเขาได้ก้าวขึ้นเป็นสภาวะเทพอมตะด้วยการผสมผสานของธาตุและการฝึกหนักของตัวของพวกเขาเอง ท้ายที่สุดการไปถึงสภาวะเทพอมตะนั้นต้องอาศัยความพยายามอย่างมาก!
“แต่ละคนจะดูแลหนึ่งในไม้เท้า ดูแลพวกมันให้ดี พวกมันมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อจักรวาลของเรา!” มู่เซินพูดอย่างเฉยเมย
“นั่นเป็นเรื่องจริง” ชายชราพยักหน้าและกล่าวว่า “พี่กู่ยอดเยี่ยมจริงๆ เราไม่สามารถเตรียมอะไรได้เลยหากเรามีเวลาเพียงหมื่นปี หนึ่งแสนปียังคงเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เราน่าจะสามารถดูแลนักเรียนสภาวะเทพดวงดาวจำนวนมากเพื่อจัดการกับภัยพิบัติได้”
“ไม่น่าแปลกใจที่นายเรียกเราเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ นายต้องการให้เรารับสมัครศิษย์เพิ่มใช่ไหม?”
มู่เซินพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่แล้วอัจฉริยะที่มีศักยภาพของสภาวะเทพดวงดาวปรากฏในทุกการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาล พวกเขาสามารถไปถคงสภาวะเทพดวงดาวได้อย่างง่ายดายด้วยการฝึกอบรมที่เหมาะสม เราจะต้องฝึกฝนพวกเขาให้มากขึ้นในอนาคต คงจะดีมากหากพวกเขาหนึ่งหรือสองคนไปถึงสภาวะเทพอมตะ”
“หนึ่งหรือสองคนที่ไปถึงสภาวะเทพอมตะในหนึ่งแสนปี… มันค่อนข้างยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย”
“เกือบแปดหมื่นปีแล้วใช่ไหมที่เสวี่ยหยิงมาถึงสภาวะเทพอมตะ? เท่าที่ฉันรู้ เทพอมตะจะปรากฏตัวทุกๆ แสนถึงสามแสนปี” ชายหนุ่มคนนึงหัวเราะคิกคัก แต่ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นเทพอมตะมาเป็นเวลานาน
เขาเป็นคนที่น่าเกรงขาม แม้กระทั่งในหมู่เทพอมตะ
”ฮะ?”
ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนคนนึงก็เลิกคิ้วและมองไปยังภาพฉายตรงกลางซึ่งการต่อสู้กำลังดำเนินอยู่
เขาถามด้วยความประหลาดใจว่า “เด็กคนนั้นใช้กายาอะไร? ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่หนึ่งในร่างเทพ แต่ก็ยังทรงพลังมาก”
ทุกคนมองการต่อสู้เช่นกัน และตกใจกับสิ่งที่เห็น
เซินหวงตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วยิ้มกว้าง “แค่ปล่อยมันไปเถอะทุกคน เขาเป็นลูกศิษย์คนใหม่ของฉันเอง ดูเหมือนว่าเขาจะซ่อนตัวเองได้ดีมาก”
เขาก็ตกตะลึงกับสิ่งนี้เช่นกัน
เดิมทีเขาคิดว่าร่างเทพอีกาทองคำที่ซูผิงใช้คือกายาหลักของเขา
เขาไม่รู้ว่าซูผิงมีกายาอื่นซึ่งดีเท่ากับร่างเทพอีกาทองคำอีกด้วย!
กายาคู่?
นั่นไม่ใช่ไม่เคยมีมาก่อน มีสามกายาและสี่กายาได้รับการกระตุ้นโดยสายเลือดผสมหรือวิธีการต่างๆ
อย่างไรก็ตามกายาเดียวนั้นแข็งแกร่งกว่าเสมอ
กายาหลายกายาไม่แข็งแกร่งเพราะจำนวน ในทางกลับกันแต่ละกายาจะอ่อนแอ ทำให้ยากสำหรับยอดฝีมือที่จะไปถึงจุดสูงสุด
เซินหวงยินดีเพราะเห็นได้ชัดว่าซูผิงไม่ได้มีกายาคู่ นี่หมายความว่าหนึ่งในกายาของเขาไม่ใช่กายาที่แท้จริง แต่เป็นโครงสร้างร่างกายของเขาเอง!
มันเหมือนกับพวกออร์คที่มีรูปร่างเป็นอสูรร้าย เช่นเดียวกับกายาที่เปิดใช้งานโดยยีนของพวกมัน นั่นเป็นสองแนวคิดที่แตกต่างกัน
เด็กคนนั้นมีเลือดของอีกาทองคำจริง ๆเซินหวงคิดด้วยความยินดี อีกาทองคำได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ พวกมันกินมังกรและในที่สุดก็จะได้รับความแข็งแกร่งของเจ้าดวงดาวเมื่อโตเต็มวัย พวกมันสามารถไปถึงสภาวะเทพดวงดาวได้อย่างง่ายดายและอาจก้าวไปสู่สภาวะเทพอมตะหากพวกมันมีความสามารถ การบ่มเพาะของพวกมันง่ายกว่าของมนุษย์มาก
ปล.แอดไปฉีดวัคซีนมา แล้วไข้สูงมาก เลยหยุดแปลไปวันนึงค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว