ตอนที่ 129 หดหู่ (2)
เดินมาหลายนาที เสียงโหวกเหวกด้านหน้าก็เบาจนไม่ได้ยินแล้ว เสี่ยวจ้าวพาฟางผิงมาหยุดที่หน้าห้องหนึ่ง
ด้านนอกประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่สองคน
เห็นเสี่ยวจ้าว ทั้งสองคนรีบทักทายว่า “พี่จ้าว”
“อื้ม ด้านในคงยังไม่ได้จัดการสินะ?”
“ยังครับ”
“งั้นดีเลย ให้สหายคนนี้เข้าไป เปิดหนังเรื่อง (วิญญาณที่ถูกกักขัง) แล้วหรี่ไฟลงหน่อย ตามกฎเดิม พวกนายจัดการเสร็จก็ไปได้”
เสี่ยวจ้าวสั่งการอย่างคล่องแคล่ว เห็นได้ชัดว่าคงไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำเรื่องนี้
สองคนที่เฝ้าประตูมองฟางผิงพลางหัวเราะอย่างมีเลศนัย ไม่คิดโอ้เอ้ชักช้า รีบเข้าไปจัดการให้เสร็จสรรพ ไม่นานพวกเขาก็ออกมา หัวเราะว่า “เรียบร้อยแล้ว”
“สหาย เข้าไปเถอะ”
เสี่ยวจ้าวมองฟางผิงด้วยใบหน้ายิ้มเบิกบาน
ฟางผิงขัดแย้งในใจอยู่บ้าง กัดฟันก่อนจะสาวเท้าเข้าไป
เขาเพิ่งเข้ามายังไม่ทันมองรอบๆ ให้ชัดเจน ประตูกลับถูกปิดแล้ว
“สหาย พวกเราขอตัวก่อน อีกเดี๋ยวถ้ามีคนตายมา พวกเราจะเรียกนายอีกที ไม่มีอะไรหรอก พวกเราทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่เคยเห็นศพลุกขึ้นยืนสักครั้ง…”
พูดไม่ทันจบดี เสียงฝีเท้าด้านนอกประตูก็ค่อยๆ ไกลออกไป
ฟางผิงไม่มีแรงบ่นแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวเข้าใจคิดจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะให้เขามาอยู่ในสถานที่แบบนี้!
ตอนนี้ฟางผิงเพิ่งจะมีใจสำรวจการจัดวางในห้อง
ห้องไม่ใหญ่มาก ประมาณห้าสิบตารางเมตร
มีเตียงเรียงรายอยู่หกเตียง ตอนนี้มีคนอยู่บนนั้นสามเตียง…คนตาย!
คนที่ถูกฆ่าตายตอนที่ฟางผิงเดินเข้ามาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ทั้งยังอยู่ข้างฟางผิงด้วย!
นอกจากเตียงแล้ว ในห้องก็ไม่มีอย่างอื่นอีก มีแค่ทีวีที่แขวนอยู่เครื่องหนึ่ง ตอนนี้กำลังฉายหนังอยู่
ศพทั้งสามหน้าตาบิดเบี้ยว ไม่ได้ถูกผ้าปิดไว้ กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายไม่น้อย
ฟางผิงใช้หางตาชำเลืองมอง นึกไม่ถึงว่าทั้งสามคนจะลืมตาขึ้นหมด ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้อยู่แล้ว หรือเจ้าสองคนเมื่อครู่ทำขึ้นมา!
“จำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยรึไง?”
ฟางผิงก่นด่า ตอนนี้ในห้องมีเพียงโคมไฟดวงน้อยส่องแสงอย่างริบหรี่ รวมกับแสงสลัวที่มาจากจอทีวี
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า ฟางผิงรู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมาอยู่บ้าง
ฆ่าคนตายกับเฝ้าศพนี่มันไม่เหมือนกันจริงๆ
ตอนที่ฆ่าคนตายไม่น่ากลัว แต่ให้เขาเผชิญหน้ากับศพทั้งคืน เกรงว่าคงจะขวัญหนีดีฝ่อ
“ฉันไม่ได้เป็นคนทำพวกนายตายนะ ฉันแค่มาดูเท่านั้น…”
ฟางผิงพึมพำ เพิ่มความกล้าให้ตัวเองเล็กน้อย
ตอนนี้ในทีวีมีเสียงหวีดหวิวดังออกมา ฟางผิงก่นด่าขึ้นมาอีกครั้ง “คิดจะขู่ขวัญใครกัน? ใครจะไปกลัวของพรรค์นี้…เชี้ย!”
เขาพูดไม่ทันขาดคำ จู่ๆ ในทีวีก็ปรากฏหน้าผีเลือดสาดขึ้นมา
ฟางผิงตกใจยกใหญ่ หอบหายใจ รีบหาคำมาพูดกับตัวเอง “อาจารย์ก็จริงๆ เลย จำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยหรือไง?”
—
ด้านนอกนั้นยังมีอีกห้องที่ห่างกันประมาณสิบเมตร
พวกเสี่ยวจ้าวกำลังสูบบุหรี่พูดคุยกันอยู่ ชายหนึ่งในคนที่เฝ้าประตูหัวเราะว่า “มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นเด็กมหาวิทยาลัยไม่เจนโลก พวกนายว่าเขาจะทนได้สักกี่น้ำ?”
“ครึ่งชั่วโมง?”
“ฉันว่าเต็มที่สิบนาที”
“หรือมาพนันกันสักตั้ง? ก่อนหน้านี้มีเด็กมหาลัยมาฝึกความกล้า ผลลัพธ์กระทั่งฉี่ราดยังมี เอาจริงนะ ไม่เข้าใจเลย ทำไมรัฐบาลถึงสนับสนุนเด็กมหาลัยพวกนี้กัน? ลองโยนสักคนขึ้นสังเวียนสิ รับรองว่าตายแบบไม่ทันรู้ตัวแน่ๆ”
เสี่ยวจ้าวส่ายหัวเล็กน้อย “อย่าได้ดูถูกอัจฉริยะพวกนี้เชียว ใช่ว่าจะไม่มีคนเคยขึ้นสังเวียนมาก่อน บางคนต้านไว้ได้ถึงสามรอบ คนพวกนี้มีพัฒนาการอย่างว่องไว พอได้ฝึกฝนความกล้า มีประสบการณ์ เจ้าลูกหมาพวกนี้ลงมือแต่ละทีจะโหดเหี้ยมขึ้นคนแล้วคนเล่า! ปราณสูง ชำนาญเคล็ดวิชา ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไปยังคงสู้พวกเขาไม่ได้จริงๆ”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน