ตอนที่ 139 ใช้อาวุธอะไรดี (1)
ในตึกร้าง
ถังซงถิงกวาดสายตามอง ก่อนจะลงมือเป็นคนแรก เริ่มเหวี่ยงดาบเข้าหาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งพวกนั้น
มีผู้ฝึกยุทธ์คิดจะโจมตีฟางผิง เพิ่งจะตามขึ้นมาด้านหน้า กลับถูกฟางผิงวาดดาบออกมา ตัดอีกฝ่ายขาดเป็นสองท่อน!
“พวกนายไปจัดการคนอื่น”
เหยาจินเฉิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ตะโกนบอกคนอื่น
เวลานี้ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ก็ขวัญหนีดีฝ่ออยู่บ้างเช่นกัน รีบหลีกทางไปปะทะกับถังซงถิงแทน
ปกติตอนทำภารกิจ ฟางผิงแทบจะไม่พูดจาพร่ำเพรื่อ
ครั้งนี้ฟางผิงกลับถอนหายใจ “พูดจริงนะ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตามลำพัง”
“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้?”
“สายตาไม่เลวนี่”
เหยาจินเฉิงเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น “นอกจากขี้ข้าอย่างพวกนาย คงไม่มีคนอื่นแล้ว”
“ขี้ข้า?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายเรียกว่าสุนัขรับใช้จะดีกว่า แบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย จะพูดระคายหูอะไรขนาดนั้น อันที่จริงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจความคิดพวกนาย คงเพราะอยู่ในสังคมที่ไม่ดีสินะ? ต้องปิดบังข้อมูลข่าวสารกับคนธรรมดา ทำใจยอมรับไม่ได้? นายน่าจะรู้นะว่า ครั้งแรกที่ฉันรู้เรื่องพวกนี้ก็กระวนกระวายและหวาดกลัวเหมือนกัน กลัวว่าจะมีวันหนึ่งวันใดที่มาถึงจุดจบของโลก แต่จำเป็นต้องสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชนด้วยหรือไง?”
“ถุ้ย พวกนายมีส่วนได้เสียก็ต้องพูดดีเข้าตัวอยู่แล้ว!”
เห็นได้ชัดว่าเหยาจินเฉิงรู้ถึงความนัย เอ่ยด้วยน้ำเสียงครั่นคร้ามว่า “พวกเรายินดีที่จะตายอย่างเปิดเผย ดีกว่าต้องมาตายอย่างไม่รู้อะไร!”
“แต่พวกนายโจมตีคนธรรมดา โจมตีนักเรียน นี่คือความยุติธรรมจากปากของพวกนาย?”
ฟางผิงแค่นหัวเราะ “ถ้าเป็นแค่ปัญหาทางความคิดจริงๆ โทษของพวกนายไม่ถึงกับตายหรอก แต่พวกนายมันบ้าไปแล้ว ฉันได้ยินว่า เพื่อจะประกาศสิ่งที่พวกนายเรียกว่าเกียรติยศ พวกนายถึงกับก่อเหตุสังหารหมู่ขึ้นมาหลายครั้ง…”
“นั่นเป็นพวกคนโง่เขลา…”
ขณะที่ทั้งสองคนคุยกัน ถังซงถิงที่หอบแฮ่กๆ ตะโกนว่า “จะคุยกับพวกบ้านี่ทำไม จัดการพวกเขาแล้วค่อยว่ากัน!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แค่อยากลองดูว่า พวกเขายังพอมีทางช่วยเหลือหรือเปล่า ตอนนี้ดูท่าคงกู่ไม่กลับแล้ว”
พูดไม่ทันจบ ฟางผิงพลันกระโดดกลางอากาศ หมุนดาบเหวี่ยงเข้าหาอีกฝ่าย!
“เคร้ง!”
เหยาจินเฉิงพกอาวุธเช่นกัน เป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง เวลานี้ชักออกมาต้านไว้
เมื่อปะทะกัน ฟางผิงแววตาเป็นประกายทันที ปราณของอีกฝ่ายสู้เขาไม่ได้
นอกจากเรื่องปราณแล้ว การหลอมกระดูกช่วงบนของอีกฝ่ายก็ไม่เยอะมากเช่นกัน
มีแค่กระดูกบางชิ้นที่หลอมได้ล้ำลึกกว่าฟางผิง ส่วนเรื่องอื่นนั้นสู้ไม่ได้
“สือเฟิงยังแข็งแกร่งเสียกว่า!”
ฟางผิงหัวเราะ ก่อนจะเหวี่ยงดาบโจมตีอีกครั้ง
เหยาจินเฉิงขมวดคิ้วแน่น หมุนกระบี่ขึ้นมาปัดป้อง
“ขั้นสอง?”
เหยาจินเฉิงคาดเดาความสามารถของฟางผิงไม่ถูกอยู่บ้าง นี่มันขั้นสองหรือขั้นหนึ่งกัน?
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสอง ความจริงยังมีความแตกต่างกันเล็กน้อย
ระดับการหลอมกระดูกสูง กระดูกจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างละเอียด คนนอกยากที่จะแยกแยะ ผู้ฝึกยุทธ์ยังคงมองออกได้
มองจากภายนอก กระดูกช่วงบนของฟางผิงเหมือนไม่เคยผ่านการหลอมมาก่อน
ในเมื่อเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายคงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง
แต่พลังการโจมตีของฟางผิงไม่อ่อนด้อยเลย อย่างน้อยก็ไม่ด้อยกว่าเขา นี่คือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งงั้นเหรอ?
เหยาจินเฉิงสับสนอยู่บ้าง กลับไม่คิดจะประมาท ยังคงโรมรันกับฟางผิงต่อ
ฟางผิงใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม อีกฝ่ายเหมือนจะฝีมือไม่เท่าไหร่จริงๆ
ไม่หยั่งเชิงอีกต่อไป ฟางผิงหมุนดาบโจมตีอย่างว่องไว ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบ
มือทั้งสองข้างหมุนดาบ การเคลื่อนไหวที่ฝีเท้ากลับไม่ช้าลงแม้แต่น้อย ฟางผิงใช้เท้าขวาเตะไปยังเหยาจินเฉิงอย่างแรง
เหยาจินเฉิงหลอมกระดูกช่วงล่างนานแล้ว ไม่เกรงกลัวเช่นกัน วาดฝีเท้าออกไปปะทะกับฟางผิง
ฟางผิงยืดปลายเท้าตรงดิ่ง ก่อนจะแทงไปยังกระดูกเข่าของเขา เหยาจินเฉิงรีบใช้เท้าของตัวเองปัดป้อง
เท้าเพิ่งจะปะทะกัน จู่ๆ เหยาจินเฉิงก็ชักเท้ากลับราวกับถูกไฟช็อต ถลึงตามองฟางผิงอย่างโกรธเคือง
ร่างกายมนุษย์เทียบกับโลหะผสมไม่ได้อยู่แล้ว รวมกับฟางผิงใช้การแทงเท้าอย่างชำนาญ ชั่วพริบตาจึงเกือบจะแทงโดนส้นเท้าของเขา
“ฝีมือด้อยกว่าสือเฟิงอยู่บ้างจริงๆ”
ฟางผิงพึมพำ ก่อนจะตะโกนว่า “ดูลูกเตะของฉันไว้!”
เหยาจินเฉิงระวังตัวอย่างยิ่ง ฟังจบจึงมองไปที่ขาของฟางผิงทันที เตรียมจะหลบหลีกจากรองเท้าคู่นั้นของเขา
“ไม่มีไหวพริบการต่อสู้เอาซะเลย!”
ฟางผิงบ่นพร่ำ ไม่คิดจะเตะติดต่อกันออกมา แต่ใช้ดาบฟาดลงมาอย่างแรงแทน
เดิมทีกระบี่ก็ไม่เหมาะจะใช้ต้านรับดาบอยู่แล้ว ปราณของเหยาจินเฉิงยังสู้ฟางผิงไม่ได้อีก ฟางผิงหลอมกระดูกทั่วร่างเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว พลังช่วงบนจึงไม่ด้อยกว่าเขาเลย


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน