ตอนที่ 2 ต้องสอบวรยุทธ์ให้ได้!
ในห้องเรียน
ฟางผิงสับสนมึนงง ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
พูดขึ้นมาเหมือนไม่ได้คิดอะไร “ช่วงนี้ยุ่งกับการเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ได้ดูข่าวอะไรเลย นายเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ มีเรื่องอะไรน่าสนใจบ้าง?”
เฉินฝานพูดลอยๆ “ก็ที่เล่าไปแล้วไง ปรมาจารย์หม่าทะลวงขั้นแปดได้ ทำเอาช็อกไปทั้งวงการ”
เฉินฝานไม่ค่อยชอบเรื่องซุบซิบนินทา มีแต่หยางเจียนที่พูดเก่งไม่เบา
ตอนนี้เสียงกริ่งเข้าเรียนยังไม่ดัง หยางเจี้ยนได้ยินคำถามของฟางผิง จึงหันมาคุยเสียงเบา
“ข่าวใหญ่ที่ได้รับการยืนยันมีไม่มากหรอก แต่ไม่กี่วันมานี้ฉันอ่านข่าวซุบซิบผ่านตามา ก็ไม่รู้ว่าเชื่อถือได้หรือเปล่า ได้ยินว่าไต้ซือหม่าแห่งอาลี อาจจะบรรลุขั้นเจ็ดกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว! ปรมาจารย์หลี่แห่งไป่ตู้ ก็ดูเหมือนเตรียมจะปิดด่านทะลวงขั้นแปดเช่นกัน เขาใช้เวลาทะลวงขั้นเจ็ดพอๆ กับปรมาจารย์หม่า แต่หลายปีมานี้ปรมาจารย์หลี่พัฒนาช้ากว่าปรมาจารย์หม่า จะทะลวงได้หรือไม่ ยังคงพูดยาก
เออใช่+ ยังมีอีกข่าว ผู้ว่าจาง มณฑลหนานเจียงของพวกเรา ใกล้จะบรรลุขั้นเจ็ดแล้ว ถ้าผู้ว่าจางบรรลุขั้นเจ็ด ก็ยอดไปเลยนะ พวกเราชาวหนานเจียงอ่อนแอมาหลายปี ตอนนี้มีแค่ปรมาจารย์ขั้นเจ็ดรุ่นก่อนไม่กี่คนนั่งรักษาการณ์ ผู้ว่าจางยังอายุน้อย หากทะลวงสำเร็จ ก็มีโอกาสจะก้าวหน้าอีกขั้น ช่วยกู้หน้าให้หนานเจียงของพวกเรา อีกอย่าง ก่อนสอบวรยุทธ์ปีนี้ เหมือนว่าโรงเรียนของพวกเราจะเชิญรุ่นพี่ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยวรยุทธ์หนานเจียงเมื่อปีก่อนมาพูดบรรยายให้พวกเราฟังด้วย…”
หยางเจี้ยนพูดเป็นน้ำไหลไฟดับ ด้านฟางผิงกลับรู้สึกว่าตัวเองคล้ายฟังคัมภีร์สวรรค์เสียอย่างนั้น
ข่าวซุบซิบที่หยางเจี้ยนพูด ส่วนมากจะเกี่ยวกับเรื่องผู้ฝึกยุทธ์
ใครสักคนสามารถทะลวงขั้นได้ ใครสักคนกำลังเตรียมจะปิดด่าน
คนที่ถูกพูดถึง ฟางผิงเคยได้ยินชื่ออยู่บ้าง ไม่ใช่แค่คนในแวดวงธุรกิจ ยังมีวงการบันเทิง กระทั่งแวดวงการเมืองเช่นกัน
เท่าที่ฟังจากหยางเจี้ยน ฟางผิงรับรู้ได้ว่า ผู้ฝึกยุทธ์นั้นมีหน้ามีตาในสังคมนี้เป็นอย่างมาก
ผู้ฝึกยุทธ์อันดับต่ำกว่าขั้นเจ็ด หยางเจี้ยนเรียกว่าไต้ซือ สูงกว่าอันดับเจ็ดนั้นยกย่องว่าปรมาจารย์
นอกจากนั้น ผู้ฝึกยุทธ์ที่พูดถึงแต่ละคนก็เป็นคนดังทั้งนั้น
ฟางผิงเลยถามออกไปว่า “คนพวกนี้แข็งแกร่งแค่ไหน?”
หยางเจี้ยนตอบกลับมาแบบไม่ต้องคิด “ไม่ว่าจะผู้ฝึกยุทธ์คนไหนก็สามารถหักพวกเราเหมือนหักตะเกียบได้ทั้งนั้น!”
รอจนเสียงกริ่งดังขึ้น หยางเจี้ยนก็ถือโอกาสยามที่อาจารย์ยังไม่มา เพื่อคุยต่อ “ถ้าสอบเข้าวรยุทธ์ไม่ได้ ก็อดเป็นผู้ฝึกยุทธ์ไปตลอด”
“เป็นข้าราชการหรือนักธุรกิจก็คงไปไม่ได้ไกล ถ้าไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ไม่มีทางรุ่งเรืองหรอก!”
คำพูดนี้หลุดออกมา ฟางผิงก็ชะงักอีกครั้ง
เฉินฝานที่ไม่ได้เปิดปากตั้งแต่ต้น เอ่ยขึ้นมาอย่างหม่นหมอง
“อย่างไรผู้ฝึกยุทธ์ก็เป็นเพียงคนกลุ่มน้อย ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหรือนักการเมือง ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนี้”
จากบทสนทนาของทั้งสองคน ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ฟางผิงล้วนรับรู้ได้ว่าโชคชะตาโหดร้ายกับเขามาก!
ถ้าไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง ต่อให้มีโอกาสได้กลับมาเกิดใหม่ ก็คงเป็นได้แค่คนชนชั้นล่างเท่านั้น
สิ่งที่สำคัญคือ ตอนนี้ฟางผิงสงสัยเป็นอย่างมาก ตกลงตัวเองกลับมาเกิดใหม่จริงหรือไม่?
แม้ว่าหน้าตาของเพื่อนร่วมห้องยังคงเหมือนเดิม ชื่อแซ่ไม่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่วงการธุรกิจ ชื่อบริษัทยังคงถูกเผงเหมือนเดิม
แต่แทนที่ทุกคนจะทำอาชีพเดิม กลับกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันไปหมด เรื่องอย่างอื่นจะเปลี่ยนไปด้วยไหมนะ?
อยากจะถามอีกหลายเรื่อง แต่ตอนนี้อาจารย์เข้ามาในห้องเรียนแล้ว ทุกคนต่างก็กลับที่นั่งของตัวเอง ไม่ได้พูดเล่นกันอีก
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ ฟางผิงจึงไม่อยากถามซักไซ้อีก
ถ้าถามลงลึกไปอีก กลัวว่าเจ้าเด็กพวกนี้จะคิดว่าเขาเป็นโรคความจำเสื่อมเอาได้
ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะฉวยโอกาสที่อาจารย์ไม่ได้สนใจ กระซิบถามเฉินฝาน “แถว…แถวโรงเรียนของพวกเรายังมีร้านอินเตอร์เน็ตอยู่ใช่ไหม?”
เฉินฝานมองเขาอย่างแปลกใจไปแวบหนึ่ง แต่ยังคงตอบกลับไป “มีสิ เมื่อก่อนนายก็ไปร้านหลันเทียนบ่อยๆ นี่นา?”
“ฟู่ว!”
ฟางผิงถอนหายใจ พยักหน้าไม่พูดอะไรอีก ดูท่าบางอย่างก็ยังเป็นเหมือนเมื่อก่อน
อย่างชื่อร้านอินเตอร์เน็ตเชยๆ ก็ยังเหมือนเดิม ในเมื่อร้านอินเตอร์เน็ตยังอยู่ ก็หมายความว่ามีหลายอย่างที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
หลังจากเลิกเรียนคงต้องไปค้นหาข้อมูลสักหน่อย อาจจะเข้าใจอะไรมากขึ้น
เฉินฝานเห็นฟางผิงมีท่าทีราวกับยกภูเขาออกจากอก เขาจึงเอ่ยเตือนอย่างหวังดี “ถึงพวกเราจะไม่ได้สอบวรยุทธ์ แต่ก็อย่าเสียใจไป สอบสายสังคมก็มีโอกาสเชิดหน้าชูตาได้เหมือนกัน วันข้างหน้าก็อาจจะมีโอกาสกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ การสอบเข้ามหาลัยใกล้เข้ามาแล้ว ไปร้านอินเตอร์ให้น้อยๆ หน่อยดีกว่า…”
ฟางผิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม กลายเป็นหนึ่งในสมาชิก ‘คู่หูคนธรรมดา’ อย่างเช่นเคย
แม้ว่าเฉินฝานจะไม่ใช่คนพูดมาก แต่ก็ยังคงเป็นห่วงเพื่อนที่นั่งข้างโต๊ะคนนี้ไม่น้อย
—
ทนเรียนคาบเช้าที่เหลือจนจบอย่างลำบากยากเย็น พอเสียงกริ่งดังขึ้น ฟางผิงก็เดินตัวปลิวออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน
เขาอยากจะไขความสงสัยของตัวเองเต็มทนแล้ว
เฉินฝานเห็นฟางผิงเดินออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน จึงวิ่งตามไปถาม “นายจะไปกินข้าวหรือไปร้านอินเตอร์เน็ต?”
“ร้านอินเตอร์เน็ต”
“รีบกลับมาแล้วกัน คาบแรกตอนบ่ายเป็นวิชาของอาจารย์ประจำชั้น”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน