ตอนที่ 162 แผนการที่เหนือความคาดหมายของเซี่ยงไฮ้ (1)
“จ้าวเสวี่ยเหมยที่ลงสนามคนแรกของเซี่ยงไฮ้เป็นหนึ่งในนักศึกษาหญิงที่มีจำนวนไม่มากของการแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยลงสนามมาก่อน”
“ด้านปักกิ่งให้เว่ยซู่เจี๋ยเป็นคนนำทัพ แม้เว่ยซู่เจี๋ยจะเคยแพ้ให้เฉินเจียเซิงมาก่อน แต่ยังคงออกจากสนามไปอย่างไร้บาดแผล เห็นได้ชัดว่าฝีมือของเว่ยซู่เจี๋ยก็ไม่ได้ธรรมดาเหมือนกัน”
“…”
ระหว่างที่หลิวหวาหรงกล่าวแนะนำ ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสองฝ่ายก็ขึ้นมาบนเวที
เว่ยซู่เจี๋ยใช้อาวุธเป็นกระบองยาวเช่นกัน
ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง พวกผู้ฝึกยุทธ์มักจะเริ่มต้นจากอาวุธง่ายๆ เป็นหลัก ดาบและกระบองเป็นอาวุธที่ถูกเลือกใช้มากที่สุด รองลงมาคือกระบี่ ส่วนหอก ขวาน ง้าว อาวุธพวกนี้มีคนใช้น้อย
“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ จ้าวเสวี่ยเหมย!”
“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง เว่ยซู่เจี๋ย!”
ทั้งสองคนเพิ่งจะแนะนำตัวเสร็จ จู่ๆ ด้านล่างเวทีก็มีเสียงตะโกนว่า “เซี่ยงไฮ้ต้องชนะ เอาชนะปักกิ่ง!”
“เซี่ยงไฮ้ต้องชนะ!”
“ปักกิ่งชนะห้ารวดไปเลย!”
“…”
ครั้งนี้มีคนจากมหาวิทยาลัยชื่อดังทั้งสองแห่งมาร่วมชมการแข่งขันไม่น้อย ความบาดหมางระหว่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ มีมากมายนับไม่ถ้วนจริงๆ
ที่หนึ่งและที่สอง ยากที่อยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง
ก่อนที่การแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศยังไม่เปิดเผยต่อภายนอกอย่างเป็นทางการ มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งแทบจะมีการประลองกันอย่างลับๆ ทุกปี เซี่ยงไฮ้แพ้เยอะชนะน้อยครั้ง
“เงียบ!”
มีปรมาจารย์ตะเบ็งเสียงดัง ตัดบทเสียงเชียร์ของทุกคน
ผู้ตัดสินไม่ได้รีบร้อน รอจนทุกคนเงียบลงแล้ว ค่อยตะโกนว่า “เริ่มได้!”
สิ้นเสียงนั้นจ้าวเสวี่ยเหมยและเว่ยซู่เจี๋ยก็แทบจะขยับตัวในเวลาเดียวกัน!
เว่ยซู่เจี๋ยเปิดฉากด้วยการฟาดกระบองลงมา!
กระบองนี้ระเบิดปราณอย่างแข็งแกร่งจนทำให้หลายคนตกใจ
—
“ระยำ!”
ด้านหลังเวที หยางเสี่ยวม่านตะโกนอย่างโมโห
รอบก่อนเว่ยซู่เจี๋ยซ่อนความสามารถเอาไว้!
ตอนที่ต่อสู้กับเฉินเจียเซิง ปราณปะทุสูงสุดที่สามสิบแคล บางทีอาจเป็นเพราะปักกิ่งวางแผนที่จะจัดการเซี่ยงไฮ้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่ให้เว่ยซู่เจี๋ยเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง
ยังไงเวลานั้นถึงเขาจะระเบิดปราณสุดกำลัง ก็อาจไม่ใช่คู่มือของเฉินเจียเซิงอยู่ดี ทั้งยังเหลือฟางเหวินเสียงรั้งท้ายทัพอีกคน
ครั้งก่อนจึงยอมแพ้อย่างง่ายๆ ทำให้หลายคนดูแคลนเขา รวมถึงทางเซี่ยงไฮ้ด้วย
แต่ครั้งนี้เว่ยซู่เจี๋ยเป็นคนนำทัพ ฟาดกระบองครั้งที่หนึ่งปราณแตะถึงห้าสิบแคล!
จ้าวเสวี่ยเหมยไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกส่วนบน ตั้งแต่แรกก็คิดที่จะโจมตีอย่างดุเดือด ขึ้นเวทีแล้วจึงฟาดกระบองไปหาอีกฝ่ายทันที
หยางเสี่ยวม่านก่นด่า ถังเฟิงกลับขมวดคิ้วว่า “บางทีอาจจะเตรียมให้มาจัดการกับฟางผิง”
ให้เว่ยซู่เจี๋ยนำทัพ ดูจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ของเซี่ยงไฮ้ หากให้ฟางผิงลงสนามคนแรก อาจจะเจอกับอีกฝ่ายเป็นคนแรก
พอฟางผิงประเมินอีกฝ่ายต่ำไป ก็อาจจะถูกลอบจู่โจม
ฟางผิงไม่สนใจคำพูดนี้ ยังคงจับตาดูด้านหน้าเวทีอยู่ตลอด
—
กระบวนท่าของเว่ยซู่เจี๋ยระเบิดปราณอยู่ที่ห้าสิบแคล เห็นได้ชัดว่าเหนือความคาดหมายของจ้าวเสวี่ยเหมยเช่นกัน
ตอนนี้จ้าวเสวี่ยเหมยไม่อาจถอยหลบได้อีกแล้ว
เธอไม่มีความคิดจะหลบเหมือนกัน
ครู่ต่อมา กระบองของทั้งสองจึงปะทะเข้าด้วยกัน!
“เคร้ง”
เกิดเสียงดังลั่น จ้าวเสวี่ยเหมยถอยหลังไปหลายก้าว เผยสีหน้าแดงก่ำ กลับไม่ได้กระอักเลือดออกมา
เว่ยซู่เจี๋ยโจมตีสำเร็จด้วยกระบวนท่าเดียว ไม่คิดชักช้าอีก ไล่ตามขึ้นมาในชั่วพริบตาเริ่มโจมตีครั้งที่สอง
ครั้งนี้จ้าวเสวี่ยเหมยหมุนกระบองปัดป้อง เสียงกระทบกันดังขึ้นอีกครั้ง กระบองยาวในมือเธอสั่นไม่หยุดหย่อน ทั้งฝ่ามือยังมีเลือดไหลลงมา
จ้าวเสวี่ยเหมยเม้มริมฝีปาก ยังคงไม่ส่งเสียงอะไร ถอยหลังไปอีกหลายก้าว
กระบวนท่าที่ออกติดต่อกันสองครั้งของเว่ยซู่เจี๋ยถูกจ้าวเสวี่ยเหมยรับไว้ได้ ในใจจึงเกิดความสงสัยอยู่บ้าง

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน