ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 971

สรุปบท ตอนที่ 971 ถึงแดนเทพอาเคี่ยน: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 971 ถึงแดนเทพอาเคี่ยน – ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว โดย Internet

บท ตอนที่ 971 ถึงแดนเทพอาเคี่ยน ของ ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

โหลวหลานเฟิงรู้สึกโล่งใจ “ผมจะรอคำตอบจากคุณครับ คุณซู”
  ทันใดนั้นก็มีเสียงมาจากความว่างเปล่า “คุณซู”
  ผู้หญิงที่มีรูปร่างเย้ายวนค่อยๆ เดินออกจากความว่างเปล่า เธอสวมชุดสีดำที่พลิ้วไสวราวกับมีชีวิต เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เสื้อผ้าธรรมดา มันต้องเป็นสมบัติที่มีพลังเทพ
  “ในที่สุดฉันก็ได้เจอคุณ คุณซู ฉันได้ยินมาว่าคุณเพิ่งกลับจากสภาเทพอมตะและกำลังจะเดินทางอีกครั้ง ฉันสงสัยว่าคุณสนใจที่จะสำรวจหอคอยมิติของตระกูลฟิลไหมคะ?” หญิงสาวสวยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
  การแสดงออกของโหลวหลานเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากเห็นเธอ เขาพูดอย่างเคร่งขรึม“หอคอยมิติไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วไม่ใช่หรอ? อสูรร้ายทั้งหมดที่อยู่ข้างในได้รับการฝึกให้เชื่องแล้ว แม้แต่รุ่นน้องในตระกูลของคุณเองก็ไม่ได้อะไรจากการฝึกฝนที่นั่น ไม่มีอันตรายใดที่จะถูกพบขณะสัญจรไปรอบๆ สถานที่นั่น มันจึงไม่ค่อยมีศักยภาพ”
  ”เข้าใจผิดแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นมองไปที่โหลวหลานเฟิง “มีอสูรร้ายหลายพันล้านตัวในหอคอยมิติ ตระกูลของฉันจะทำให้พวกมันทั้งหมดเชื่องได้ยังไง เราใช้ทหารรักษาการณ์เพียงบางส่วนเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกหลานของเราเป็นอันตราย นอกจากนี้อลิสา ฟิลซึ่งเกิดเมื่อเจ็ดร้อยปีที่แล้ว ไม่ได้มีความหมายอะไรต่อตระกูลโหลวหลานเฟิงเลยใช่ไหม?”
  การแสดงออกของคุณเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยอีกครั้ง อลิสาเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลฟิล ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในช่วงพันปีที่ผ่านมา และเธอก็ได้บรรลุถึงสภาวะเทพดวงดาวแล้ว!
  เธอจะสามารถกลายเป็นลอร์ดสวรรค์ในสักวันหนึ่ง!
  ”คุณซูตระกูลฟิลขอเชิญคุณมาเป็นแขกของตระกูลเรา คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรนอกจากตอบรับ คุณจะได้รับสิทธิพิเศษของแขกระดับ 1!” ผู้หญิงคนนั้นประกาศ
  ใบหน้าของโหลวหลานเฟิงเย็นชาหลังจากที่เธอพูดอย่างนั้น
  ซูผิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับความนิยมขนาดนี้ ผู้อาวุโสสองคนนี้เป็นสภาวะเทพดวงดาวแต่พวกเขาก็เดินทางมากลเพื่อส่งคำเชิญอย่างสุภาพ
  ซูผิงปฏิเสธพวกเขาทางอ้อม “ผมขอเวลาพิจารณาเรื่องนี้สักสองสามวัน”
  โหลวหลานเฟิงพูดกับซูผิงทันทีว่า “คุณซูตระกูลโหลวหลานสามารถให้ทุกอย่างที่ตระกูลฟิลสามารถให้ได้ ผมจะส่งวัตถุดิบที่คุณต้องการมาให้ทันที”
  ซูผิงพยักหน้าและโบกมือให้พวกเขา จากนั้นเขาก็กลับไปในร้าน
  โหลวหลานเฟิงโล่งใจเมื่อเห็นซูผิงรับวัตถุดิบ แม้ว่าจะไม่ยอมรับคำเชิญของเขาในท้ายที่สุด เขาก็ยังเป็นหนี้บุญคุณสำหรับวัตถุดิบดังกล่าว
  ตามแหล่งข่าวของเขา ชายหนุ่มได้เข้าสู่อันดับราชาเทพในเวลาเพียงสามปีหลังจากชนะการแข่งขัน และเขาก็เป็นเพียง แค่ระดับดวงดาว!
  ว่ากันว่าลอร์ดสูงสุดได้ห้ามไม่ให้เขาออกจากสภาเทพอมตะจนกว่าเขาจะสามารถเอาชนะนักรบในสิบอันดับแรกของอันดับราชาเทพ!
  ความจริงที่ว่าซูผิงกลับมาถือเป็นคำบอกเล่าว่าเขาทำสำเร็จแล้ว
  มันช่างน่ากลัวเสียจริง…
  เขาจะไม่มาที่นี่และทำตัวประจบสอพลอถ้าซูผิงเป็นแค่ผู้บ่มเพาะสภาวะชะตากรรมที่เก่งที่สุดในจักรวาล ท้ายที่สุดในฐานะยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาว เขาไม่จำเป็นต้องเอาใจใครเลย ยกเว้นสภาวะเทพอมตะ อย่างไรก็ตามตระกูลของเขาส่งเขาไปมาทันทีหลังจากทราบข่าว  การไปถึงสิบอันดับแรกของอันดับราชาเทพ ในขณะที่ยังคงเป็นระดับดวงดาวนั้นน่ากลัวกว่าการเป็นแชมป์ของจักรวาลเสียอีก
  ในทางปฏิบัติ ซูผิงจะกลายเป็นลอร์ดสวรรค์ทันทีที่เขาไปถึงสภาวะเทพดวงดาว!
  หากโชคดี จะมียอดฝีมือสภาวะเทพอมตะในจักรวาลเพิ่มอีกคนในอีกหมื่นปีข้างหน้า!
  ศักยภาพของผู้ชายคนนี้คือเหตุผลที่ตระกูลโหลวหลานเต็มใจที่จะลงทุนในตัวเขา การดำเนินการในขณะที่ซูผิงยังอ่อนแอจะนำมาซึ่งผลตอบแทนมหาศาล
  ผู้หญิงที่อยู่ใกล้เคียงขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อซูผิงหันหลังกลับและจากไป แต่แล้ว เธอจำความลับที่เธอได้ค้นพบและถือว่าทัศนคติที่ไม่ใส่ใจของเขาต่อหน้าสภาวะเทพดวงดาวนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ท้ายที่สุดแล้ว เขาจะแข็งแกร่งกว่าพวกเธอมากเมื่อเขาไปถึงสภาวะเทพดวงดาว
  ตระกูลโหลวหลานมีหนึ่งวัตถุดิบที่เขาต้องการ ฉันสงสัยว่าเขาจะสนใจสิ่งนั้นหรือไม่ ผู้หญิงคนนั้นคิด เธอมีความรู้สึกสังหรณ์ใจ หอคอยมิติดูเหมือนจะไม่น่าสนใจพอ ท้ายที่สุดซูผิงได้รับทรัพยากรมากมายจากอาจารย์ของเขาหอคอยมิติไม่ใช่สถานที่ฝึกฝนที่เขาต้องการ!
  หวืด!
  สภาวะเทพดวงดาวอีกสองคนปรากฏตัวขึ้นเมื่อซูผิงกลับเข้าไปในร้านของเขา ทั้งคู่ต่างประหลาดใจที่เห็นโหลวหลานเฟิงและผู้หญิงจากตระกูลฟิล
  “ดูเหมือนหลายคนรู้ว่าเขากลับมาแล้ว” ผู้หญิงจากตระกูลฟิลพูดเยาะเย้ย
  ที่ซูผิงท้าทายอันดับราชาเททพไม่ได้ถูกเผยแพร่ มีคนจำนวนมากเกินไปให้ความสนใจกับเขา เนื่องจากชื่อเสียงของเขาจากชนะการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลเมื่อสามปีก่อน ผู้เฒ่าหยานไม่ได้เก็บเป็นความลับ นั่นคือเหตุผลที่หลายองค์กรได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างซูผิงและเซินหวง  เมื่อรู้อย่างนี้ ทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าซูผิงกลับมาจากสภาเทพอมตะแล้ว
  ไม่รู้ว่าเซินหวงจะให้เขาออกมาเป็นข้อยกเว้นหรือเขาปฏิบัติตามเงื่อนไขแล้ว!
  แต่ความเป็นไปได้อย่างที่สองน่าจะเป็นไปได้มากกว่า—
  ท้ายที่สุดเทพอมตะจะไม่ค่อยกลับคำ
  “มันเป็นโชคชะตา เขาสามารถประจันหน้ากับเจ้าดวงดาวได้ในขณะที่อยู่ในระดับดวงดาว เขาย่อโลกใบเล็กในขณะที่ยังคงอยู่ในสภาวะชะตากรรม แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะใช้เวลาเพียงสามปีในการเอาชนะอัจฉริยะในอันดับราชาเทพ…” ผู้มาเยือนรายใหม่กล่าวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
  เขาคิดถึงแต่เรื่องของซูผิง เขาได้รับแต่งตั้งจากตระกูลให้มาเชิญซูผิง
  “โปรดรายงานว่าตระกูลเหมียนขอพบคุณซู” ชายชราร่างผอมบางพูดกับอวิ๋นมู่อย่างสุภาพ  อวิ๋นมู่ส่ายหัวและกล่าวว่า “คุณซูเพิ่งบอกกับฉันทางกระแสจิตว่าเขาจะฝึกอย่างสันโดษสองสามวันและจะไม่พบใครในระหว่างนี้”
  เธอค่อนข้างตกใจและคิดคำตอบไม่ออก เนื่องจากเธอไม่คาดคิดว่าจะมีสภาวะเทพดวงดาวจำนวนมากมาเยี่ยมซูผิงเธอรู้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะอันดับต้น ๆ ของมนุษยชาติ แต่ยังไม่เติบโตเต็มที่ มีอัจฉริยะของมนุษย์จำนวนมากเในประวัติศาสตร์ที่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก
  “ฝึกอย่างสันโดษ?”
  ชายชรามึนงงเล็กน้อย และพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ผมได้ยินมานานแล้วว่าคุณซูเป็นผู้บ่มเพาะที่ขยันขันแข็ง ตอนนี้ได้เห็นกับตาแล้ว”
  ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวที่กล้าหาญอีกคนหนึ่งยิ้ม และเพียงแค่รอซูผิงเพื่อแสดงความจริงใจของเขา
  ยอดฝีมือเหล่านั้นลอยอยู่กลางอากาศ ผู้คนที่รอต่อแถวต่างตกตะลึงจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ  แม้ว่าสภาวะเทพดวงดาวจะควบคุมกลิ่นอายของพวกเขา แต่แรงกดดันตามธรรมชาติของพวกเขายังคงสร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคน ทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขากำลังมองเทพ
  “ตระกูลโหลวหลาน? ตระกูลฟิล? ฉันได้ยินมาว่าตระกูลโหลวหลานมียอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวและธุรกิจมากมายในเขตดวงดาวต่างๆ เกมและรายการยอดนิยมมากมายผลิตโดยพวกเขาเช่นกัน เป็นตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจ!” มีคนกระซิบในฝูงชน
  พวกเขาอยู่ในยุคอวกาศ โหลวหลานอยู่ไกลกว่าที่พวกเขาจะสามารถเข้าถึงได้ แต่ผู้คนรู้บางเรื่องเกี่ยวกับพวกเขาจากอินเทอร์เน็ต พลังที่ตระกูลแสดงให้เห็นผิวเผินนั้นตกตะลึงพอสำหรับพวกเขาแล้ว นักวิทยาศาสตร์จากตระกูลของพวกเขามีชื่อในหนังสือเรียนเกี่ยวกับดาวเคราะห์หลายดวง
  ผู้มาเยี่ยมเกี่ยวข้องกับตระกูลที่น่าสะพรึงกลัวนั้นใช่ไหม?   ที่พื้นดิน—ทั้งชายหนุ่มในชุดขาวและลุงของเขาต่างก็หวาดกลัวกับการมาถึงของยอดฝีมือเหล่านั้น โดยเฉพาะลุงเว่ยที่ตัวสั่นและพึมพำ “พวกเขา ล้วนเป็นสภาวะเทพดวงดาว!”
  ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เขาหรี่ตาและถามด้วยความตกใจ “พวกเขาไม่ใช่เจ้าดวงดาวหรอ?”
  “ไม่ เจ้าดวงดาวไม่มีกลิ่นอายแบบนั้น…” ลุงชองเขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
  ชายหนุ่มตกตะลึง
  …
  ภายในร้าน—
  ซูผิงตรวจพบรัศมีของสภาวะเทพดวงดาวอีกสองคนหลังจากปิดประตู เขาแน่ใจว่าพวกเขามาโดยมีจุดประสงค์เพื่อเชิญเขาหมือนกัน
  โจแอนนาเหลือบมองซูผิงและพูดว่า “ตอนนี้นายดูจะดังทีเดียว”   ซูผิงพยักหน้า “ผู้ชายที่หล่อเหลาอย่างฉันต้องโด่งดังเป็นธรรมดา”
  โจแอนนากลอกตา แต่ถังยู่หรานพูดด้วยเสียงต่ำ “พวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน? ฉันรู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงได้เหมือนกับพี่เขียว”
  “พวกเขาทั้งหมดเป็นสภาวะเทพดวงดาว” ซูผิงตอบ
  ถังยู่หรานตกตะลึงกับคำตอบของเขา ปากของเธออ้าเปิดเล็กน้อย ตกใจเกินกว่าจะพูดอะไร
  เธอไม่ใช่เด็กที่โง่เขลาอีกต่อไป เธอรู้ลำดับชั้นพลังบ่มเพาะในสหพันธ์ และรู้ว่ายอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวอยู่ที่ด้านบนสุดของปิรามิด!
  เหนือพวกเขาคือเทพอมตะที่ปกครองจักรวาล
  หลังจากที่เห็นว่าถังยู่หรานตกใจขนาดไหน ซูผิงก็แซวเธอว่า “พยายามให้หนักขึ้นเธอมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นสู่สภาวะเทพดวงดาวเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องอิจฉาพวกเขา”
  ถังยู่หรานมีความหวังในแววตา และถามเขาว่า “จริงเหรอ?”
  “พยายามให้มากๆ” ซูผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
  โจแอนนาเห็นดวงตาของถังยู่หรานเต็มไปด้วยความปรารถนาและความตื่นเต้น เธอจึงเสริมด้วยความเฉยเมยว่า “เธอไม่สามารถทำให้สำเร็จได้เพียงแค่พยายามอย่างหนัก พรสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญ”
  ถังยู่หรานเม้มริมฝีปากและพูดว่า “เธอกำลังหมายความว่าฉันไม่มีความสามารถเพียงพอหรือ?”
  “ฉันอ่อนแอเกินไปเหรอ?”
  ถังยู่หรานรู้สึกไม่พอใจ แต่เธอก็รู้สึกจุกๆ เห็นได้ชัดว่าซูผิงพยายามปลอบโยนเธอ มันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะได้มาจากความพยายามเพียงอย่างเดียว  ซูผิงไม่พูดอะไรต่อ เขาเพียงขอให้พวกเธอเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปยังแดนเทพอาเคี่ยน
  “เธอวางแผนที่จะให้ตัวตนเดิมของเธอเดินทางด้วยไหม?” ซูผิงพูดกับโจแอนนา
  โจแอนนาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ส่ายหัว “ไม่ ตัวตนเดิมของฉันอยู่ที่อื่น มันไม่ง่ายสำหรับฉันที่จะย้ายที่อยู่ ฉันจะไปที่แดนเทพอาเคี่ยนเพื่อฝึกร่างนี้ ฉันจะกลายเป็นเทพแท้จริงเมื่อฉันรวมเข้ากับตัวตนดั้งเดิมของฉันอย่างสมบูรณ์!”
  “ตัวตนดั้งเดิม? เธอมีตัวตนเดิมด้วยหรอ?”ถังยู่หรานอุทาน นี่เป็นเรื่องใหม่สำหรับเธอ
  ท่านหญิงเขียวพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สภาวะเทพดวงดาวทุกคนสามารถพัฒนาร่างกลับชาติมาเกิดได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก”
  หลังจากฟื้นจากอาการช็อก ถังยู่หรานก็ทำหน้ายาวแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันเป็นคนอ่อนแอคนเดียวในร้านนี้ที่ไม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเลยอย่างงั้นหรอ?”
  “เพิ่งรู้ตัวหรือไง?”
  อีกสามคนมองเธอด้วยความแปลกใจ
  ถังยู่หราน: “…”
  …
  เมื่อพวกเขาไปเตรียมตัว ซูผิงก็ไปและเคลียร์ที่เก็บของเขาเพื่อเตรียมการ เขาพาหญิงสาวทั้งสองไปที่ล็อบบี้และเรียก หน้าต่างสถานะที่พวกเธอมองไม่เห็น
  สนามบ่มเพาะชั้นนำอยู่ที่ด้านบน
  มีไม่มากนัก ซูผิงเห็นว่าแดนเทพอาเคี่ยนอยู่ในอันดับที่ห้า
  ถัดจากชื่อคือคำอธิบายของสนามบ่มเพาะ เป็นอาณาจักรที่เกิดในความโกลาหล เป็นที่อาศัยของเหล่าเทพ
  “ค่าเข้า: 9,000”
  “ยืนยันการเข้าของคุณ”
  ”ยืนยัน”  “ตรวจพบพนักงานดีเด่น คุณต้องการใช้สิทธิพิเศษที่ได้รับหรือไม่”
  ”ใช้”
  ไม่นานหลังจากนั้น หลุมดำที่เหมือนวังวนก็ปรากฏขึ้น ปกคลุมและดึงซูผิง โจแอนนาและถังยู่หรานเข้าไป
  ท่านหญิงเขียวที่อยู่ใกล้ๆเฝ้าดูสิ่งนี้เกิดขึ้น เธอเคยสงสัยมาตลอดว่าซูผิงจะพาโจแอนนาไปที่แดนเทพอาเคี่ยนได้ยังไง เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นพวกเขาเคลื่อนย้ายออกจากร้านโดยตรง
  “ร้านนี้…”
  ท่านหญิงเขียวรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันใด พลังการเคลื่อนย้ายดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ซูผิงสามารถทำได้
  เธอไม่สามารถเข้าได้ทุกห้องในร้าน จึงมีบางห้องที่เธอยังไม่สามารถเข้าไปได้
  ความรู้สึกของห้องเหล่านั้นก็ถูกระงับไว้ด้วย ซึ่งบ่งชี้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ในร้าน
  …
  แสงแดดที่แห้งและอบอุ่นส่องลงมา
  ซูผิงรู้สึกอบอุ่นสบาย สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกแปลกเล็กน้อยคือร่างกายของเขาหนักกว่าเดิมหลายสิบเท่า โชคดีที่เขาแข็งแกร่งมากและในไม่ช้าก็สามารถเอาชนะความยากลำบากดังกล่าวได้
  ซูผิงลืมตาและเห็นโลกสีทองตรงหน้าเขา
  ท้องฟ้าเบื้องบนนั้นกว้างใหญ่และไม่มีเมฆ มีดวงตะวันเจิดจ้าเก้าดวงส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า ซูผิงประหลาดใจพระอาทิตย์เก้าดวงนั้นดูเหมือนจะเคลื่อนไหวช้า!
  พวกมันกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มองเห็นได้!
  อย่างไรก็ตาม พวกมันกำลังเคลื่อนไปในทิศทางที่ต่างกัน มันกระจัดไปมาราวกับมีชีวิต!
  ตรงหน้าซูผิงเป็นภูเขาที่งดงามตระการตาเต็มไปด้วยต้นไม้ มีวิหารอยู่ที่นั่นด้วย
  โจแอนนาที่อยู่ใกล้ๆ พูดด้วยความงุนงง “นี่คือ… เดนเทพอาเคี่ยนหรอ?”
  หญิงสาวกำลังซึมซับทุกสิ่งที่เธอมองเห็น และน้ำตาก็ไหลออกมา
  ”ทำไมเธอถึงร้องไห้?” ซูผิงตกตะลึงกับปฏิกิริยาของเธอ
  โจแอนนาเช็ดตาตัวเอง เธอไม่ได้นิ่งเฉยเหมือนตอนอยู่ในร้านของซูผิง ตัวตนปัจจุบันของเธอมีอารมณ์มากขึ้น เธอส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้ ฉันแค่รู้สึกว่าที่นี่ดูคุ้นเคย…”
  ซูผิงตระหนักว่าเธอแค่รู้สึกคิดถึงความหลังอย่างประหลาดที่เธอได้กลับบ้าน
  “พลังเทพที่นี้รุนแรงมาก” โจแอนนามองไปรอบๆ และค่อยๆ ยับยั้งตัวเองไว้ เธอสังเกตสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวัง “สถานที่นี้ให้ความรู้สึกเหมือนแดนเทพอาเคี่ยน.. แต่… ทำไมถึงมีดวงอาทิตย์ตั้งเก้าดวง? ฉันจำได้ว่าดวงอาทิตย์หกในเก้าดวงถูกทำลายในสงครามเมื่อนานมาแล้ว…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว