ตอนที่ 118 ยามสงบเตรียมระวังภัย (2)
“ตามราคาตลาด ยาบำรุงพวกนี้มูลค่าถึงสามล้านเก้าแสนหยวน แน่นอนว่า ถ้าไม่ใช่ช่องทางโปร่งใส ราคาอาจจะด้อยไปบ้าง สามารถขายได้สามล้านห้าแสนหยวนก็ไม่เลวแล้ว แม้จะเป็นอย่างนี้ ค่าทรัพย์สินของเราคงจะเพิ่มขึ้นเกือบล้านเหมือนกัน”
“อีกอย่าง ตอนนี้ฉันยังมีอีกสองร้อยสองคะแนนที่ไม่ได้ใช้มาโดยตลอด สามารถแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุงเอามาขายได้หรือเปล่า?”
สองร้อยสองคะแนนของเขา สามารถเพิ่มค่าทรัพย์สินให้เขาได้สี่ล้านสี่หมื่นหยวน
ขอแค่แลกเปลี่ยนของ ขายออกไปราคาเกินสี่ล้านสี่หมื่นหยวน ทรัพย์สินของเขาจะได้ค่าราคาต่างเพิ่มมาด้วย
“ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา ขายได้เก้าหมื่นต่อเม็ด อัตราแลกเปลี่ยนคือสามคะแนน ราคาต่างก็คือสามหมื่น หนึ่งคะแนนได้ราคาต่างหนึ่งหมื่นหยวน ยาบำรุงขั้นหนึ่งใช้สิบคะแนนต่อเม็ด ขายออกไปได้ประมาณสองแสนเจ็ดหมื่นหยวน ได้ราคาต่างจากระบบเจ็ดหมื่นหยวน หนึ่งคะแนนได้ราคาต่างแค่เจ็ดพันหยวนเท่านั้น คำนวณแล้วแลกเปลี่ยนยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาจะคุ้มค่ากว่า ทั้งยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา จะหาลู่ทางขายง่ายกว่าขั้นหนึ่งด้วย…”
ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งแพงเกินไป ทั้งกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้มีน้อย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งแทบไม่ใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่ง ส่วนมากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองและขั้นสาม
“ตอนนี้การหลอมกระดูกของฉันต้องใช้ค่าทรัพย์สินแลกเปลี่ยนกับปราณ เหลือคะแนนไว้ไม่มีประโยชน์ เอาคะแนนไปแลกยาบำรุง นอกจากจะเพิ่มทรัพย์สินแล้ว ในมือจะมีเงินใช้มากขึ้นด้วย ครั้งก่อนขายยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาเก้าเม็ด ได้เงินแปดแสนหยวน ใช้ไปเกือบจะหมดแล้ว…”
ช่วงนี้หลี่เฉิงเจ๋อเพิ่มจุดส่งของหลายแห่งในเมืองมหาวิทยาลัย ใช้ประโยชน์จากที่ฟางผิงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ บริษัทส่งของเจ้าอื่นจึงฝืนยอมรับได้
ยังไงบริษัทของพวกเขาก็ไม่ได้มีคู่แข่งมากมาย ตอนนี้ยังคงได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
เมื่อไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ ฟางผิงจึงตัดสินใจว่า กลับมหาวิทยาลัยแล้วจะใช้คะแนนแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุง
แลกแค่ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาเท่านั้น!
คะแนนสองร้อยสองคะแนน แลกได้หกสิบเจ็ดเม็ด ตกถึงมือแล้วจะเพิ่มค่าทรัพย์สินอีกหกแสนเจ็ดหมื่นหยวน
ถ้าขายออกไปเม็ดละเก้าหมื่นหยวน จะได้ค่าทรัพย์สินเพิ่มอีกหนึ่งล้านสามแสนสี่หมื่นหยวน
ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นสองแสนหนึ่งหมื่นหยวน รวมกับเงินสดอีกหกล้านสามหมื่นหยวน!
แม้จะปัดเศษยังได้ค่าทรัพย์สินสองล้านและเงินสดอีกหกล้านอยู่ดี
ตัดสินใจแล้ว ฟางผิงก็ไม่ลังเลอีก แม้จะไม่รู้ว่าแลกเปลี่ยนยาบำรุงเยอะขนาดนี้ จุดแลกเปลี่ยนจะยอมให้แลกหรือเปล่าก็ตาม?
ไม่คิดมากอีก ถึงเวลาคงรู้เอง ค่ำคืนนี้ฟางผิงยังคงหลับสนิทอย่างเช่นเคย
—
วันต่อมา
วันที่ 3 ตุลาคม
จนถึงตอนนี้ ฟางผิงเพิ่งจะมีเวลาดูความก้าวหน้าในการฝึกวิชาของฟางหยวน
ความจริงหลังจากเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ฟางผิงก็ลังเลอยู่บ้าง เขาควรจะฝึกศิลปะการต่อสู้ให้ฟางหยวนต่อไปดีหรือเปล่า?
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่ได้สุขสบายอย่างที่คิด!
หากน้องสาวเป็นคนธรรมดา ตามกฎแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ไม่อาจลงมือกับคนธรรมดาได้ นี่ไม่ใช่กฎของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แต่เป็นกฎที่รู้ทั่วไปในสังคม
ฟางผิงคิดว่าหลังจากนี้เขามีโอกาสสูงที่จะสร้างศัตรูขึ้นมา
หากน้องสาวเป็นคนธรรมดา ปกติคงไม่มีใครยอมเสี่ยงเข้าตาจนจัดการกับครอบครัวเขาหรอก แต่ถ้าน้องสาวกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์…
“ช่างเถอะ คิดมากไปไม่มีประโยชน์ แม้จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ถ้าอยู่อย่างสงบเสงี่ยม คงไม่มีอันตรายมากมายแล้ว”
เรื่องอย่างท้าทายความเป็นความตาย ถ้าตัวเองไม่ยอมรับ คนอื่นคงไม่อาจฝืนบังคับได้เหมือนกัน
ส่วนอย่างอื่น เช่นภารกิจที่อันตราย ถ้าตัวเองไม่ทำ ไม่เป็นไรเหมือนกัน มหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับ ล้วนเป็นความสมัครใจของทุกคน
เพราะถ้าคุณไม่ทำภารกิจ คงไร้ซึ่งทรัพยากร ไม่มีทรัพยากร ก็ไร้ทางจะเพิ่มความสามารถของตัวเอง
ถ้าในอนาคตฟางหยวนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ ฟางผิงคิดว่าตัวเองจะให้ทรัพยากรกับน้องสาวเอง ไม่ถึงกับต้องให้น้องสาวเสี่ยงอันตรายไปทำภารกิจ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน