ตอนที่ 3 คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์
ด้านนอกร้านอินเตอร์เน็ต
ฟางผิงใบหน้าเด็ดเดี่ยว แววตาแฝงความแข็งกร้าว
ไม่แข็งกร้าวก็คงไม่ได้!
หลังจากท่องอินเตอร์เน็ตมาหนึ่งชั่วโมง ฟางผิงก็สรุปเรื่องบางอย่างได้
อย่างเช่นว่า ผู้ฝึกยุทธ์คืออะไร?
ผู้ฝึกยุทธ์ในโลกปัจจุบันนั้นไม่แตกต่างกับนิยายกำลังภายในหรือภาพยนตร์จอมยุทธ์ในชาติก่อนนัก
แค่เปลี่ยนสถานการณ์เป็นปัจจุบันเท่านั้น อาชีพผู้ฝึกยุทธ์กำลังรุ่งเรืองโชติช่วงในยุคนี้
แม้อาชีพผู้ฝึกยุทธ์จะเป็นอาชีพที่ใช้ทักษะสูง แต่ก็ใช่ว่าฟางผิงจะต้องสนใจ
แต่ในชาตินี้ ผู้ฝึกยุทธ์กลับไม่ใช่อาชีพที่ใช้ทักษะสูงเท่านั้น สิ่งที่มากกว่านั้นคืออำนาจและตำแหน่ง!
หลักการปลาใหญ่กินปลาเล็กนั้นมีมาตั้งแต่โบราณกาล
ก่อนกลับชาติมาเกิด ความแตกต่างเช่นนี้ไม่ได้ปรากฏชัดเจนมากนัก ทุกคนก็เป็นคนธรรมดาที่ถูกปืนยิงล้มได้
แต่ในโลกที่เขากลับมาเกิดนี้เต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธ์ ความแตกต่างจึงเห็นได้ชัด
ก่อนหน้านี้ที่หยางเจี้ยนพูดเรื่องขีดจำกัดของการเมืองและการทำธุรกิจ ตอนนี้ฟางผิงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
คนทั่วไปจะทำอาชีพอะไร ล้วนไม่มีข้อจำกัด
แต่ตามกฎหมาย…ใช่แล้ว มีกฎหมายที่บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษร!
ถ้าบริษัทอยากจะขยายธุรกิจออกนอกเมือง ฝ่ายกฎหมายของบริษัทจะต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์
และถ้าจะขยายข้ามมณฑลอื่น ฝ่ายกฎหมายของบริษัทก็ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ต่ำกว่าขั้นสี่!
จากข้อมูลที่ฟางผิงค้นเจอในอินเตอร์เน็ต การฝึกยุทธ์ในปัจจุบันแบ่งเป็นเก้าขั้น ขั้นหนึ่งต่ำสุดและขั้นเก้าสูงที่สุด
ขั้นสี่ลงไปนับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่าง ขั้นเจ็ดขึ้นไปนับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง และคนกลุ่มนี้จะถูกเรียกว่าระดับปรมาจารย์
อยากจะขยับขยายบริษัทไปเมืองอื่น อันดับแรกฝ่ายกฎหมายของบริษัทต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์อันดับสี่ขึ้นไป
ทั้งหากเป็นบริษัทข้ามชาติ แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายที่แน่ชัด แต่ฟางผิงก็หาในเน็ตอย่างลวกๆ แล้ว หากไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด แม้ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะดีแค่ไหน ได้รับความนิยมขนาดไหน ผลีผลามเข้าไปอยู่ในประเทศอื่น ภูมิภาคอื่น นั่นแทบไม่ต่างจากการส่งคนไปตาย
แม้ว่าในบริษัทจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด ก็ต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองก่อน
อย่างเช่น ปรมาจารย์หม่าในตอนนี้!
ผลิตภัณฑ์ของเพนกวินกรุ๊ป ไม่แตกต่างจากชาติก่อนมากนัก เน้นไปที่การสื่อสาร ปัจจุบัน QQ[1] ยังคงเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักในโลกออนไลน์ของประเทศจีน
แต่ก็จำกัดแค่ในประเทศจีน!
เพนกวินกรุ๊ปไม่อาจเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียได้ แม้ก่อนหน้านี้หม่าฮั่วเถิงจะบรรลุขั้นเจ็ด แต่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิลก็ปล่อยแอปพลิเคชั่นสื่อสารออกมาเช่นเดียวกัน มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดนั่งรักษาการณ์ในภูมิภาคเอเชีย
ยามนี้หม่าฮั่วเถิงไม่อาจพิสูจน์พละกำลังของตัวเองได้ เมื่อไม่สามารถใช้เรื่องนี้แย่งชิงทรัพยากรกับกูเกิล ก็อย่าได้คิดจะขยับขยายไปด้านนอกเลย
เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศ คนที่คุณส่งไปขยับขยาย อาจจะหายไปไร้ร่องรอยในชั่วข้ามคืน
มีเพียงการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเองให้โลกภายนอกและสหายร่วมวงการเป็นที่ประจักษ์เท่านั้น คุณถึงจะสามารถขยับขยายได้อย่างสบายใจ
นี่จึงเป็นสาเหตุที่หม่าฮั่วเถิงบรรลุขั้นแปด ก็เลือกท้าประลองกับแทมทันที
การประลองครั้งนี้ แพ้ชนะไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือพิสูจน์ว่ายามนี้หม่าฮั่วเถิงได้บรรลุถึงขั้นแปด มีคุณสมบัติจะแย่งชิงผลประโยชน์กับกูเกิลได้แล้ว
นี่เป็นกฎเกณฑ์ของแวดวงธุรกิจ แวดวงอื่นๆ ก็คงไม่แตกต่างจากนี้เท่าไหร่
ทรัพยากรน้อยหรือมาก ตัดสินจากความแข็งแกร่งที่สั่งสมของผู้ฝึกยุทธ์อีกฝ่าย
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือ เล็ดลอดออกมาว่า ผู้ว่าหนานเจียงใกล้จะทะลวงด่านสำเร็จแล้ว หยางเจี้ยนพูดเรื่องนี้ด้วยความตื่นเต้น สาเหตุก็คงเป็นเช่นนี้
ผู้ว่าระดับปรมาจารย์ย่อมสามารถแย่งชิงทรัพยากรที่มากกว่าให้กับหนานเจียงได้
แวดวงการเมือง ธุรกิจ ทหารก็เป็นเช่นนี้ กระทั่งวงการบันเทิงและอาชีพอื่นย่อมไม่ต่าง
พวกศิลปินที่มีชื่อเสียง นอกจากต้องมีฝีมือ หน้าตาโดดเด่น ยังจำเป็นต้องมีวรยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา
เพราะหากคุณไม่แข็งแกร่ง คุณกอบโกยเงินไปเท่าใด ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้
เว้นเสียแต่ว่า จะมีพ่อแม่ที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลัง
ทายาทเศรษฐีในยามนี้ แทบจะเรียกรวมกันว่า…ทายาทผู้ฝึกยุทธ์!
เพราะคนที่มีเงินมีอำนาจ ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันทั้งนั้น
คนธรรมดาทั่วไปส่วนหนึ่งก็ก้าวเดินไปไกลได้เช่นกัน แต่เบื้องหลังคนพวกนี้กลับมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลังอยู่
ทั้งต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเองออกมา มีเงื่อนไขเข้มงวดยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์เสียอีก
ถ้าไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ก็จะถูกจดให้เป็นพวกปลายแถว ไม่มีตำแหน่งอำนาจในสังคม
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ใครๆ ก็อยากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์
แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอ ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ยื่นสมัครงานในบริษัทเล็กๆ อย่างน้อยที่สุดทุกปีก็มีรายรับเป็นล้านแล้ว
ในความเป็นจริงคนที่สามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งต่างก็เป็นหัวกะทิในสังคมทั้งนั้น
เว้นเสียแต่คนพวกนี้จะยอมศิโรราบให้คนที่แข็งแกร่งกว่า การปล่อยกิจการให้รัฐจัดการนับว่าพบเห็นได้น้อย ส่วนมากมักจะก่อตั้งบริษัทขึ้นเอง
เทียบกับคนทั่วไปแล้ว พวกเขามีอำนาจกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ต่อให้เงินทองมากเท่าไหร่ ก็ตกไปอยู่ในมือคนอื่นอยู่ดี”
ฟางผิงลอบพึมพำกับตัวเอง นี่นับเป็นเรื่องจริงที่เจ็บปวด
จากที่ค้นหาข้อมูลเจอในอินเตอร์เน็ต นอกจากเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์แล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต่างจากชาติก่อนมาก
นั่นหมายความว่า หากฟางผิงอยากจะเริ่มต้นธุรกิจ เรื่องความคิด ผลิตภัณฑ์นั้นไม่ใช่ปัญหา
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ ฟางผิงไม่มีความสามารถปกป้องตัวเอง ถ้าอยากหาเงินเล็กๆ น้อยๆ คงพอได้ แต่อยากจะทำกิจการใหญ่โตคงเป็นได้แค่ฝันลมๆ แล้งๆ
ขยับขยายบริษัทข้ามเขตเพียงเล็กน้อยย่อมเป็นไปได้ว่าจะถูกแย่งชิงทรัพยากร เนื่องจากระบบกฎหมายของประเทศจีนยังนับว่าไม่สมบูรณ์แบบ
ทางการก็มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากนั่งรักษาการณ์เช่นกัน
อย่างเช่นตอนนี้ ในยุคนี้ยังไม่มีแอปพลิเคชั่นวีแชท
หากฟางผิงทำขึ้นมา ก็มีผลลัพธ์เพียงสองอย่าง หนึ่งคือกลายเป็นของคนอื่น
สองคือ ถูกใช้แพร่หลายในเมือง กลายเป็นของเล่นบันเทิงใจให้กับกลุ่มคนเล็กๆ หากแพร่หลายออกจากนอกเมือง แม้ว่าจะมีกำไรมากเท่าไร นั่นก็ไม่ใช่ของเขา ส่วนใครจะเป็นเจ้าของ ก็ต้องดูความสามารถของแต่ละฝ่าย
คนทั่วไปใช้ชีวิตอยู่กับการตอกบัตรเข้างานสบายๆ หากเก่งขึ้นมาหน่อย ก็เปิดบริษัทเล็กๆ อยู่ในเมืองอย่างคลอนแคลน
แม้จะอยู่ในเมือง ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน