บูม!
ในที่สุดซูผิงก็เผชิญกับการลงทัณฑ์สวรรค์ในขณะที่มีหลายคนเฝ้าดูเขา
สายฟ้าสายแรกฟาดลงมาราวกับขวานที่ผ่าท้องฟ้าออกจากกัน
ซูผิงเงยหน้าขึ้นและจ้องมองในความเงียบ
ปัง!
สายฟ้าฟาดลงมาและห่อหุ้มเขาไว้ แต่เขาดูดซับไว้อย่างรวดเร็ว
กฎข้อหนึ่งที่เขาเชี่ยวชาญนั้นเกี่ยวข้องกับการลงทัณฑ์สวรรค์!
ซูผิงเคยผ่านพวกมันมาไม่รู้กี่ครั้งในหลุมศพกึ่งเทพ ทำให้ได้รับประสบการณ์มากมายในกระบวนการนี้ เขาเชื่อว่าตัวเขาเองสามารถเรียกการลงทัณฑ์สวรรค์หรือส่งต่อให้คนอื่นได้ เมื่อเขาควบคุมพวกมันได้ดีขึ้น! ไม่นานหลังจากนั้น สายฟ้าที่สองก็ลงมา
เป็นอีกครั้งที่ซูผิงไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อต่อต้าน สายฟ้ายังมีพลังพอๆกัน พวกมันจะยังคงเหมือนเดิมในแต่ละรอบ เขาเลือกที่จะอดทนและดูดซับทั้งหมด ท้ายที่สุด การลงทัณฑ์สวรรค์เป็นทั้งการลงโทษและของขวัญสำหรับร่างกายของเขา
ไม่นานก็มีสายฟ้าฟาดลงมาเรื่อยๆ
สายฟ้าทั้งเก้าจากระดับแรกของการลงทัณฑ์สวรรค์ถูกกลืนหายไปในพริบตา
“นั่นคือสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสภาวะชะตากรรมที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลควรจะเป็นอย่างนั้นหรอ?”
“ร่างกายของเขาแข็งแกร่งจนน่ากลัว”
“ถึงมันจะเป็นแค่ระดับแรกของการลงทัณฑ์ แต่สำหรับเขามันก็ดูง่ายเกินไป”
หลายคนแอบประหลาดใจ ความชื่นชมของพวกเขาที่มีต่อซูผิงเพิ่มมากขึ้น
มีสายฟ้าฟาดลงมาอีกครู่หนึ่งหลังจากนั้น ระดับสอง… ระดับสาม…
สายฟ้าฟาดลงมาและส่องสว่างโลกมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงของพวกมันดังก้องไปทั่วทั้งสภาเทพอมตะซึ่งเป็นสถานที่ที่มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าข่าวเรื่องซูผิงทะลวงผ่านจะดังไปไกลแค่ไหน
จากนั้นซูผิงก็พบกับระดับที่หกของการลงทัณฑ์สวรรค์
ในที่สุดเขาก็ลงมือเผชิญหน้ากับสายฟ้าที่เข้ามา มันยากสำหรับเขาที่จะต้านทานแม้จะมีกายแสงอาทิตย์และร่างกายของเขาอย่างเดียว การลงทัณฑ์สวรรค์ในระดับดังกล่าวนั้นทรงพลังเท่ากับการโจมตีจากนักรบระดับดวงดาวขั้นสูงสุด!
ซูผิงคว้าและบีบสายฟ้าขณะที่มันพุ่งเข้าใส่ เหมือนกับการจับกลุ่มเปลวไฟ สายฟ้าส่งเสียงเปรี้ยงปร้างในมือเขา แต่แล้วก็หายไปในที่สุด เขาหลอมรวมเข้ากับความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทัณฑ์สวรรค์ของเขา
ดิแอซยืนอยู่กลางอากาศ เหนือวิหารแห่งหนึ่ง
ใบหน้าของเขาดูกังวลเมื่อเห็นสายฟ้าที่ซูผิงเรียกออกมา วันนี้มาถึง… ในที่สุดสัตว์ประหลาดนั่นก็ก้าวหน้าและกลายเป็นนักรบระดับดวงดาวเหมือนกัน
เขาแทบจะไม่สามารถต่อสู้กับซูผิงได้ตอนที่เขาอยู่ในสภาวะชะตากรรม ความแตกต่างในความแข็งแกร่งของพวกเขากว้างขึ้นไปอีกหลังจากทะลวงผ่าน แม้ว่าพลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้จะสูงขึ้นก็ตาม
ความก้าวหน้าของเขาเองมีความสำคัญมากเมื่อเขาก้าวไปสู่ระดับต่อไป ในทางกลับกัน ซูผิงก็จะก้าวหน้ามากมายเช่นกันหลังจากบุกทะลวง
เขาต้องหาวิธีอื่นที่จะเอาชนะซูผิง!
ปัง!
ดูเหมือนมีบางอย่างคำรามอยู่ในเมฆมืด ขู่ว่าจะฉีกร่างมนุษย์ที่อยู่เบื้องล่าง
การลงทัณฑ์ครั้งนี้คือสายฟ้าฟาดระดับแปด เจ็ดสิบเก้าสายกำลังจะถล่มลงมา
กระแสอากาศมืด ๆ โผล่ขึ้นมาบนร่างกายของซูผิง มันเป็นร่างเทพผู้วิเศษซึ่งป้องกันไม่ให้ผู้อื่นในโลกภายนอกมองเห็นเขา สายฟ้าหายไปในสนามของเขาขณะที่พวกมันกำลังจะโจมตีเขา ได้ยินแต่เสียงระเบิดทื่อ ๆ เท่านั้น
เมฆมือเหนือหัวของซูผิงยังคงอ้อยอิ่งอยู่ ซึ่งหมายความว่าเขาสกัดกั้นสายฟ้าได้
“มันถึงระดับเก้าแล้ว…”
“นี่โคตรน่าเหลือเชื่อเลย นั่นคือขีดจำกัดที่แท้จริงของสภาวะชะตากรรมหรอ?
“ตึ๊ก ตึ๊ก.. เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ฉันไม่ได้เห็นการลงทัณฑ์ที่ยากสุดโต่งอย่างนี้ พรสวรรค์ของเขาไม่มีใครเทียบได้จริงๆ!”
ผู้สังเกตการณ์ทั้งหมดประหลาดใจ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะเจ้าดวงดาว บางคนถึงกับอยู่ในสภาวะเทพดวงดาว ทุกคนรู้ว่าศิษย์ของลอร์ดสูงสุดมีโอกาสที่จะขึ้นสู่สภาวะเทพดวงดาวและกลายเป็นลอร์ดสวรรค์ตราบเท่าที่เขาไม่ได้ตายโดยบังเอิญ
แน่นอนเขาจะครองอันดับราชาเทพเมื่อเขากลายเป็นเจ้าดวงดาว!
บูม!
สายฟ้าฟาดยังคงดำเนินต่อไป
สายฟ้าทั้งแปดสิบเอ็ดสายในระดับเก้าฟาดลงมา เมฆมืดยังคงอยู่และลุกลาม ทำให้เกิดสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้นไปอีก
ทุกคนในที่นี้ตกตะลึง ระดับเก้าของการลงทัณฑ์สวรรค์ยังไม่ใช่จุดจบหรอ?
สายฟ้าปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้น คราวนี้ไม่เหมือนกับสายฟ้าก่อนหน้านี้ มันกดลงมาจากเมฆเหมือนนิ้ว ราวกับว่ากำลังจะทำลายอะไรบางอย่าง
ภายในสนาม—ซูผิงลืมตาขึ้นมาทันทีเมื่อตรวจพบรัศมีแห่งการทำลายล้าง
วิถีแห่งการทำลายล้างถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของการลงทัณฑ์สวรรค์เหนือหัวของเขา! ซูผิงเห็นแจ้งในทันที เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขารีบเลือกที่จะไม่หลบเลี่ยงเพื่อคว้าโอกาสนี้อย่างเต็มที่ เขาทนต่อฟ้าผ่าอีกครั้ง เขากำลังจะเจาะเข้าไปและซึมซับวิถีแห่งการทำลายล้าง
จากนั้นเขาก็จะเชี่ยวชาญวิถีแห่งเวลาและการทำลายล้างซึ่งเป็นกฎสูงสุดสองข้อ!
บูม!
สายฟ้ากระทบร่างของซูผิง เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาถูกฉีกออกจากกัน เหมือนกับถูกรถไฟชน กระดูกของเขาแตกและเซลล์ของเขาถูกเผาไหม้ แต่พวกมันก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ในทันที ต้องขอบคุณคุณสมบัติของอีกาทองคำ
สัญชาตญาณของอีกาทองคำทำให้ร่างกายของซูผิงถูกสร้างขึ้นใหม่และถูกทำลายในเวลาเดียวกัน
เขาเปียกชุ่มไปด้วยเลือด แต่พลังงานภายในร่างกายของเขาเป็นเหมือนแม่น้ำสายยาว ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาแข็งแกร่งขึ้นมากในขณะที่เขาเปิดใช้งานภาพร่างดวงดาวทั้งสองในร่างกายของเขา
เปรี้ยง!
สายฟ้าที่สองฟาดผ่าลงมาอีกครั้ง
ฉากนี่ค่อนข้างน่ากลัวแม้จะมองจากระยะไกล สายฟ้าที่ผ่าลงมาจากก้อนเมฆเป็นรูปนิ้ว ซึ่งทำให้ผู้คนสงสัยว่านี่ใช่การลงทัณฑ์จริงหรือเปล่า
ซูผิงหลับตาลงและเน้นความแข็งแกร่งของร่างกายไปที่การป้องกันและดูดซับ
“นี่คือการลงทัณฑ์สวรรค์หลังจากข้ามขีดจำกัดแล้วใช่ไหม?”
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีสิ่งมีชีวิตบางชนิดกำลังมองลงมาจากเมฆเหล่านั้น”
“ฉันยังมีความรู้สึกว่าถูกจับตามองโดยสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพึงกลัว มีสวรรค์ในโลกนี้จริงหรอ?”
“หยุดคิดเถอะ มันก็แค่ภาพลวงตา ก็เหมือนเมฆบนดาวเคราะห์บางดวงที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ มันเป็นแค่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เรื่องบังเอิญล้วนๆ”
หลายคนกำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือด นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นการลงทัณฑ์สวรรค์ระดับ 9 และอื่น ๆ พวกเขาสามารถคุยโม้เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเห็นไปได้ตลอดชีวิต
ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เห็นความมหัศจรรย์แบบนี้ ดิแอซ—ผู้ซึ่งมีกายากลับชาติมาเกิด—ดึงดูดได้แค่การลงทัณฑ์ระดับแปดเท่านั้น ไม่ยากที่จะจินตนาการว่าระดับเก้าและระดับที่สูงกว่านั้นยากแค่ไหน
”ผู้ชายคนนั้น…”
ดิแอซยืนหน้าดำอยู่เหนือวิหาร เขากำหมัดแน่น รู้สึกโกรธและทำอะไรไม่ถูกอีกครั้ง เขาคิดไว้แล้วว่าช่องว่างระหว่างเขากับซูผิงจะต้องกว้าง แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ เขารู้สึกเหมือนเป็นคนธรรมดาเมื่อเทียบกับซูผิง
ฉันก็สามารถสร้างโลกใบเล็กได้!
เขาสาบานกับตัวเองว่าเขาจะสร้างโลกใบเล็กให้ได้ในระดับดวงดาวแล้วไล่ตามซูผิง!
เวลาผ่านไป
ซูผิงทนสายฟ้าอีกรอบหลังจากระดับเก้า ซึ่งหมายความว่าเขาผ่านระดับที่สิบของการลงทัณฑ์สวรรค์!
เมฆเหนือหัวของซูผิงหยุดนิ่งหลังจากสายฟ้าฟาดลงมาเก้าสิบสาย ดูเหมือนว่าพวกมันจะกระจายกันไป
ซูผิงไม่ได้เป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาเป็นแค่เศษเนื้อ เศษเนื้อในขณะที่แช่อยู่ในสนามพลังของเขา อย่างไรก็ตามแสงดาวส่องออกมาจากเนื้อหนังหลังจากที่เมฆกระจายตัวไป บิดตัวไปมาอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนกลับเป็นรูปร่างของมนุษย์
เมื่อเขาฟื้นสภาพเดิมของเขา ผิวของซูผิงก็เปล่งแสงสีทอง มันคือพลังภายในเซลล์ของเขา ซึ่งยังคงอยู่ในกระบวนการดูดซึม นอกจากนี้ยังมีประกายไฟฟ้าวาววับอยู่บนผิวตัวเขา เขาค่อยๆลืมตาขึ้น มีสายฟ้าในตาของเขาด้วย พวกมันชัดเจนและลึกซึ้งกว่าที่เคย ราวกับว่าจะช่วยให้เขามองทะลุเรื่องใดๆ ก็ได้
เขาดูเงียบสงบราวกับทะเลสาบลึกที่ซึ่งสามารถสะท้อนหรือกลืนกินทุกสิ่งอย่าง
“นี่คือของขวัญที่มอบให้เมื่อคุณเกินขีดจำกัดหรอ? วิถีแห่งการทำลายล้างซ่อนอยู่ในการลงทัณฑ์สวรรค์…” ซูผิงพึมพำกับตัวเอง
เป็นเรื่องยากมากที่คนทั่วไปจะเชื่อมต่อกับกฎสูงสุดสี่ประการ
นอกเหนือจากวิถีแห่งการทำลายล้าง—ซึ่งมองไม่เห็นแต่สามารถสัมผัสได้—อีกสามวิถี อย่าง ชีวิตและโกลาหลนั้นดำรงอยู่แค่ในข่าวลือและไม่อาจจับต้องได้ มันยากที่มนุษย์จะทำความเข้าใจ
รัศมีแห่งการทำลายล้างซึ่งลึกลงไปในแหล่งที่มาของการลงทัณฑ์คือโอกาส
การโจมตีอย่างต่อเนื่องทำให้เขาสามารถเข้าใจส่วนหนึ่งของรัศมีได้ วิถีแห่งการทำลายล้างได้ก่อตัวขึ้นภายในร่างกายของเขาแล้ว
เขาจะสามารถทำให้มันสมบูรณ์แบบได้ตราบเท่าที่เขาเข้าใจลึกซึ้งกว่านี้
ซูผิงสัมผัสได้ทันทีและวัดความแข็งแกร่งของระดับดวงดาวในขณะที่เขาตรวจสอบร่างกายของเขาเอง เขามีพลังดวงดาวมากเป็นสองเท่าของเมื่อก่อน มีพื้นที่มากขึ้นในเซลล์ของเขาและร่างกายของเขาก็กลายพันธุ์เช่นกัน เขาสามารถอยู่ได้โดยปราศจากออกซิเจน น้ำ และสารอื่นๆ ที่สำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิตที่มีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบ
ฉันจะรังแกเด็กถ้าฉันเข้าร่วมการแข่งขันในตอนนี้ ซูผิงคิด
เขาแข็งแกร่งกว่าเดิมมากหลังจากผ่านมาแค่ไม่กี่วัน
กระนั้นนั่นไม่ได้ทำให้เขาแสดงท่าทางเย่อหยิ่ง เขาเชื่อว่าความแข็งแกร่งของหลัวหยิง พุทธองค์หกชีวิตและคนอื่น ๆ จะเติบโตขึ้นอย่างมากเมื่อพวกเขาทะลวงผ่านเช่นกัน โดยเฉพาะพุทธองค์หกชีวิต เขามีโอกาสมากที่จะเรียกตัวเองในอนาคตระดับเจ้าดวงดาวหลังจากไปถึงระดับดวงดาว
มันจะเหมือนกับการโกงถ้าเขาทำได้ ซูผิงไม่สามารถจัดการกับอัจฉริยะสภาวะเจ้าดวงดาวได้ ท้ายที่สุดโลกใบเล็กของเขาไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ ต่อเจ้าดวงดาว
ฉันต้องทำให้โลกใบเล็กของฉันแข็งแกร่งขึ้นด้วยการรวมวิถีแห่งเวลาและการทำลายล้างเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อวิถีแห่งการทำลายล้างสมบูรณ์แบบ โลกใบเล็กของฉันอาจจะต้านทานได้มากขึ้นด้วยกฎสูงสุดสองข้อที่เป็นรากฐาน ยิ่งกว่าเจ้าดวงดาวทั่วไป ซูผิงคิด
จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีคนจำนวนมากกำลังเฝ้าดูเขาอยู่ เขารีบสะบัดหัวออกจากการไตร่ตรองลึก ๆ และกลับไปที่วิหารของเขาทันที
เมื่อกลับมาที่ห้องฝึก ซูผิงได้สำรวจภาพร่างดาวดวงที่สามและเติมพลังดวงดาวของเขา
ตอนนี้ฉันควรตรวจสอบอันดับราชาเทพ ไม่ใช่ว่าฉันจะสามารถสร้างโลกใบเล็กของฉันหรือดูดซับพลังแห่งศรัทธาได้ทุกเมื่อในเร็วๆ นี้ ซะหน่อย
ซูผิงกลับไปบ่มเพาะต่ออย่างทุ่มเท
ภาพร่างดวงดาวที่สามมีชื่อว่าดาวลี้ลับ ซูผิงยังไม่เข้าใจมัน
ในชั่วพริบตาเดียว-
หนึ่งเดือนหลังจากที่ซูผิงก้าวเข้าสู่ระดับดวงดาว
ซูผิงออกจากวิหารและพูดคุยกับผู้เฒ่าหยาน
“เธอต้องการท้าทายอันดับราชาเทพหรอ?” ผู้เฒ่าหยานมองไปที่ซูผิงด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะบ้าถึงขนาดต้องการท้าทายอัจฉริยะสภาวะเจ้าดวงดาวหลังจากที่เพิ่งทะลวงผ่านเข้าสู่ระดับดวงดาวเมื่อไม่นานมานี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเอาชนะเจ้าดวงดาวธรรมดาๆ นับประสาอะไรกับคนที่มีรายชื่ออยู่ในอันดับราชาเทพ
“ผมแค่ต้องการฝึกฝนกับพวกเขาและค้นหาว่าผมจะตามพวกเขาทันได้ยังไง?” ซูผิงกล่าว
ผู้เฒ่าหยานตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาจำการสนทนาของซูผิงกับเซินหวงได้ จากนั้นจึงตระหนักถึงวัตถุประสงค์ของซูผิง เขาพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆว่าขื่น “ฉันไม่เข้าใจแล้ว! คนอื่นคงใฝ่ฝันที่จะอยู่และเติบโตที่นี่ แต่เธออยากจะจากไปใช่ไหม? อยากกลับไปสู่โลกภายนอกขนาดนั้นเลยหรอ? เธอมีทุกสิ่งที่เธอต้องการที่นี่!”
“แต่เพื่อนของผมอยู่ในโลกภายนอก” ซูผิงกล่าว
ผู้เฒ่าหยานตกตะลึงครู่หนึ่ง
เพื่อน…
เขาเหลือบมองซูผิงโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทรัพยากรสามารถทดแทนได้ แต่เพื่อนทดแทนไม่ได้
”ก็ได้ ฉันจะพาเธอไปที่นั่น เมื่อเธอเห็นว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน นั่นจะได้เป็นแรงจูงใจในการฝึก”ผู้เฒ่าหยานกล่าวและพาเขาไป
พวกเขาปรากฏตัวอีกครั้งที่อีกฟากหนึ่งของสภาเทพอมตะ
ที่แห่งนี้เป็นเมืองที่ใหญ่โต มีเมืองแบบนี้เป็นพันเมืองในสภาเทพอมตะ อันนี้เน้นการต่อสู้
สนามกีฬาและสนามรบเสมือนจริงมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
“มีสนามรบเสมือนจริงอยู่ที่นี่ เธอสามารถนัดหมายการต่อสู้ได้ที่นั่น ท้ายที่สุดแล้วเจ้าดวงดาวที่ได้รับการจัดอันดับนั้นเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีเวลาจะมาปรากฏตัว นอกจากนี้ต่อให้พวกเขามา เธอก็จะโดนกระทืบเท่านั้น เธอสามารถเริ่มต้นด้วยการท้าทายเวอร์ชันเสมือนจริงของพวกเขา “ฉันจะขอให้พวกเขาสู้กับเธอในชีวิตจริงเมื่อเธอเอาชนะพวกเขาในสนามรบเสมือนจริงได้” ผู้เฒ่าหยานกล่าว
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งนี้ เขาถามว่า “พลังต่อสู้ทั้งหมดของผมสามารถแสดงในโลกเสมือนจริงได้หรอครับ?”
“โลกเสมือนจริงที่ใช้ที่นี่ขึ้นอยู่กับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ส่วนกลางของสหพันธ์ กายาและข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดที่บันทึกไว้จะถูกจำลองให้สมบูรณ์แบบ มันดีกว่าเวทีเสมือนจริงข้างนอกมาก แน่นอนว่ามันมีราคาแพงกว่ามากเมื่อเทียบกัน”
ผู้เฒ่าหยานเหลือบมองซูผิงและกล่าวเสริมว่า “ตามที่อาจารย์บอก เธอมีกายาที่ไม่รู้จักซึ่งจะทำให้เธอเสียเปรียบในสนามรบเสมือนจริง เนื่องจากเธอจะไม่สามารถใช้มันในการต่อสู้ได้ อย่างไรก็ตามอีกไม่นานตัวแทนของสหพันธ์จะไปเยี่ยมเธอเพื่อลงทะเบียนกายาของเธอ
“ไม่จำเป็นต้องลังเล การให้ข้อมูลเหล่านั้นจะได้รับรางวัลอย่างคุ้มค่า
“งั้น… เธอต้องการท้าทายพวกเขาตอนนี้หรือรอจนกว่ากายาของเธอจะถูกบันทึก?”
ซูผิงครุ่นคิดครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ขอผมลองเสี่ยงดูก่อน”
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้กายาของเขาได้ แต่มันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งของเขา ไม่ใช่พลังหลักของเขา
“ตกลง” ผู้เฒ่าหยานตอบ ทุกการท้าทายจะต้องใช้เหรียญดวงดาวจำนวนมาก แต่จำนวนเงินนั้นไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงหากจะใช้กับอัจฉริยะอย่างซูผิง..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว