ตอนที่ 107 หาเรื่องก็ต้องมีเหตุผลด้วย (1)
“ฟางหยวน…”
ฟางผิงเพิ่งโทรหาน้องสาวติด จู่ๆ ก็ปั้นหน้าขรึมตำหนิออกมา “วันนี้เรียนหรือเปล่า? เรียนหนังสือยังใช้โทรศัพท์อีก?”
เกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว รอจนได้ยินเสียงคุยหยอกล้อดังจากปลายสาย ฟางผิงค่อยนึกได้ว่าฟางหยวนอยู่ที่โรงเรียน
“เลิกเรียนแล้ว ฉันไม่ได้ใช้มือถือตอนเรียนซะหน่อย…”
ฟางหยวนแก้ต่างอย่างน้อยใจ ก่อนจะผลักเพื่อนๆ ที่เข้ามารุมล้อมเธอ
พี่ชายโทรหาฉัน พวกเธอมาแอบฟังอะไรกัน!
“พี่ไม่ได้โทรหาฉันตั้งหลายวัน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เปิดเรียนแล้วเหรอ?”
“อืม เปิดเรียนแล้ว”
ฟางผิงไม่ได้ตำหนิอะไรต่อ ยังไงตอนนี้มือถือก็เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์สารพัด ไม่ใช่แค่โทรหรือส่งข้อความเท่านั้น
ตอบกลับไป ก่อนฟางผิงจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แวะมาบอกข่าวดี พี่ชายเธอทะลวงด่านได้แล้ว กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์อย่างเต็มตัว!”
“จริงเหรอ? นายทะลวงด่านแล้ว?”
ฟางหยวนร้องดีใจขึ้นมาทันที เด็กสาวที่อยู่รอบๆ ต่างแย่งกันถามชุลมุนวุ่นวาย “ทะลวงด่านแล้วจริงๆ?”
“เป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว?”
“เก่งจริงๆ เพิ่งเปิดเทอมก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว!”
“ขั้นไหนแล้ว? ใกล้จะเป็นปรมาจารย์แล้วสินะ?”
“…”
เด็กสาวพวกนี้ รู้เรื่องเกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์แค่ครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น รู้แค่ว่าผู้ฝึกยุทธ์นั้นเก่งกาจ แต่บางเรื่องแทบไม่เข้าใจอะไรเลย
ฟางผิงได้ยินเสียงโหวกเหวกดังจากปลายสาย หมดคำจะพูดจริงๆ ปรมาจารย์อะไรกัน ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยเถอะ!
พูดกับฟางหยวนคร่าวๆ แล้ว ฟางผิงก็ไม่ได้สนทนาอะไรต่อ ปลายสายอีกฝั่งนั้นมีเสียงดังรบกวนเกินไป
—
หลังวางสายจากฟางหยวนแล้ว ฟางผิงค่อยโทรแจ้งข่าวดีกับพ่อแม่
ปรากฏว่ากลับไม่ต่างกันเท่าไหร่ รอบๆ มีแต่เสียงคนพูดคุยกันเสียงดัง
โดยเฉพาะทางฟางหมิงหรง อาจจะเพราะพักกลางวัน มีคนเดินผ่านไปผ่านมาพอดี ฟางผิงได้ยินเสียงแสดงความยินดีไม่ขาดสาย
ไม่ทันได้วางสายจากพ่อ ผ่านไปครู่เดียว ไม่รู้ว่าโทรศัพท์ถูกส่งต่อไปหาถานเจิ้นผิงได้ยังไง
ได้ยินเสียงของถานเจิ้นผิง ฟางผิงรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เขาว่างถึงขนาดนี้เลยหรือไง?
“ฟางผิง ยินดีด้วย!”
ถานเจิ้นผิงคล้ายค่อนข้างเกรงใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเป็นมิตร “กะแล้วว่านายจะทะลวงด่านได้เร็ว แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ เพิ่งจะเปิดเทอมก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งแล้ว อัจฉริยะนี่ไม่เหมือนกับคนทั่วไปจริงๆ!”
ลูกชายสองคนของเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้ได้เหมือนกัน สองวันก่อนเพิ่งจะเข้าเรียน แต่ตอนนี้ปราณของถานเทาและถานเฮ่าอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยสามสิบเท่านั้น! ระยะห่างจากการทะลวงด่าน ถือว่ายังไกลนัก
ถึงจะไม่หลอมกระดูกสองครั้ง เวลาหนึ่งเทอมแทบไม่มีหวังอยู่ดี
หากปราณแตะประมาณหนึ่งร้อยสามสิบแคลถึงหนึ่งร้อยห้าสิบแคล อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเกือบครึ่งปี โชคดีหน่อย เทอมหน้าคงพอมีลุ้น แต่ถ้าโชคไม่ดี เกรงว่าต้องรอจนขึ้นปีสอง
นี่ยังดีที่สองพี่น้องมีพื้นฐานจวงกงค่อนข้างดี หากไม่ฝึกจวงกงมาก่อน คงยังต้องเสียเวลาอีก
แต่ฟางผิงกลับทะลวงด่านได้เร็วถึงขนาดนี้!
เขารู้ว่าตอนแรกฟางผิงวางแผนจะหลอมกระดูกสองครั้ง ไม่ได้คิดจะหยุดสะสมปราณที่หนึ่งร้อยห้าสิบแคล
ตอนนี้ทะลวงด่านแล้ว หมายความว่าฟางผิงคงแตะถึงขีดกำจัดนี้แล้วเช่นกัน
หรืออาจจะสูงกว่านั้น ถานเจิ้นผิงไม่แน่ใจเหมือนกัน เรื่องหลอมกระดูกสองครั้ง เขาเคยได้ยินมาจากคนอื่นเท่านั้น
สังคมผู้ฝึกยุทธ์ข้างนอกนั่นคับแคบเกินกว่าจะจินตนาการได้เสียอีก คนพวกนี้ไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้อย่างลึกซึ้ง
“ลุงถาน นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้นักศึกษาใหม่เพิ่งเข้าเรียนก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ไปกว่าร้อยคนแล้ว ผมถือว่าธรรมดามากๆ ทำให้ลุงถานเจอเรื่องน่าขันซะแล้ว…”
“มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้…นักศึกษาใหม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์เกือบร้อยคน…”
ถานเจิ้นผิงแทบไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง!
มหาวิทยาลัยดังก็คือมหาวิทยาลัยดัง!
แตกต่างจากที่อื่นจริงๆ!
เขาไปมหาวิทยาลัยตอนที่ลูกชายรายงานตัวเหมือนกัน แต่ไม่ได้ยินว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ในหมู่นักศึกษาใหม่เลย อย่างน้อยเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้
อันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง เหมือนว่าปราณจะแตะถึงหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคลเท่านั้น ความแตกต่างระหว่างมหาวิทยาลัยห่างชั้นกันมากจริงๆ
เอ่ยคำยินดีแล้ว ถานเจิ้นผิงไม่พูดอะไรต่ออีก ส่งมือถือคืนให้ฟางหมิงหรง
รอฟางหมิงหรงวางสายแล้ว ถานเจิ้นผิงค่อยเอ่ยว่า “น้องฟาง ตอนนี้ฟางผิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว นายเป็นยามเฝ้าประตูต่อไปไม่เหมาะสมเท่าไหร่ พรุ่งนี้นายไปรายงานตัวที่ฝ่ายบุคคล ทางสำนักงานยังขาดคน…”
ฟางหมิงหรงตกตะลึง สำนักงานขาดคน?
สำนักงานเป็นชื่อเรียกสั้นๆ ความจริงก็คือเลขาหรือผู้ช่วยส่วนตัวของพวกหัวหน้า ทางนั้นจะขาดคนได้ยังไงกัน!

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน