ตอนที่ 187 ฟางผิงที่น่าสงสาร (1)
ด้านบนเวที
ฟางผิงลงมือหนักเช่นกัน ยืมแรงจากอากาศ สองเท้าเตะไปยังจุดตายของอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน
ชายหนุ่มถอยหลังติดต่อกัน แต่ฝีเท้ายังนับว่ามั่นคง แม้ตอนนี้ฟางผิงจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด โจมตีอยู่ฝ่ายเดียวก็ตาม
ไม่นานไหล่และแขนของอีกฝ่ายต่างมีบาดแผล รอยเลือดเต็มไปหมด ถึงกระทั่งแถวลำคอยังมีคราบเลือดอยู่เช่นกัน
คนนอกมองด้วยความกังวล แต่พวกปรมาจารย์กลับรู้ว่าชายหนุ่มบาดเจ็บแค่เล็กน้อยเท่านั้น
เทียบกับฟางผิง ชายหนุ่มอยู่ในสภาวะตั้งรับ ปราณจึงสิ้นเปลืองน้อยกว่าฟางผิง กำลังก็เสียน้อยกว่าฟางผิงเช่นกัน
ไวทันตาเห็น ในขณะที่พวกนักศึกษาหนานเจียงกำลังเป็นกังวลแทนชายหนุ่ม
ชายหนุ่มที่เป็นฝ่ายตั้งรับมาตลอดกลับลงน้ำหนักเท้าทั้งสองบนพื้น เวทีที่สร้างขึ้นมาชั่วคราวถูกเขาเหยียบจนเกิดเป็นหลุมหนึ่ง!
ถึงจะเป็นเวทีที่สร้างขึ้นชั่วคราว แต่เพื่อให้เหมาะสมกับการประลองของผู้ฝึกยุทธ์ จึงใช้วัสดุเหล็กมาประกอบเป็นเวที
แม้จะไม่ถึงขั้นที่ใช้โลหะผสมระดับ F แต่พื้นเหล็กหนาถูกเหยียบจนเป็นหลุม เห็นได้ชัดว่าความสามารถของชายหนุ่มนั้นน่ากลัวอย่างมาก
ส้นเท้าของชายหนุ่มจมกับพื้นเวที หยุดการเคลื่อนไหวเอาไว้ได้
ครู่ต่อมาชายหนุ่มก็ตะโกนเสียงดัง ใช้สองหมัดพุ่งโจมตีขาทั้งสองข้างของฟางผิง!
“พลั่ก!”
ฝ่าเท้าของฟางผิงชนเข้ากับหมัดของอีกฝ่ายอย่างแรง ทำให้ฟางผิงลอยกระเด็นออกไป ก่อนจะร่วงสู่พื้นเวทีอย่างทุลักทุเล
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางผิงมีแนวโน้มจะพลาดท่าหลังจากประลองมาสามครั้ง
ฟางผิงที่ล้มอยู่บนพื้น เท้าสองข้างสั่นเทาเล็กน้อย
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้าม บนหมัดเต็มไปด้วยเลือด กลับไม่คิดสนใจ ขยับปลายเท้าเป็นฝ่ายจู่โจมฟางผิง
“คิดว่าฉันกลัวนายจริงๆ งั้นเหรอ!”
ฟางผิงโมโหสุดขีดเช่นกัน เวลานี้ปราณเขาสิ้นเปลืองอย่างหนัก แม้จะสามารถเพิ่มปราณได้ แต่ฟางผิงไม่คิดจะเพิ่มมัน
การต่อสู้ระดับเดียวกันก่อนหน้านี้ น้อยครั้งที่เขาจะเพิ่มปราณระหว่างการต่อสู้ นอกเสียจากว่าจะต่อสู้ติดกันหลายรอบ ปราณไม่พอใช้
แต่เมื่อครู่ก่อนที่จะประมือกับชายหนุ่ม ปราณเขานั้นฟื้นฟูอย่างเต็มเปี่ยม
สถานการณ์แบบนี้ยังต้านอีกฝ่ายไม่ได้ เขาจะมีหน้ามาเพิ่มปราณได้ยังไง
แม้ว่าฟางผิงจะไม่สนใจเรื่องหน้าตา แต่ความยุติธรรมของการต่อสู้ระดับเดียวกันเช่นนี้
ถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุดหลอมกระดูกสองครั้งไล่ต้อน ยังคงทำให้ฟางผิงรับไม่ได้อยู่ดี
ไม่นานทั้งสองคนก็ปะทะกันอีกครั้ง ครั้งนี้ฟางผิงและชายหนุ่มไม่ตั้งรับกันอีกแล้ว ต่อสู้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน!
—
ด้านล่างเวที
จู่ๆ ไป๋รั่วซีก็เอ่ยว่า “คนๆ นี้คือกู้สยงที่ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ยี่สิบสี่ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้?”
พอเธอพูดแบบนี้ พวกฟู่ชางติ่งคล้ายกับจะจำได้ขึ้นมาอย่างเลือนราง เอ่ยอย่างตกใจว่า “เหมือนจะอย่างนั้น ผมเกือบลืมไปเลย หนานเจียงมีคนที่ถูกจัดลำดับอยู่ในขั้นสองด้วย!”
ก่อนหน้านี้กระทรวงการศึกษาประกาศการจัดลำดับผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ออกมา
ตอนแรกฟางผิงถูกจัดอยู่ลำดับที่หกของผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มสู้รบขั้นหนึ่ง
แต่ตอนที่ทุกคนมองการจัดลำดับต่ำกว่าขั้นสามอย่างมากก็มองสิบอันดับแรกเท่านั้น
กู้สยงถูกจัดในลำดับที่ยี่สิบสี่ของผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มสู้รบขั้นสอง คนที่ให้ความสนใจมีไม่เยอะ
แต่กู้สยงขึ้นชื่อว่าเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป ถูกจัดในอันดับยี่สิบสี่จากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดได้ ถือว่าแข็งแกร่งมากแล้ว!
ก่อนหน้านี้ทุกคนมองข้ามจุดนี้ไป ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองที่ถูกจัดในลำดับหนึ่งร้อยคนแรก มีคนจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปไม่ถึงยี่สิบคนเท่านั้น
และผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ถึงยี่สิบคน ในนั้นมีกู้สยงอยู่ ทั้งยังอยู่ในตำแหน่งที่สูงท่ามกลางผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปแห่งอื่นๆ
สิบอันดับแรกของขั้นสอง มีนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปจากเป่ยเจียงเพียงคนเดียวเท่านั้น
สามสิบอันดับแรกมีไม่ถึงห้าคน กู้สยงถือเป็นหนึ่งในนั้น
หวังจินหยางสาวเท้าเข้ามา พยักหน้าเบาๆ ว่า “เป็นกู้สยง พ่อเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ของหน่วยทหาร เขาเพิ่งจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ไม่นานก็ถูกพ่อตัวเองพาไปฝึกในกองทัพ แม้จะเป็นระดับเดียวกันในหน่วยทหาร เขาก็ยังจัดอยู่ในประเภทที่โดดเด่นกว่าคนอื่น ฟางผิงปราณสูงกว่าเขา หลอมกระดูกล้ำลึกกว่าเขา แต่อย่างมากฟางผิงก็เคยต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมเท่านั้น…เทียบเรื่องประสบการณ์รบและการใช้เคล็ดวิชาต่อสู้…ฟางผิงล้วนสู้กู้สยงไม่ได้ ทั้งเขาก้าวสู่ขั้นสองสูงสุดในระยะเวลาสั้นเกินไป เวลานี้เขาขาดการตกตะกอน…”
คำพูดนี้ทำให้คนอื่นๆ อดมองเขาไม่ได้ ฟางผิงตกตะกอนด้วยเวลาสั้นเกินไป แล้วนายล่ะ?
หวังจินหยางไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเขายังไง เขาและฟางผิงไม่เหมือนกัน
แต่ละช่วงที่เขาก้าวสู่ขั้นสูงสุดใช้เวลาน้อยกว่าฟางผิงก็จริง
แต่ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างนอก เขาจะปรากฏตัวในฐานะขั้นสูงสุดเท่านั้น
ดังนั้นช่วงเวลาที่เขาอยู่ในขั้นสูงสุด ส่วนมากจะหมดไปกับการฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ เพิ่มพูนประสบการณ์สู้รบ
แต่ฟางผิง กลัวว่าจะเข้าสู่ขั้นสองสูงสุดแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
หากไม่ใช่ว่าการหลอมกระดูกและปราณของเขาแข็งแกร่งกว่ากู้สยง เกรงว่าฟางผิงคงต้านไม่ไหวไปนานแล้ว
ตอนนี้ถ้ากู้สยงทะลวงขั้นสาม ก็คงไม่ได้เป็นพวกปลายแถวในหมู่ขั้นสามแน่นอน
—
บทสนทนาข้างล่างเวที ฟางผิงไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว
เขารู้ข้อบกพร่องของตัวเองดี การฝึกวิชาขั้นสอง ฟางผิงให้ความสำคัญกับการหลอมกระดูกมาโดยตลอด
ไม่เหมือนกับตอนอยู่ขั้นหนึ่งที่ช่วงหลังหันมาฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้และจวงกงเป็นหลัก
แต่ถูกคนในระดับเดียวกันที่เงื่อนไขต่ำกว่าตัวเองเอาชนะ เป็นเรื่องที่ฟางผิงรับไม่ได้อย่างมาก!
เป็นครั้งแรกที่ฟางผิงเผยความเด็ดเดี่ยวที่ซ่อนลึกในกระดูกออกมา

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน