ตอนที่ 130 ระบบอัปเกรด (1)
ฟางผิงอยู่ในห้องเก็บศพกว่าหนึ่งชั่วโมง
เพราะมีคนตาย ฟางผิงจึงต้องออกไปช่วยยกศพหนึ่งครั้ง ตลอดเส้นทางกลับไม่พบเรื่องแปลกๆ อะไร
พวกเสี่ยวจ้าวต่างมองเขาอย่างแปลกใจอยู่บ้าง เจ้าลูกไก่นี้ทำได้ไม่เลว เคยเห็นเลือดมาก่อนอย่างนั้นสินะ?
—
จวบจนเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน จ้าวเสวี่ยเหมยทนไม่ไหวจริงๆ จึงอ้วกออกมา
หลู่เฟิ่งโหรวเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารกลางวัน นึกไม่ถึงว่าจะพามากินสเต็กดิบ!
“อ้วกออกมาเดี๋ยวก็ชินแล้ว”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้สนใจนัก เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ในถ้ำใต้ดิน จุดไฟไม่ได้ ทำได้แค่กินเสบียงแห้งหรืออาหารดิบเท่านั้น แน่นอนว่าถ้านายมีพลังงานแร่ ก็จะสามารถกินอาหารสุกได้ แต่พลังงานแร่ เป็นสิ่งที่พวกนายมีได้งั้นเหรอ? อีกอย่าง ของสิ่งนั้นมีมูลค่า เอามาใช้ทำอาหาร ยังไม่สู้เอาไปเปลี่ยนเป็นยาบำรุง ภายหลังต้องทำความคุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้ไว้”
ขณะที่พูด เธอมองไปทางฟางผิงว่า “รู้สึกยังไงบ้าง?”
“ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้สวยหรูเหมือนที่คนธรรมดาคิดขนาดนั้น”
“นี่ก็ถูกแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์เสวยสุขมากมาย ต้องตายไวเช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีดีแต่ปราณ ตอนนี้อาจมีอยู่ แต่ต่อจากนี้ไปไม่แน่แล้ว”
“ครับ”
“เคยคิดจะขึ้นประลองแบบชี้เป็นชี้ตายบนสังเวียนหรือเปล่า?”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยปากว่า “การต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายจะทำให้นายมีประสบการณ์มากขึ้น ลองสัมผัสความรู้สึกระหว่างความเป็นความตายสักหน่อย แน่นอนว่าไม่ได้บังคับ เรื่องนี้แล้วแต่นาย”
“ผมจะครุ่นคิดดู…”
“อาจารย์ ฉันอยากลองค่ะ!”
จ้าวเสวี่ยเหมยที่กำลังอาเจียน จู่ๆ ก็แทรกขึ้นมา!
หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเบาว่า “เธออ่อนแอเกินไป”
“ฉันไม่ได้อ่อนแอ! ฉันหลอมกระดูกสี่สิบชิ้นแล้ว ทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ตอนปราณแตะหนึ่งร้อยหกสิบเก้าแคล เรียนรู้เคล็ดวิชาต่อสู้ จวงกงใกล้เข้าสู่ระดับที่สอง การแทงเท้าก็สำเร็จเบื้องต้นแล้ว ฉันคิดว่าตัวเองไม่ได้อ่อนแอ! อย่างน้อยพวกคนบนสังเวียนในวันนี้ ฉันก็ไม่กลัวพวกเขาเลย!”
“ตอนนี้ไม่รีบ เธอไปรับภารกิจตามจับกุมหรือเข้าร่วมการแข่งขันที่จัดขึ้นทั่วไปซะก่อน ถ้าอยากจะสัมผัสความเป็นความตายจริงๆ ต้องรอให้เธอมีประสบการณ์เป็นอันดับแรก ตอนนี้เธออ่อนหัดเกินไป!”
เธอไม่อนุญาตให้จ้าวเสวี่ยเหมยเข้าร่วมการประลองชี้เป็นชี้ตายเหมือนฟางผิง สำหรับจ้าวเสวี่ยเหมย เธออยากให้รอก่อน
“ฉันรับภารกิจได้แล้ว?”
“อื้ม ได้”
“เยี่ยมไปเลย!”
จ้าวเสวี่ยเหมยหน้าตาเบิกบานขึ้นมา ลืมความรู้สึกสะอิดสะเอียนเมื่อครู่ไปเสียสิ้น
ฟางผิงมองเธออย่างแปลกๆ อยู่บ้าง ผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรกัน?
จ้าวเสวี่ยเหมยกลับไม่มองเขา ครุ่นคิดก่อนจะกัดฟันกินสเต็กที่ชุ่มเลือด ใบหน้านั้นซีดเผือดจนหน้าตกใจ
กินอยู่สักพัก จู่ๆ จ้าวเสวี่ยเหมยก็เอ่ยด้วยใบหน้าไร้สีเลือดว่า “ฉันจะไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย!”
พูดจบ เจ้าตัวรีบวิ่งผลุบไปอย่างเร็ว
พอเธอไปแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวค่อยเอ่ยว่า “ไม่ต้องมองแล้ว เป็นเรื่องปกติที่จะไล่ตามความสามารถ พ่อของเธอเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ ตายระหว่างเข้าร่วมสงครามที่ถ้ำใต้ดินเทียนหนาน ครอบครัวยังมีบริษัทอีกแห่ง ไม่ใช่เล็กๆ เลย ตอนนี้พ่อเธอตายไปแล้ว มีแต่คนจับจ้องอยู่ ถ้าไม่มีความสามารถ คงรักษาไว้ไม่ได้ ยังดีหน่อยที่อยู่ในมหาวิทยาลัย รวมกับมีฉันเป็นอาจารย์เลยพอประคองไว้ได้ แต่เมื่อเรียนจบแล้ว ยังไม่ถึงขั้นสี่ จะรักษาไว้ได้ยังไง? หากเสียบริษัทไป แม้ว่าจะแบ่งเงินให้เล็กๆ น้อยๆ เธอจะยอมอย่างนั้นเหรอ? คนมีแรงผลักดันถึงจะดี ไม่เหมือนนาย…”
ฟางผิงร้องทุกข์ว่า “อาจารย์ ผมก็มีแรงผลักดันเหมือนกัน ผมอยากแข็งแกร่งขึ้น อยากมีเงิน อยากให้ครอบครัวอยู่อย่างสุขสบาย…”
“อันนี้เรียกว่าแรงผลักดันแล้ว? แต่นายเหมือนจะเป็นคนกลัวตาย นี่เป็นเรื่องดี ไม่อยากตายถือเป็นแรงผลักดันเหมือนกัน”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยสัพยอก
ฟางผิงทำหน้ากระดากอาย พูดอย่างกับเธอไม่กลัวตายงั้นแหละ
“ช่วงบ่ายไปดูการประลองต่อ ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อคุ้นชินกับคาวเลือด แต่เพื่อเรียนรู้ เรียนรู้ความโหดเหี้ยมของผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไปพวกนี้ เรียนรู้การจู่โจมที่คาดไม่ถึงของพวกเขา เรียนรู้การดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอดของพวกเขา! วันนี้ดูจบแล้ว พรุ่งนี้พวกเธอลองไปเข้าร่วมการต่อสู้ตามธรรมเนียม คิดว่าไง?”
“การต่อสู้ตามธรรมเนียมมีคนตายหรือเปล่าครับ?”
“อยู่ที่ดวง ส่วนมากจะบาดเจ็บ น้อยนักที่จะตาย ไม่เหมือนการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย คนไม่ตายถึงจะแปลกกว่า”
“งั้น…งั้นผมจะลองดู”
ฟางผิงถอนหายใจ ไม่อาจเอาแต่หลบหลีกไปตลอดได้
การต่อสู้ตามธรรมเนียมยังคงปลอดภัยกว่ามาก หากแค่นี้ยังไม่กล้า คงเท่ากับว่าเรียนศิลปะการต่อสู้มาเสียเปล่า
—
บ่ายวันนั้นฟางผิงและจ้าวเสวี่ยเหมยต่างชมการต่อสู้อย่างตั้งใจ จดจ่อกับรายละเอียดยิบย่อยระหว่างการต่อสู้
ฟางผิงพบว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายบนสังเวียนพวกนี้ บางทีอาจเป็นเพราะปราณไม่สูง จึงหลอมกระดูกได้ไม่เยอะ แต่ฝีมือกลับไม่อ่อนด้อยเลย
หลายครั้งเห็นได้ชัดว่าถูกอีกฝ่ายปะทะจนเนื้อแหลกแล้ว แต่ยังสามารถดิ้นรนโจมตีกลับไปได้
ไม่เหมือนกับที่ฟางผิงเคยประลองในมหาวิทยาลัย ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้โหดเหี้ยมกว่าเยอะ
เวลานี้ฟางผิงค่อยรู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไปมีความแตกต่างเช่นกัน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน