ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 994

สรุปบท ตอนที่ 994 การแปลงพลังงาน: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว

ตอนที่ 994 การแปลงพลังงาน – ตอนที่ต้องอ่านของ ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว

ตอนนี้ของ ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 994 การแปลงพลังงาน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ท่านหญิงเขียวตกตะลึง ไม่คิดว่าซูผิงจะพูดแบบนั้น แล้วเธอก็ส่ายหัวและพูดว่า “นางเป็นราชินีเซียน มันจะอันตรายเกินไปหากเราไปพบนางโดยประมาท”
  “คุณลืมผลประโยชน์จากการเป็นพนักงานของคุณไปหรือไง? ไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใด ผมอยู่ตรงนี้”ซูผิงให้กำลังใจเธอ
  มันไม่ง่ายสำหรับพวกเขาที่จะมาที่นี่ ซูผิงหวังว่าท่านหญิงเขียวจะทำทุกอย่างที่ต้องการอย่างเต็มที่
  ท่านหญิงเขียวจำผลประโยชน์จากการเป็นพนักงานได้เช่นกัน เธอมองซูผิงด้วยความตกใจ เพราะตระหนักได้จากการแสดงออกของซูผิงว่าเขาหมายถึงเรื่องนั้น
  ซูผิงพาเธอมายังอาณาจักรแห่งเซียนหลัวฟูอย่างน่าอัศจรรย์ในชั่วพริบตา ดังนั้นเธอจึงไม่สงสัยอีกต่อไป เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และรู้สึกตื่นเต้น “ก็ได้ งั้นไปถามนางกันนางเป็นหนึ่งในราชาเซียนที่เกี่ยวข้องกับสงคราม
  “แม้แต่จักรพรรดิเซียนหลัวฟูก็เสียชีวิตในการต่อสู้ ไม่มีทางที่นางจะสามารถอยู่รอดได้เว้นแต่นางจะทำอะไรบางอย่างลับๆ”
  ”ไปกัน” ซูผิงพยักหน้า
  การสนทนาของพวกเขาทำให้คนในท้องที่ทั้งสามตกอยู่ในอาการมึนงง
  จากนั้นท่านหญิงเขียวก็ยกมือขึ้นและฆ่าแมลงปีศาจเซียนซึ่งตัวสั่นด้วยความกลัวตั้งแต่เธอปรากฏตัวขึ้นมาในทันที มันฉลาดพอที่จะรู้ว่าเธอแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ไม่สามารถหลบการโจมตีของท่านหญิงเขียวและตายในทันที
  แกนสีทองบินออกมา ท่านหญิงเขียวโยนให้ซูผิงและกล่าวว่า “แมลงปีศาจปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตหายากที่เกิดจากรอยแตกของขุมนรก มันมีพลังพิเศษ แกนของมันคือวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเม็ดยาทะยานสวรรค์ มันจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับเจ้า”   มนุษย์ทั้งสามคนจ้องแกนเขม็ง ตอนนี้ซูผิงได้รับแกนไปแล้ว แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้ เมื่อพิจารณาจากผู้อาวุโสที่มีพลัง
  ซูผิงไม่ลังเล เขารับแกนและกินมันทันที
  ขณะย่อยแกน เขาพูดกับท่านหญิงเขียวว่า “นี่คือแผนที่ ไปกันเถอะ”
  ท่านหญิงเขียวตรวจสอบแผ่นหยกด้วยความประหลาดใจ “เกาะทวีปเขียวนั้นเหมือนกับในตอนนั้นทุกประการ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่มีร่องรอยความเสียหาย…”
  เธอบดขยี้แผ่นหยก สภาพที่สมบูรณ์ของมันหมายความว่าการเข้าร่วมสงครามของราชินีเซียนเมฆฟ้าเป็นแค่การแสดง
  ทั้งสามคนยังคงดูสับสนเมื่อท่านหญิงเขียวและซูผิงจากไป หลังจากเวลาผ่านไปนาน ผู้หญิงในกลุ่มถามด้วยความสงสัย “พวกเขามาจากไหน? ทำไมข้ารู้สึกเหมือนพวกเขามาจากโลกมนุษย์? นางบอกว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่สิ้นพระชนม์แล้ว … นางไม่กลัวที่จะถูกฆ่าเพราะพูดอย่างนั้นหรือ?”
  “นางเป็นเซียนทองคำ แต่นางกลับไม่คิดก่อนพูด นางจะต้องลำบากไม่ช้าก็เร็ว เซียนทองคำกล้าไปเผชิญหน้ากับราชินีเซียนเมฆฟ้าเนี่ยนะ? นางหาเรื่องให้ถูกฆ่าตายแท้ๆ”
  ชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางขมวดคิ้ว “คำพูดของพวกเขาค่อนข้างแปลก พวกเขาเอาแต่พูดถึงสงคราม ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น”
  “น่าเสียดาย แมลงปีศาจเซียนจากไปแล้ว เราหวังว่าจะไปถึงขั้นสูงสุดและกลายเป็นเซียนทองคำด้วยแกนของมัน!”
  …
  “พลังงานหนาแน่นอะไรแบบนี้”
  ขณะที่ท่านหญิงเขียวนำอยู่ ซูผิงดูดซับแกนในโลกใบเล็กอยู่ข้างหลังเธอ พลังงานที่มีอยู่ในแกนนั้นบริสุทธิ์และพิเศษ มันเป็นกลิ่นอายเซียนอย่างที่เธอบอก ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แมลงปีศาจเซียนมีพลังพิเศษจากขุมนรก นอกเหนือจากกลิ่นอายเซียน
  มันเป็นพลังพิเศษที่ทำให้แกนถูกมองว่าเป็นของหายาก
  ซูผิงสร้างรังเซลล์ถัดจากมหาสมุทรแห่งดวงดาวและเก็บกลิ่นอายเซียนที่เขาดูดซับจากแกนเอาไว้ จากนั้นเขาก็เก็บพลังพิเศษไว้ในเนื้อหนังและเลือดของเขา
  เขาตรวจสอบกลิ่นอายเซียนอย่างละเอียดและพยายามทำลายมัน—
  ท้ายที่สุดแม้ว่าจะมีบางอย่างผิดพลาด เขาก็สามารถคืนชีพในสนามบ่มเพาะได้เสมอ
  การแยกโครงสร้างพลังงานเป็นงานที่อันตราย พลังงานของซูผิงได้รับการตอบสนอง หลังจากการวิเคราะห์เขาก็ค้นพบว่ามีกลิ่นอายเซียนล้นหลาม… ส่วนหนึ่งของพลังงานได้เผาผลาญพลังดวงดาวในร่างกายของเขาไปแล้ว ซูผิงเพียงแค่เลือกที่จะรีเซ็ตตัวเองผ่านการคืนชีพ
  ท่านหญิงเขียวโล่งใจหลังจากได้เห็นการตายและเกิดใหม่ของซูผิง เธอเดินตรงไปที่วังของเซียนเมฆฟ้าอย่างเย็นชา
  กลิ่นอายเซียนมีพลังน้อยกว่าพลังเทพ แต่สูงกว่าพลังดวงดาวประมาณแปดเท่า!
  ซูผิงตรวจพบความน่ากลัวของกลิ่นอายเซียนในระหว่างการทดลองแยกโครงสร้างพลังงาน มันเป็นพลังงานที่ทรงพลังมาก กล่าวอีกนัยหนึ่งเซียนสามารถบดขยี้นักรบอสูรของสหพันธ์ได้อย่างง่ายดาย!
  คนเหล่านี้ใช้อสูรของพวกเขาในวิธีที่แตกต่างจากที่เราทำในโลกของฉัน ซูผิงนึกถึงการต่อสู้ที่เขาเคยเห็นและจดจำไว้ด้วยรายละเอียดที่ชัดเจน
  ไม่มีเทพในแดนเทพอาเคี่ยนคนไหนใช้อสูร พวกเขาเพียงแค่เรียกร่างจำแลงพิเศษที่จะช่วยพวกเขาในการต่อสู้
  “ระบบบ่มเพาะกับอสูรดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นมาภายหลัง
  “ทุกยุคทุกสมัยและทุกโลกมีระบบบ่มเพาะที่ไม่เหมือนใคร
  “ระบบบ่มเพาะเป็นผลมาจากสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เป็นเพราะพลังเทพและกลิ่นอายเซียนหายไป เราถึงต้องใช้พลังดวงดาวและอสูรอย่างงั้นหรอ? ซูผิงคิด
  “ท่านหญิงเขียว” จู่ๆ เขาก็พูดกับท่านหญิงเขียวที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว “คุณช่วยบอกผมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเหล่าเทพและเซียนได้ไหม? ผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในอดีต”
  ท่านหญิงเขียวรู้สึกมึนงงเล็กน้อยมอง หันกลับไปมองซูผิงแล้วก็หันไปมองข้างหน้า “ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องโกหก ไม่มีใครรู้ว่าอะไรเป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ เท่าที่ข้ารู้ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นอาณาจักรเซียนที่แตกต่างออกไปโดยจักรพรรดิเซียนองค์อื่น! ว่ากันว่ามีอาณาจักรเซียนอื่นนอกเหนือจากหลัวฟู แต่ราชาเซียนไวไลท์ไม่เคยพาข้าไปที่นั่น
  “เกิดความโกลาหลก่อนจะมาเป็นอาณาจักรแห่งเซียน ส่วนเทพที่เจ้ากล่าวถึงนั้น ข้าไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามมีอสูรโบราณบางชนิดในอาณาจักรเซียนซึ่งมีกลิ่นอายและรูปลักษณ์คล้ายกับโจแอนนา หากเราต้องจัดลำดับของสิ่งต่าง ๆ อาณาจักรเทพอาจดำรงอยู่มาก่อนอาณาจักรเซียน”
  “อาณาจักรเทพมาก่อนอาณาจักรเซียน?”
  ดวงตาของซูผิงเป็นประกาย
  อาณาจักรเซียนเป็นสนามบ่มเพาะขั้นสูงและแดนเทพอาเคี่ยนก็เช่นกัน แต่แดนเทพอาเคี่ยนเป็นสนามบ่มเพาะที่เหนือกว่า
  อาณาจักรเทพถือกำเนิดจากความโกลาหล ซึ่งจากนั้นก็ล่มสลายในสงครามที่โจแอนนาบรรยายไว้ แล้วกลายเป็นอาณาจักรเซียนแห่งนี้? ซูผิงคิดว่าจักรพรรดิเซียนนั้นแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเซียน หากราชาเซียนเป็นผู้บ่มเพาะสภาวะเทพอมตะ จักรพรรดิเซียนก็จะเป็นระดับที่สูงกว่า แต่ในอาณาจักรเทพนั้นมีระดับที่เหนือกว่าเทพอมตะถึงสองระดับ  เทพโบราณควรจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเซียน ตอนนี้ราชาเซียนอยู่ในอันดับต้น ๆ ในอาณาจักรเซียน สภาวะเทพอมตะเป็นอันดับต้น ๆ ของสหพันธ์ เมื่อเวลาผ่านไปจุดสูงสุดของการบ่มเพาะมีแต่ลดลง…
  พลังงานที่มีอยู่สำหรับการบ่มเพาะก็เบาบางลงเช่นกัน ตั้งแต่พลังเทพไปจนถึงกลิ่นอายเซียน และพลังดวงดาว อาจมียุคสมัยที่พลังอื่นครอบงำ
  กล่าวอีกนัยหนึ่ง ฉันต้องหาพลังงานที่ดีกว่าเพื่อที่จะก้าวข้ามสภาวะเทพอมตะและปีนขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
  ดวงตาของซูผิงเป็นประกาย ความสำคัญของระบบเริ่มชัดเจนขึ้นสำหรับเขา เขาจะไม่มีทางได้เข้าไปในสนามบ่มเพาะหรือดูดซับพลังงานโบราณหากปราศจากความช่วยเหลือจากระบบ การเป็นสภาวะเทพอมตะจะเป็นขีดจำกัดของเขาหากเขาบ่มเพาะแค่ในสหพันธ์ ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถเพียงใด พลังงานคือทุกสิ่ง ไม่มีโอกาสเพิ่มขึ้นไปกว่านั้นเมื่อพลังงานถูกจำกัด
  อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉันยังห่างไกลจากสภาวะเทพอมตะและฉันไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับการบ่มเพาะและความก้าวหน้าจากระดับนั้น บางทีมันอาจจะเกี่ยวกับพลังงานหรือก็อาจจะไม่ แต่ฉันคิดว่าพลังงานมีบทบาทสำคัญอย่างแน่นอน
  หลังจากไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว ซูผิงก็ตั้งใจแน่วแน่มากขึ้นที่จะเปลี่ยนพลังดาวของเขาให้เป็นพลังงานขั้นสูง
  ซูผิงดูดซับแกนจนเสร็จสมบูรณ์ขณะเดินทาง เขาพยายามจะสลายกลิ่นอายเซียน แต่เขาประเมินความยากของมันต่ำไป เขาบังเอิญระเบิดตัวเองหลายครั้งในระหว่างความพยายามของเขา แต่เขาก็ยังล้มเหลวในการตระหนักถึงธรรมชาติของกลิ่นอายเซียน ซึ่งหมายความว่าเขายังไม่สามารถเปลี่ยนพลังดวงดาวเป็นกลิ่นอายเซียนได้
  อัจฉริยะบางคนจากสหพันธ์มีพลังเทพที่พวกเขาดูดซับจากเทคนิคหรือสมบัติต่างๆอย่างไรก็ตามมันไม่เหมือนกับพลังดวงดาว พลังเทพดังกล่าวไม่สามารถเติมเต็มได้หลังใช้งานแล้ว นอกจากนี้เทคนิคลับมากมายของสหพันธ์ก็ใช้พลังดวงดาว
  ฉันมีกลิ่นอายเซียนในร่างกายของฉัน และฉันสามารถเรียนรู้ทักษะเซียน ซึ่งต้องมีพลังมากกว่าเทคนิคลับที่ใช้พลังดวงดาว ซูผิงคิด การโจมตีของโจแอนนานั้นทรงพลังมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกมันใช้พลังเซียน ฉันควรถามเธอเพิ่มเติมในภายหลัง
  ทั้งสองบินอย่างรวดเร็วผ่านป่ากว้างใหญ่ ท่านหญิงเขียวเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเต็มที่ แต่ถึงกระนั้น เกาะก็ใหญ่กว่าที่ซูผิงคาดไว้มาก มีขนาดใหญ่พอๆ กับกาแล็กซีต่างๆ ประกอบรวมเข้าด้วยกัน
  พลังดวงดาวของซูผิงถูกสะสมอย่างรวดเร็วขณะเดินทาง เขาบ่มเพาะและสลายกลิ่นอายเซียนที่แผ่ซ่านไปทั่ว เขาอยู่ในระดับดวงดาวขั้นกลางแล้ว
  ในขณะเดียวกัน ซูผิงยังคงดูดซับกลิ่นอายเซียนระหว่างทาง เก็บไว้ในร่างของเขาเหมือนทะเลสาบ
  น่าเสียดายที่กลิ่นอายเซียนและพลังเทพไม่ใช่พลังดั้งเดิมของฉัน ฉันไม่สามารถใช้พวกมันสร้างภาพร่างดวงดาวได้ มันจะประหยัดเวลาได้มากถ้าทำได้ ซูผิงคิด รู้สึกเสียดาย เขายิ่งกระตือรือร้นที่จะเปลี่ยนพลังดวงดาวของเขา เขาเชื่อว่าเขาจะก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นมากเมื่อภาพร่างดวงดาวทั้งเก้าเสร็จสิ้น
  ครึ่งวันต่อมา—
  หลังจากเดินทางด้วยความเร็วเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่ความเหนื่อยล้า ในที่สุดท่านหญิงเขียวก็มาถึงวังที่เซียนเมฆฟ้าอาศัยอยู่
  ตัวอาคารตั้งอยู่ใจกลางเกาะ ห่างจากวังหลายพันกิโลเมตรจะมองเห็นบันไดที่คลุมเครือ ทอดยาวไปถึงวังที่ลอยอยู่เหนือเมฆ
  มีเมืองใหญ่ล้อมรอบวังซึ่งมีผู้ฝึกบ่มเพาะอาศัยอยู่มากมาย พวกมันเป็นสถานที่ที่มีการขายสินค้า เทคนิคลับและกิจกรรมต่างๆ
  ซูผิงตรวจพบกลิ่นอายที่มีพลังเทียบเท่าท่านหญิงเขียวเป็นครั้งคราว แม้ว่าเซียนทองคำจะเป็นอันดับสองรองจากราชาเซียนบนเกาะ แต่ก็ไม่ได้หายากขนาดนั้น
  “แม้แต่วังศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเหมือนเดิม…”
  ท่านหญิงเขียวเย็นชายิ่งขึ้นไปอีกเมื่อมองวังที่ลอยอยู่เหนือก้อนเมฆ ราชาเซียนไวไลท์ได้ปิดกั้นหลุมสวรรค์ด้วยร่างกายของเขา แต่ราชินีเซียนเมฆฟ้า หนึ่งในเพื่อนระดับเดียวกับเขากลับมีชีวิตที่แสนสบายอยู่ในอาณาจักรเซียนหลัวฟู…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว