ตอนที่ 151 แม้แต่ฟางผิงยังสู้ไม่ได้ (1)
วันที่ 2 มกราคม ถังเฟิงและไป๋รั่วฉีนำทีมมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง
มหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตงตั้งอยู่ในเมืองมหาวิทยาลัยเช่นกัน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อยู่ทางใต้ ส่วนหวาตงตั้งอยู่ทางตะวันออก
—
เดินภายในเขตมหาวิทยาลัยของหวาตง ฟู่ชางติ่งก็อิจฉาตาร้อน
“สาวสวยเยอะชะมัด!”
“ผู้หญิงทางใต้มีแต่คนหน้าตาดี ไม่ได้หลอกกันจริงด้วย แต่ทำไมเซี่ยงไฮ้ถึงไม่มีล่ะ!”
“จริงด้วย รู้อย่างนี้มาเรียนหวาตงก็ดี…”
“…”
เด็กหนุ่มพวกนี้วิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด พวกผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างต่างสีหน้าดำคล้ำเป็นก้นหม้อ รวมถึงเฉินอวิ๋นซีด้วย
เซี่ยงไฮ้ไม่มีหมายความว่าไง?
หรือพวกเธอขี้ริ้วขี้เหร่อย่างนั้นเหรอ?
หวาตงเป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนสายศิลปะการต่อสู้และสังคมศาสตร์ ทั้งต่างมีชื่อเสียงทั้งสองสายวิชา
ไม่เหมือนกับหนานเจียง มหาวิทยาลัยสองแห่งเปิดสอนสายศิลปะการต่อสู้ ทุกปีรับนักเรียนเพียงร้อยสองร้อยคนเท่านั้น
มหาวิทยาลัยหวาตงสายศิลปะการต่อสู้กลับรับนักเรียนสูงถึงพันคน น้อยกว่าเซี่ยงไฮ้อยู่บ้างเท่านั้น
ส่วนสายสังคมศาสตร์ยิ่งเยอะกว่า ทุกรุ่นจะห้าพันคนเป็นอย่างต่ำ
คนเยอะ สาวสวยจึงเยอะขึ้นตาม นักศึกษาหญิงที่สอบเข้าครุศาสตร์หวาตงก็คงมีมากเช่นกัน
ฟู่ชางติ่งสอดส่องไปทั่ว ไม่เว้นแม้กระทั่งพวกจ้าวเหล่ย สาวงามแรกรุ่นของหวาตงนั้นมีเยอะกว่าเซี่ยงไฮ้จริงๆ
ทั้งนักศึกษาหญิงสายศิลปะการต่อสู้แทบไม่มีเวลามาสนใจเรื่องแต่งตัว คงไม่อาจเสียเวลาหลายชั่วโมงไปกับการแต่งหน้าแต่งตัวทุกวันได้อยู่แล้ว
เมื่อเทียบกับหวาตง ความแตกต่างจึงเห็นได้อย่างชัดเจน
—
รอจนทุกคนไปถึงสนามกีฬาของหวาตงแล้ว ด้านในก็มีเสียงกรี๊ดร้องดังก้องแทบสะเทือนแก้วหู
“ครุศาสตร์หวาตงเก่งที่สุด ครุศาสตร์หวาตงแกร่งที่สุด!”
“จ่านเผิงเฟย เรารักคุณ!”
“เฉินหงเว่ย เอาที่หนึ่งมาให้ได้!”
“เซี่ยงไฮ้ๆ แพ้ราบคาบ!”
“…”
เสียงสโลแกนต่างๆ นานาดังลั่นจนทุกคนมองตาค้างอย่างตกใจ ในเซี่ยงไฮ้พวกเขาไม่เคยเห็นฉากเช่นนี้มาก่อน
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีนักศึกษาทั้งหมดแค่หกพักคน ทุกคนต่างมีเรื่องยุ่งของตัวเอง ใครจะมีเวลาว่างมาดูการประลองของคนอื่น
ปกติพวกฟางผิงฝึกซ้อมกัน คนที่มาดูล้วนเป็นสมาชิกที่มาเข้าร่วมฝึกซ้อม เดิมทีก็ไม่มีกองเชียร์อยู่แล้ว
ตอนนี้กองเชียร์จากหวาตงกลับเยอะอย่างมาก
ที่นั่งผู้ชมของสนามกีฬา เบียดเสียดด้วยผู้คนมากมาย ทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นผู้หญิง!
กองเชียร์ที่อยู่แถวหน้า แม้ตอนนี้จะเป็นฤดูหนาวจัด กลับแต่งกายด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น
ฟู่ชางติ่งพึมพำว่า “นี่สิถึงจะให้ความรู้สึกเป็นสาวทางใต้หน่อย!”
หยางเสี่ยวม่านกัดฟันว่า “หยุดบ้าผู้หญิงได้แล้ว ไม่ได้ยินหรือไง กำลังโห่ให้พวกเราชัดๆ”
ฟู่ชางติ่งไม่ใส่ใจนัก ถังเฟิงกลับเอ่ยว่า “อีกเดี๋ยวให้ฟู่ชางติ่งประลองคนแรก!”
“หา?”
“ลงมือเต็มที่และชนะให้เร็วที่สุด!”
ถังเฟิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “มีแค่ทำแบบนี้ เพื่อกอบกู้หน้าตา ครุศาสตร์หวาตงถึงจะส่งนักศึกษาแนวหน้าออกมา”
แม้เขาจะพูดด้วยท่าทีเช่นนั้น แต่ฟางผิงรู้สึกว่า ราชสีห์ถังที่ใจแคบกำลังโกรธแล้ว
นึกไม่ถึงว่านักศึกษาของหวาตงจะกล้าโห่ใส่เซี่ยงไฮ้ นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกเหรอ?
ฟู่ชางติ่งอึ้งไปเล็กน้อย แต่ไม่นานก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหา ผมจะสอนผู้ฝึกยุทธ์ของครุศาสตร์หวาตงให้รู้ว่า อะไรคือลุ่มหลงอย่างไร้อุดมการณ์ อะไรคือลุ่มหลงจนชีวิตตกสู่หายนะ แสดงให้เห็นว่าความอัปยศเป็นของนาย ส่วนสาวงามเป็นของฉัน…”
“หุบปาก!”
ถังเฟิงถลึงตาใส่เขา เพราะตอนนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ของมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตงคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้ว
ก่อนหน้านี้คนที่มารับพวกเขาเป็นอาจารย์ขั้นสี่คนหนึ่ง ถังเฟิงไม่คิดสนใจมาก
ตอนนี้คนที่มากลับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก เวลานี้ไม่อาจว่าร้ายคนต่อหน้าพวกเขาได้
“ราชสีห์ถัง สุขสบายดีสินะ!”
“เหล่าเสอ นายยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”
“ฮ่าๆ ถึงนายตายแล้ว ฉันก็ยังไม่ตายอยู่ดี…”
ทั้งสองทำราวกับว่าไม่มีคนอื่นอยู่ที่นี่ ไป๋รั่วซีจนใจอยู่บ้าง เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “คุณสองคนเพิ่งเจอกันเมื่อวันก่อนไม่ใช่หรือไง?”
บทสนทนาของสองคนหยุดชะงักทันที ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกคนนั้นหัวเราะแห้งๆ “อย่างนั้นเหรอ? แม่หนูนี้ความจำดีจริงๆ ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย”
ทุกคนต่างอาศัยในเมืองมหาวิทยาลัย ระยะทางไม่ได้ห่างไกลกันมาก
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกพวกนี้แล้ว ไปมาหาสู่แต่ละทีก็แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ต้องมีโอกาสพบปะกันอยู่แล้ว


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน